ทว่า บิดาของเขาเสียชีวิตด้วยเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มกลางทะเลขนอม ขณะเดินทางไปท่องเที่ยวกับเพื่อนที่เดินทางมาจากอเมริกาเมื่อสามปีก่อน นับแต่นั้นมา จอมทัพจึงต้องรับภาระหนักอึ้ง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงชีวิตคนงานอีกนับพันต้องมาอยู่ในมือเขา ทว่าหลายปีที่ผ่านมา จอมทัพได้พิสูจน์ตัวตนให้ทุกคนได้เห็นว่า เขามีความสามารถมากพอที่จะดูแลไร่ทับตะวัน ไม่ใช่แค่เพราะเขาคือทายาทเพียงคนเดียว
ดวงตาคมเข้มดูมาดมั่น น้ำเสียงเอาจริงเอาจังขณะทำงานอาจทำให้คนงานเกรงกลัว แต่ทุกคนรู้ว่า ลึกๆ แล้วพ่อเลี้ยงจอมทัพเป็นคนใจคอกว้างขวาง ที่ไร่ทับตะวันแห่งนี้จ่ายโบนัสให้แก่คนงานถึงปีละสามเดือน แม้จะมีผู้คนอยากเข้ามาทำงานที่นี่เป็นจำนวนมาก ทว่ามีน้อยคนที่จะผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเข้าทำงาน
เช้าวันนี้ พ่อเลี้ยงจอมทัพมีท่าทางหงุดหงิด แววตาคู่คมดูดุดันแข็งกร้าว หลังขึ้นไปพบมารดาที่บ้านใหญ่ ใบหน้าหล่อคมคาย กระตุกยิ้มกับเรื่องที่ได้ยินก่อนหน้า
“ผมฝากคุณแม่ไปบอกลูกสาวเพื่อนคุณแม่ด้วย ถ้าคิดว่าอึดเรื่องบนเตียงได้มากพอ ไม่กลัวตายคาเตียงตั้งแต่คืนเข้าหอ ผมก็ยินดีแต่งด้วย”
ดวงตาอันร้อนแรงของผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำ หนั่นแน่นไปทุกสัดส่วนพูดและสบสายตามารดาจนท่านยกมือขึ้นลูบอกราวกับจะเป็นลมเสียให้ได้ ใครจะกล้ารับเอาคำของลูกชายไปถ่ายทอด
“ตาจอม ดูแกพูดเข้า”
“ก็มันจริงนี่ครับคุณแม่ คู่นอนของผมแต่ละคน ต้องทน และอึดมาก”
แม่เลี้ยงดอกปีบวัยห้าสิบแปดสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะมองดวงตาพราวระยับของบุตรชาย
“ตาจอม!”
อันที่จริง นางเข้าใจนิสัยบุตรชายดี และไม่อยากจะยื่นมือเข้ามายุ่งในเรื่องส่วนตัว แต่หากนางไม่เป็นผู้ลงมือหาเมียให้ เกรงว่าตระกูลคาเตอร์จะสิ้นสุดสายพันธุ์เพียงเท่านี้ เพราะแม้จอมทัพจะมีคู่นอนสาวสวยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาที่ไร่ไม่ขาด แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าลูกชายนางเป็นพวกเบื่อง่าย คู่ขาแต่ละคนสวยระดับนางงาม ทว่า ไม่เกินเดือน ไม่ว่าจะสาวสวยแค่ไหน หรือผ่านเวทีประกวดใดมาบ้างก็ตามก็จะถูกปลดระวาง จึงเกรงว่าหากหากรอให้จอมทัพ ยินยอมพร้อมใจ สร้างสายเลือดใหม่ให้กับตระกูลคาเตอร์ด้วยตนเอง นางหมดลมหายใจไปอีกคนก็ยังไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าหลาน
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่ วันนี้ ผมจะเข้าเมือง และขากลับจะแวะซื้อลูกพลับเกาหลีที่คุณแม่ชอบมาฝากนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิตาจอม แล้วเรื่องที่แม่ชวนให้แกไปกินข้าวกับน้องเขาเย็นนี้ว่าไง...”
