เอ้ก อี เอ้กเอ้ก... เสียงไก่ขันลั่นดังไปทั้งไร่
อาไผ่ขยับตัวขับไล่ความขบเมื่อย เมื่อคืนนี้เขาตะบี้ตะบันดื่มน้ำสีเหลืองอำพันลงไปในคอไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ หัวสมองของเขาหนักอึ้งไปหมด ไผ่ยกมือขึ้นมากุมหน้าผากที่ปวดร้าวไปทั้งขมับ ลืมตาขึ้นมองไปบนเพดาน
ความเป็นชายขันแข็งกับเสียงไก่อู้ในตอนเช้าเหมือนเช่นทุกวันแต่วันนี้เขามีความรู้สึกสบายรู้สึกโล่ง ๆ ตัวอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเหมือนสัมผัสเนื้อตัวอ่อนนุ่มเมื่อคืนนี้มันช่างเหมือนฝันไป
ไผ่พยายามนึกแล้วนึกอีก เขาเฝ้าสำรวจเนื้อตัวของตัวเอง เขาพบว่าบนเนื้อหนังของเขา ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าอก หรือแผ่นหลังมีรอยเล็บครูดไปเป็นทางยาว และบางอันมีเลือดแห้งกรังติดอยู่ด้วย ความสุขของลูกผู้ชายยังแห้งเกรอะอยู่กับเนื้อหนังของเขาไผ่ลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้ภายในหัวใจเต้นระยิบ
“บัดซบ...” เขาสบถขึ้นมาเบา ๆ เมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นลูกสาวและหลานสาวนอนกอดกันอยู่บนฟูกที่พื้นข้าง ๆ เตียง
เขานั่งนิ่งอยู่ท่านั้นอยู่เป็นนาน ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินจับหัวใจ
‘เชี่ยแล้ว... ไอ้ไผ่มึงทำอะไรลงไป’ เขาเฝ้าถามตัวเองวนไปวนมา
การขยับตัวของลูกสาวตัวน้อยที่ลุกขึ้นมานั่งแล้วขยี้ตา ก่อนจะส่งยิ้มสดใสมาให้คุณพ่อ ไผ่กระชับผ้าเช็ดตัวที่หลุดลุ่ยขึ้นมาใส่ให้เหมือนเดิม
ผิงผิงเดินหิ้วตุ๊กตาเดินมาหาคุณพ่อ ไผ่กางแขนโอบอุ้มลูกสาวเข้าแนบอก ก่อนจะจรดปลายจมูกสูดดมกลิ่นกายของลูกสาวตัวน้อย ๆ
“คุณพ่อขา... ตัวคุณพ่อเหม็นมากค่ะ” ผิงผิงยกมือเล็กผลักใบหน้าของคุณพ่อที่อยู่ใกล้ ๆ ไผ่หัวเราะร่วน
“ต่อไปถ้าคุณพ่อยังดื่มเหล้าแบบนี้อีก ผิงผิงจะไม่ให้หอมแก้มแล้ว” เด็กหญิงพูดพลางทำท่างอนเง้า ดิ้นตัวแรง ๆ ขอลงไปจากตัวคุณพ่อ เธอหมุนตัวเองไปหาพี่ข้าวผัด ก่อนจะสอดตัวลงไปนอนกอดพี่ข้าวผัดของเธอที่ยังนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง
ไผ่ยกมือขึ้นเกาหัวแกร๊ก ๆ เขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ เขาทำอะไรกับหลานสาวที่น่ารักของเขาลงไปแล้วจริง ๆ ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มหัวอก ไผ่ถอนหายใจออกมาแรง ๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำอยู่นาน
เขาจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรังของตัวเอง ไผ่ยกมือขึ้นมาลูบมัน ก่อนจะตัดสินใจหยิบใบมีดโกนขึ้นมาโกนมันทิ้งไปเสีย
เขาเดินผ่านร่างของเด็กทั้งสองคนลงไปที่ใต้ถุนเรือน ขวดเหล้าและจานชามที่เปื้อนเกรอะกรังวางอยู่เกลื่อน ไผ่รีบลงมือเก็บข้าวของเหล่านั้น แล้วล้างจานชามที่กองอยู่
“ดูสิ แทนที่จะทำตัวดี ๆ เป็นพ่อที่ดี ไม่มีอาเหมยแล้ว แต่อาไผ่ยังมีผิงผิงนะคะ แล้วก็ยังมีข้าวผัด มีคุณพ่อ มีคุณแม่ ถึงอาไผ่ไม่รักตัวเองก็เถอะ ก็ควรจะรักคนที่เหลืออยู่ตรงนี้บ้าง” ข้าวผัดแกล้งเช็ดหน้าเขาแรง ๆ
เสียงของข้าวผัดก้องอยู่ในหูของเขา เมื่อคืนเขาไม่รับรู้ แต่ทำไมเช้านี้เสียงแหลมเล็กนั้นถึงชัดเจนในความรู้สึกของเขายิ่งนัก
เขาหยิบขวดเหล้าที่กองสุมกันอยู่ใต้แคร่ขึ้นมาดู ก่อนจะยัดมันลงไปในกระสอบปุ๋ยที่ทำเป็นถังขยะอยู่ตรงนั้น
