บทที่2 เกลียดอะไรเขาว่าจะได้อย่างนั้น

1967 คำ
บทที่2 เกลียดอะไรเขาว่าจะได้อย่างนั้น บ้านบดินทร์นุกูล และแล้วก็ถึงวันออกเดินทางตามนัดหมายที่ได้นัดกันเอาไว้ นายแพทย์สีหราชหรือหมอสิงห์สูตินารีแพทย์หนุ่มที่อายุอานามจะสามสิบอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะพาแฟนสาวมาแน่นำให้ผู้เป็นพ่อและแม่ได้รู้จักดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าและรีบรุดมาที่หน้าห้องของพี่ชายฝาแฝดด้วยใบหน้าที่พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อถ้ามีคนเบี้ยวนัดในวันนี้ “นี่แกกลัวฉันเบี้ยวนัดขนาดนั้นเลยเหรอ” ศารทูลหรือเสือนายตำรวจหนุ่มปราบปรามยาเสพติดที่มักจะเบี้ยวนัดการพบปะรวมรุ่นอยู่เป็นประจำเอ่ยถามแฝดผู้น้องที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องนอนหลังจากที่เคาะประตูปึงปังปลุกจนเขาต้องตื่นมาเปิดให้ทันทีที่เขาเปิดประตูออกจากห้อง หึ...คงกลัวเขาเบี้ยวทริปไปเที่ยวภูเก็ตครั้งนี้เหมือนที่เขาเคยบอกว่าจะไปร่วมทริปกับเดอะแก็งแต่เบี้ยวนัดทุกครั้งละสินะ “แหง่ละ แกเบี้ยวมาสี่ห้าครั้งแล้วยังไงครั้งนี้ฉันต้องเอาแกไปด้วยให้ได้ ให้เวลาอาบน้ำครึ่งชั่วโมงเร็วๆ” นายแพทย์สีหราชเอ่ยบอก ให้ตายเถอะไอ้พี่ชายคนนี้เข้าไม่ถึงความตื่นเต้นที่จะได้เจอใครบางคนของเขาไม่ได้หรือไง ถึงได้ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเอาซะเลย “ที่อยากให้รีบเนี่ยเพราะจะได้ไปหายัยคะนิ้งละสิ ชอบก็บอกๆไปดิวะฉันเห็นแกชอบยัยคะนิ้งตั้งแต่ม.ต้นจนตอนนี้ยังไม่เคยบอกเขาเลย” ศารทูลเอ่ยอย่างเอือมระอา เขารู้ว่าน้องชายชอบเพื่อนสาวในกลุ่มแต่ไม่เคยบอกให้เธอคนนั้นรู้ รู้ก่อนที่เจ้าบ้านี่จะรู้ใจตัวเองเสียอีก แต่ก็นึกรำคาญเช่นกันที่เรียนจบมาก็หลายปีแล้วมันก็ยังไม่ได้สารภาพความในใจเลยสักครั้ง...ถ้ากล้ากว่านี้ไม่ใช่ว่าเขามีหลานไปสามสี่คนแล้วเหรอ “สะเออะ ไปอาบน้ำเลยไปจะได้กินข้าว แม่กับพ่อและก็หมอทรายรออยู่...อย่า-ชัก-ช้า อืดอาดอยู่ได้” หมอหนุ่มเอ่ยบอกก่อนดันหลังพี่ชายเข้าไปในห้องแล้วมุ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้โดนคนรู้แกวมาล้อกัน ครึ่งชั่วโมงต่อมาสองพี่น้องฝาแฝดแห่งบ้านบดินทร์นุกูลก็ปรากฏตัวที่ห้องอาหารของบ้าน ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นสบายๆไม่ติดกระดุมด้านบนกับกางเกงสีเทาของศารทูลเดินลงบันไดมาพร้อมกับสีหราชที่ใส่เหมือนกันแค่เปลี่ยนเป็นเสื้อสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสีขาวทำให้สัตวแพทย์หญิงสิรินทราหรือหมอทรายผู้เป็นน้องสาวถึงกับมองตาเป็นมัน ดูหน้าอกล่ำ ๆ ของคุณพี่ชายทั้งสองของเธอสิ บึกบึนไม่เกรงใจใคร ใส่เสื้อเชิ้ตไม่มีเสื้อตัวในแบบนี้ยิ่งเห็นชัด “กล้ามก็ใหญ่ อกก็บึกบึน เห็นแล้วใจละลายทั้งพี่เสือพี่สิงห์เลยค่ะ ทำไมหล่อ ๆ แบบนี้เกิดมาเป็นพี่ชายของทรายด้วยเนี่ย...เกิดเป็นสามีไม่ได้รึไง” สิรินทราเอ่ยบอกพร้อมทำหน้าแสนเสียดายพี่ชายของเธอหล่อเหลาเป็นที่ต้องการของตลาดเสียเหลือเกิน...เธอไม่ได้คิดไปเองดาราบางคนยังต้องชิดซ้าย ไหนจะติดโพลTop 5 สองหนุ่มหล่อที่สาวๆอยากกอดมาแล้วทั้งคู่ “อย่าเว่อร์ยัยน้องทราย แก่แดดจริง ๆ เราเนี่ย” ศารทูลเอ่ยปรามน้องสาวที่ออกอาการโอเว่อร์จนเกินเหตุ ไม่น่าเป็นสัตวแพทย์เลยจริง ๆ ยัยคนนี้ ควรไปเป็นนักแสดงมากกว่าโอเว่อร์แอตติ่งกินขาด ไม่รู้รับบทคลั่งรักพี่ชายหรือไง ถึงได้มองพี่ชายสองคนยิ่งกว่าโอปป้าเกาหลี “แก่แดดที่ไหนน้องยี่สิบหกแล้วไม่ใช่สิบหก โตพอจะพูดเรื่องนี้ได้แล้ว” สิรินทราว่าอย่างมั่นใจว่าตัวเองโตพอก่อนจะโดนสีหราชใช้นิ้วดีดหน้าผากขณะที่เดินไปนั่งยังที่นั่งประจำ “เจ็บนะพี่สิงห์น้องจะฟ้องพ่อ พ่อขาดูพี่สิงห์สิคะรังแกทรายอ่ะ” สิรินทราไม่ขู่เปล่า ๆ ยังหันมาฟ้องผู้เป็นพ่อจริง ๆ ก่อนจะต้องกินแห้วเมื่อบิดาเข้าข้างพี่ชาย “ก็เราเถียงพี่ ๆ เค้าก่อนนี่หมอทราย...ไงเจ้าเสือได้ยินว่าเมื่อคืนสาหัสเลยนี่” พลตำรวจโทสัตยาเอ่ยบอกก่อนจะหันไปพูดกับศารทูล เช้านี้เขาได้รับรายงานจากลูกน้องเกี่ยวกับการบุกจับแก็งค้ายาเสพติดเมื่อคืนที่บุตรชายคนโตเป็นหัวหน้าทีมว่าผู้ต้องหามีอาการบาดเจ็บสาหัสหลังจากต่อสู้กับศารทูล เรื่องนี้ไม่หยิบยกมาพูดก่อนที่ลูกชายจะลาพักร้อนเห็นทีจะไม่ได้ “กับคนร้ายน่ะเบา ๆ หน่อย” “มันกวนตีนผมก่อนนะพ่อ มาหาว่าหน้าหล่อ ๆ แบบนี้คงกระจอกให้ไปเป็นดาราดีกว่าตำรวจ ก็เลยจัดให้มันรู้ว่าผมเหมาะจะเป็นตำรวจไม่ใช่ดารา” ศารทูลเอ่ยบอกอย่างโมโหระดับตัวเด่นในชุดปฏิบัติการพิเศษแบบเขาถูกไอ้ลูกน้องปลายแถวพ่อค้ายาสบประมาทมันสมควรโดนแล้ว “หล่อแต่โหด เถื่อน ซาดิสม์ สาวๆยิ่งชอบ โอ๊ย พี่ชายของน้อง” สิรินทราเอ่ยขึ้นก่อนจะโดนหล่อแต่โหดใช้ซ้อมป้อนไส้กรอกเข้าเต็มปาก “แค่ก ๆ” “กินไปเลยเรานะ แกด้วยสิงห์ ถ้ารีบก็ทำเวลา” “โหดจริง ๆ อารมณ์เสียอะไรวะ ไม่ดีใจรึไงจะได้เจอคู่ปรับตลอดกาลในรอบหลายปีเชียวนะ” สีหราชเอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบดีว่าเพราะชื่อคู่ปรับนี่แหละพี่ชายจึงอารมณ์เสีย “หึ แค่นึกถึงก็อารมณ์เสียแล้ว” ศารทูลบ่น หึ...