ทว่า เจ้าของแผ่นหลังกว้างก็เดินไปไกลแล้วเพราะตั้งใจว่าจะรีบเข้าไปทำธุระในเมือง
ครึ่งชั่วโมงถัดมา
ศศิกาญจน์ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสี่ส่วนสีขาวทับอยู่ในกางเกงผ้าขายาวสีดำ เกล้าผมทรงสูงทิ้งปลายผมมีน้ำหนักลงมาเป็นหางม้า กำลังยืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ พลันหญิงสาวก็หันไปหยิบกรอบรูปสีขาว ซึ่งเป็นภาพถ่ายครอบครัวที่มีเธอบิดาและมารดาร่วมเฟรมที่วางไว้บนตรงโต๊ะหนังสือขึ้นมามอง แล้วคลี่ยิ้มหวานซึ้ง แววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความมุ่งมั่น
“แม่คะ วันนี้ ซอจะไปสัมภาษณ์งานนะคะ แม่เป็นกำลังใจให้ซอและอวยพรให้ซอได้งานนี้ด้วยนะคะ แม่คงเข้าใจนะคะว่าทำไมซอไม่อยากอยู่ที่นี่ ขอซอไปตั้งหลักสักพัก และจะหาทางขับไล่ปลิงสองแม่ลูกออกไปจากที่นี่แน่นอน แม่ไปกับซอนะคะ”
มือเรียวหยิบกรอบรูปนั้นใส่ไปในซิปหน้าของกระเป๋าเป้สำหรับเดินทางสีน้ำเงินที่วางอยู่บนเตียงนอน ซึ่งภายในบรรจุเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นเพียงเล็กน้อย ร่างสวยลุกขึ้นยืดลำตัวให้ตั้งตรงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความมั่นใจอีกครั้ง
จากนั้นหยิบกระเป๋าสะพายหนังสีดำสำหรับใส่กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือมาพาดกลางลำตัวเพื่อความทะมัดทะแมงในการเดินทาง แล้วจึงหันไปคว้ากระเป๋าเป้เดินทางบนเตียงนั้นขึ้นมาสะพาย
ขณะที่ประตูไม้ค่อยๆ ปิดลงตามแรงดึงพร้อมกับสายตาอาลัยด้วยความผูกพันของเจ้าของห้องที่หันมามองรอบๆ ห้อง ก่อนหญิงสาวจะตัดใจเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปกล่าวลาบิดาในห้องโถงรับแขก
นายณรงค์มองเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ที่เติบโตขึ้นมากลางสวนผัก จนเวลานี้ ศศิกาญจน์กลายเป็นสาวสวยสะพรั่งที่ทุกปีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ต่างมาพูดเชียร์ให้เขาส่งเข้าประกวดมิสแกรนด์ แต่นายณรงค์ไม่ต้องการให้ลูกสาวเลือกเดินเส้นทางนางงาม เพราะความสวยนั้นอันที่จริงแล้วก็คือดาบสองคม
“ซอ พ่อยืนยัน ลูกไม่จำเป็นต้องออกไปหางานทำ พ่อเลี้ยงลูกได้”
“ถ้าจบแล้วไม่ทำงาน ก็เท่ากับว่าซอเอาเงินของพ่อไปผลาญเล่นสิคะ ซอแค่อยากทำงานเพื่อให้มีประสบการณ์ จากนั้นจะได้นำประสบการณ์มาพัฒนาสวนผักนางซินของเราให้โกอินเตอร์กับเขาบ้าง” เธออ้างเหตุผลนี้เพื่อให้บิดาสบายใจ ไม่อยากเล่าให้ท่านกังวลว่า สองคืนที่ผ่านมา ลูกเลี้ยงที่บิดาเห็นว่าเป็นคนดีเอาการเอางาน ย่องมาเคาะห้องนอนของเธอในยามวิกาล เพียงแต่เธอขาดหลักฐาน ยิ่งบิดาทั้งรักทั้งหลงแม่เลี้ยงสาว รู้ว่าถ้าพูดออกไป ความเครียดจะตกอยู่ที่คนกลาง ฉะนั้น ศศิกาญจน์จำต้องพาตัวเองไปให้พ้นภัย และหาทางตั้งหลักกลับมาจัดการพวกปลิงทีหลังก็ยังไม่สาย
มือเรียวพนมขึ้นเป็นรูปดอกบัวแล้วค้อมศีรษะลง “ซอไปก่อนนะคะพ่อ” หยาดน้ำตาใสคลอหน่วยเจียนจะหยดจากตาคู่สวย เพราะรู้ดีแก่ใจว่าการออกจากบ้านครั้งนี้มีจุดหมายอะไรแอบแฝง
ผู้เป็นบิดาลูบผมดำสลวยที่ถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าของบุตรสาวอย่างเอ็นดูพร้อมกับอวยพรให้
“พ่อขอให้ซอประสบความสำเร็จ ได้งานนี้สมกับที่ตั้งใจ เดินทางปลอดภัยนะลูก”
“ขอบคุณค่ะพ่อ ซอไปก่อนนะคะ”
ทว่า สายตาคู่หนึ่งพาดมองมาด้วยแววตาจับผิด เมื่อเห็นว่าลูกเลี้ยงสาวหอบกระเป๋าราวกับว่าจะไปค้างอ้างแรมที่ไหน ไม่ใช่เพียงการไปสัมภาษณ์งาน
“อ้าว! จะไปแล้วเหรอหนูซอ พี่กรเขากำลังแต่งตัว บอกว่า ยังไงก็อดห่วงน้องไม่ได้ ไม่ให้ไปรับส่ง ขอไปส่งจนถึงจุดที่หนูนัดเพื่อนไว้ก็ยังดี” เสียงเล็กแหลมเอ่ยถาม ขณะที่กำลังเดินมากับแก้วกาแฟในมือ ค่อยๆ วางลงตรงโต๊ะ