‘เพราะไอ้นี่ไง มึงถึงได้ทำอะไรอุบาทว์ลงไป’ เขานึกด่าทอตัวเอง
เสียงที่ดังก๊องแก๊งอยู่ข้างล่างหนวกหูนัก ข้าวผัดค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมายกมือขึ้นปิดปากหาวหวอด ๆ
เด็กหญิงผิงผิงหันหน้ามาส่งยิ้มให้ ในมือของหนูน้อยกำลังกดโทรศัพท์ของพี่ข้าวผัด เล่นเกมในนั้นอย่างสนุก
“ตื่นนานแล้วเหรอ” เธอส่งเสียงถาม
“ตื่นนานแล้ว พ่อไผ่ก็ตื่นแล้ว” ชื่อที่เด็กน้อยเอ่ยมาทำให้หัวใจของข้าวผัดเต้นตึกตักอย่างแรง
รสจูบ รสสัมผัสของอาไผ่ที่แนบแน่นเมื่อคืนยังตราตรึง เธอยกมือขึ้นกุมที่หัวใจในทันที ตอนนี้มันเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอก เด็กสาวบอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรอยู่ตอนนี้ แต่มีคำถามเดียวที่ผุดพรายขึ้นมาคือ
‘อาไผ่จะรู้ไหมว่าได้ทำอะไร ๆ กับเธอไปเมื่อคืน’
ข้าวผัดถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง แล้วยกตัวผิงผิงให้ลุกตาม
“ล้างหน้าแปรงฟันหรือยังคะ” ผิงผิงส่ายหน้าช้า ๆ
“เลิกเล่นก่อนนะคะ ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เดี๋ยวพี่ข้าวผัดจะเก็บที่นอน” เธอไล่เด็กหญิงให้เข้าห้องน้ำไป ได้ยินเสียงหนูผิงผิงฮัมเพลงที่ถูกใจอยู่ในห้องน้ำนั้น
เสียงที่ดังเบา ๆ เหมือนมีคนเดินอยู่ข้างบน ทำให้ไผ่รู้แล้วว่า สองสาวคงตื่นแล้วลุกขึ้นมาทำกิจกรรมอะไรอยู่บนนั้น ไผ่ถอนหายใจทิ้งอยู่หลายรอบ เขากำลังใช้ความคิดว่าจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรดีเขาไม่อยากจะได้ชื่อว่า กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา
“คุณพ่อขา... หิวจังเลย” ผิงผิงวิ่งตึง ๆ ลงมาจากข้างบน
ตามมาด้วยร่างของข้าวผัดที่หน้าซีดเซียวเพราะเพิ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมง เธอคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับอาไผ่ทั้งคืน
สองคนจ้องสบตากัน ข้าวผัดยิ้มขึ้นมาทันทีที่เห็นอาไผ่ของเธอโกนหนวดโกนเคราเสียเกลี้ยงแต่ฝ่ายอาไผ่กับทำหน้านิ่งเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เอ่ยปากพูดกับข้าวผัดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อาหุงข้าวไว้ให้แล้ว เจียวไข่ให้น้องไป” เขาบอกเธอ
ข้าวผัดหน้าเปลี่ยนสีลงทันที เธอเดินด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ตรงไปยังครัวเล็กด้านหลังก่อนจะลงมือเจียวไข่ให้กับผิงผิงและตัวเอง
“คุณพ่อขา... คุณพ่อโกนหนวดแบบนี้หล่อจังเลย”
ผิงผิงที่เป็นเด็กขี้เล่นคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ คุณพ่อ ยกมือขึ้นลูบปลายคางที่สะอาดสะอ้านของคุณพ่ออยู่ตอนนี้
ไผ่มองใบหน้าของลูกสาวตัวน้อยแล้วสะท้อนใจ เหมือนดังที่ข้าวผัดว่าให้ ถ้าไม่รักตัวเองก็รักลูกบ้าง
“ต่อไปพ่อสัญญานะว่าพ่อจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว” เขายิ้มพร้อมกับน้ำตาซึมผิงผิงช่างน่ารักเหมือนเหมยเหลือเกิน เขาก้มหน้าลงไปหอมลูกครั้งแล้วครั้งเล่า
เด็กหญิงดาริกาส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
“พี่ข้าวผัดขา คุณพ่อบอกว่าจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว” เธอบอกกับพี่สาวทันทีที่เธอนั่งลง
“ก็ดีแล้วนี่” ข้าวผัดพูดพลางส่งยิ้มให้กับคุณอาและผิงผิง แต่สิ่งที่ได้รับจากใบหน้าของเขาตอนนี้คือความเย็นชา