จะไปพักทำใจถึงถิ่นเขาแล้วยังมาว่าเขาอีกยัยเอเลี่ยนนั่น อกหักให้ตายเขาก็ไม่สงสาร ยัยผู้หญิงปากจัดนั่นแฟนทิ้งน่ะสมแล้ว “เกลียดหนูอลินมาก ๆ ระวังจะได้หนูอลินมาเป็นสะใภ้แม่ล่ะ โบราณยิ่งว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นเคยได้ยินมั้ย” แพทย์หญิงกานต์รวีผู้เป็นแม่แทรกขึ้นด้วยใบหน้าหมั่นไส้ “ไม่มีทางครับแม่ ผมไม่เชื่อคำโบราณอะไรนั่นหรอก” ศารทูลยังคงยืนยันความคิดและคำพูดที่เขาพูดมาแล้วกับใครหลายคนที่บอกว่าคำโบราณเขาว่าไว้ก่อนจะลงมือทานอาหารต่อแต่ประโยคต่อไปของมารดาก็ทำให้เขาถึงกับติดคอ “แต่แม่ฟันธงได้เลยเรากับหนูอลินนะหนีกันไม่พ้นได้กันชัวร์ หมอกานต์คอนเฟิร์ม หมอกานต์ฟันธง” แพทย์หญิงกานต์รวีเอ่ยพลางทำท่าคล้ายๆหมอดูชื่อดังที่เห็นตามหน้าจอทีวี “แค่ก ๆ” “สำลักไปเถอะ แม่มั่นใจ” “แม่คอยดูผมจะทำให้เห็นว่าแม่แค่หมอเดา มั่วมากไม่มีทางเป็นจริง ผมไม่มีทางเอายัยเอเลี่ยนนั้นเป็นเมียต่อให้โลกนี้เหลือผู้หญิงคนเดียวบนโลกเป็นยัยนั้นผมยอมบวชเป็นพระหรือเป็นเกย์ดีกว่า อิ่มแล้ว...ฉันไปรอที่รถนะไอ้สิงห์รีบๆ” ศารทูลเอ่ยบอกด้วยความโมโหก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ทั้งสามส่ายหน้าอย่างเอือมระอา อะไรกันนักหนานะอริสากับศารทูลเนี่ย ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เบื่อบ้างรึไงกัน ท่าอากาศยานดอนเมือง “อลินทางนี้” เสียงเรียกท่ามกลางฝูงคนที่พลุกพล่านทำให้อริสาที่เดินหากลุ่มเพื่อนอยู่ยกมือขึ้นโบกทักทายก่อนที่จะเดินเข้าไปหาต้นเสียงทันทีด้วยใบหน้าดีใจ “คิดถึงพวกแกจัง มาให้กอดหน่อย” อริสาเอ่ยบอกก่อนจะเข้าไปสวมกอดแพทย์หญิงสัตวแพทย์ปริมาหรือหมอปริมสัตวแพทย์คนสวยที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดทริปในทุก ๆ ครั้งตามด้วยอารตีหรือครูอุ้มครูสอนนาฏศิลป์สาวสุดเรียบร้อยและอาริตาหรือครูแอ้มครูพละสุดห้าวแฝดผู้พี่ของอารตีจากนั้นจึงโผลเข้าหานลินญาหรือคะนิ้งมัณฑนากรสาวแว่นที่ดูเซ่อซ่าที่สุดของกลุ่มและตบท้ายด้วยการกอดแพนธีรา “พวกแกสบายดีกันมั้ยโจ เต้ย ป็อบ แบงค์” หลังจากสวมกอดเพื่อนสาวจนพอใจแล้วอริสาก็หันมาถามเพื่อนชายที่ยืนยิ้มอยู่ ซึ่งประกอบไปด้วยบรมรัตน์หรือแบงค์วิศวกรหนุ่มตี๋ลูกชายเจ้าของห้างทอง เตชินทร์หรือเต้ยเจ้าของโรงแรมหรูที่เป็นที่พักในครั้งนี้ของทริปนี้ ปุริมปรัชญ์หรือป๊อบอัยการหนุ่มที่ป๊อบปูล่าไม่ด้อยไปกว่าใครในกลุ่ม และเรืออากาศเอกเจตรินหรือโจทหารอากาศหนุ่มนักบินมาดนิ่งแต่ความจริงไม่นิ่งเวลาอยู่กับเพื่อน “ก็ดีนะถ้าคุณนายไม่หาเมียให้” บรมรัตน์เป็นคนแรกที่ตอบอริสา แต่ก็เป็นการตอบที่แฝงความเหนื่อยใจเกี่ยวกับเรื่องของตนตามด้วยเตชินทร์ที่ตอบอย่างมั่นใจ “ฉันก็ดี..แค่ต้องคอยสับรางให้สาวๆ” “สับราง...เชอะคอยดูจะโดนสับ...นะไอ้เต้ยเจ้าชูนักน่ะ” ปุริมปรัชญ์แทรกขึ้นพร้อมกับใช้สายตามองไปที่เป้ากางเกงของเพื่อนแทนคำบางคำที่เขาเว้นไว้ก่อนที่เจตรินจะเสริมอย่างเห็นด้วย “นั่นดิวะฉันห่วงหนอนน้อยแกว่ะ ไอ้เต้ย” “หนอนน้อยเหรองั้นแกก็ลูกหนอนเพิ่งเกิดแหละไอ้โจ” เตชินทร์เอ่ยสวนกลับอย่างโมโห แต่คนที่อายจนหน้าแดงระเรื่อกลับเป็นสาว ๆ ที่ยืนฟังอยู่ คุณครูนาฏศิลป์สาวกระแอมทั้งที่หน้าแดงระเรื่อก่อนจะว่าเข้าให้ “นี่พวกแกพวกเรายืนอยู่นี่ตั้ง6คนเกรงใจกันบ้างหนอนนงหนอนน้อยอะไร” “เออ โทษ ๆ ลืม ๆ ไปเหอะนะสาว ๆ” เตชินทร์บอกก่อนที่จะค้อนสายตาของอาริตาที่แอบมองมาอย่างพิจารณา ยัยคนนี้ห้าวจนจะเหมือนผู้ชายแต่ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิง จะมามองเป้าเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน “แฮ้ม...ว่าแต่สองแฝดนรกคงไม่เบี้ยวนะ” อาริตาที่โดนค้อนกระแอบก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่ายังมากันไม่ครบทีมแต่แล้วปริมาก็ร้องกรี๊ดขึ้นให้พอได้ยินกันทำให้ทุกคนต้องหันมองไปมอง “กรี๊ด!” “ใครเหยียบหางแกวะปริม” อาริตาถาม ปริมาไม่ตอบแต่ชี้ไม้ชี้มือไปที่ชายหนุ่มสองคนที่เหมือนจะธรรมดาแต่ออร่าไม่ธรรมดา ทุกสายตามองตามปลายนิ้วของปริมาแม้แต่อริสาก็ต้องหันไปมอง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าอาจละลายใจสาวเกือบครึ่งสนามบินที่มองกันเหลียวหลังแต่อริสากลับไม่อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นแน่นอน “เหอะ...ทำเป็นเท่ น่าหมั่นไส้ ไอ้แมวบ้าเอ้ย” “มันหนักหัวเธอนักรึไงวะยัยเอเลี่ยนถูกทิ้ง” ศารทูลที่ได้ยินถึงกับต้องตอกกลับ หึ แค่นี้ก็ยืนยันได้แล้วว่ามารดาเขามั่วสิ้นดีการเจอกันครั้งแรกในรอบหลายปียัยคนนี้ยังด่าเขาอยู่เลย สิบชาติก็ดูจะไม่เปลี่ยน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม