บทที่.1 Forget it...

1516 คำ
บทที่.1 Forget it...          โครม!          เสียงตัวถังรถยนต์ครูดกับพื้นถนนดังแสบแก้วหู ประกายไฟแลบแปลบปราบ ก่อนที่รถยนต์หรูจะพลิกคว่ำ หลายตลบ...กลิ้งหลุ่นๆ ลงไปตามถนนที่ทอดยาวลงไปยังตีนเขา ห่างจากเหวลึกไม่ถึง10เมตร รถยนต์หรูคันนั้นก็จอดสนิท...แต่ในสภาพที่ใครก็ตามมองเห็นคงได้แต่ร้องอุทานหาพระเจ้า...          ตัวถังด้านหน้ายุบเข้าหาช่วงกลางของตัวรถ สภาพภายนอกเสียหายอย่างหนัก กระจกนิรภัยแตกละเอียด...และหากเป็นรถยนต์ราคาปานกลางคงไม่เหลือเค้าโครงที่ดีแบบที่เห็น แต่นี่... เป็นรถหรูราคามากกว่า10ล้าน สภาพยังดูไม่ได้...ดังนั้นไม่ต้องเดา...ผู้โดยสารรวมทั้งคนขับ จะเป็นเช่นไร...          เสียงไซเรนดังแว่วมาแต่ไกล หญิงสาวที่อยู่เบาะหลังรถหรู ปรือตามองรอบตัวอย่างลำบาก เธอเจ็บร้าวไปตลอดลำตัว แขนและขา ชาจนขยับไม่ได้ ใบหน้าอาบไปด้วยลิ่มเลือดๆ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาจากปาก เมื่อด้านในร่างกายชอกช้ำไม่แพ้กัน          หวันยิหวาสะดุ้งเฮือก!!          เธอฝันถึงคืนนั้นอีกแล้ว...ในฝันเธอจำได้แค่...เธอเกิดอุบัติเหตุหนักแทบเอาชีวิตไม่รอด...นอกนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลย          มือเรียวบางยกขึ้นปิดใบหน้า พยายามเพ่งความคิดย้อนนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น...เธอไปทำอะไรที่นั่น แล้วรถยนต์ในฝัน คันนั้นมันเหลือเชื่อ... คนธรรมาดาอย่างเธอจะได้มีโอกาสแตะต้อง...ชุดที่สวมใส่ก็เช่นกัน มันหรูหราเกินกว่านักศึกษาจบใหม่ ที่ไปเที่ยวด้วยเงินจำนวนจำกัดจะสวมใส่ได้...แต่ไม่ว่าจะพยายามเค้นความคิดตนเองเท่าไหร่...เธอก็จำอะไรไม่ได้เลย แถมความรู้สึกเจ็บแปลบในอกนี่อีก น้ำตาของเธอไหลออกมาทุกครั้ง หากย้อนนึกถึงวันนั้น...          เธอลืมอะไรไปเหรอ?...เรื่องที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงเสียจน สมองสั่งการของเธอยังต้องปิดกั้นไว้...          หญิงสาวกัดริมฝีปากล่าง...กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เมื่อเค้าหน้าใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง...แต่ก็แค่เพียงชั่วครู่เดียว ก่อนจะเลือนหายไปเหมือนทุกครั้ง...          ตืดๆ          โทรศัพท์ส่วนตัวดังเตือน หญิงสาวหยิบขึ้นมาจากหัวเตียง สไลด์หน้าจอกดปิด เมื่อเธอตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ช่วงเวลาเช่นนี้คือการออกกำลังกาย เธอต้องมีวินัย หากอยากกลับมาแข็งแรงดังเดิม...          หญิงสาวสะบัดผ้าห่มผืนบางออกจากตัว ก้าวลงจากเตียงนอน ไม่ลืมหยิบผ้าเช็ดตัวเนื้อนุ่มติดมือมาด้วย          หวันยิหวาไม่ได้อาบน้ำเธอแค่แปรงฟันกับล้างหน้าให้สดชื่นขึ้น ถอดชุดนอนลายการ์ตูนที่ชื่นชอบ เปลี่ยนเป็นกางเกงวอร์มขายาวกับเสื้อยืดแขนยาวมีฮูดด้านหลัง...          บ้านพักของบิดาอยู่ติดชายทะเล บรรยากาศน่าอยู่ และทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำวัยเด็ก มีรูปของเธอทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงเวลาปัจจุบัน...แต่ความทรงจำนั่น ไม่เหลืออยู่ในสมองของเธอเลย          “หวาไปวิ่งนะคะแม่...” หญิงสาวชะโงกหน้าร้องบอกมารดาที่กำลังสาละวนอยู่หน้าเตา          ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ออกไปจากตัวบ้าน ออกกำลังกายแบบที่เธอถนัด...ดีกว่านั่งทุกข์ใจให้คนรอบตัวเป็นห่วง          กลิ่นไอทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะไปหน้า ฝูงนกนางนวลโผบินไปมาหยอกเย้ากับฝูงปลาตัวเล็กที่ขึ้นมาเล่นแสงแดดบนผิวน้ำ นกตัวใหญ่โผลงไปขย้ำปลาชะตาขาด จนผืนน้ำแตกกระจาย...หวันยิหวามองนิ่งๆ เธอสงสารทั้งปลาและนก เมื่อมันเป็นวัฏจักรที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้...สิ่งมีชีวิตบนโลกต้องดิ้นรนให้ตนเองอยู่รอด มันอาจจะโหดร้ายไปสักหน่อย...แต่มันคือสัจธรรม          หญิงสาววิ่งไปหยุดที่ชายทะเล กางมือออกด้านข้าง พร้อมกับเริ่มออกกำลังกายช้าๆ          หวันยิหวาทำแบบที่มาเกือบ1เดือน มันช่วยให้เธอแข็งแรงขึ้น...แต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้อยู่ดี...          พระอาทิตย์เริ่มพ้นผิวน้ำมากขึ้น และเธอก็รู้สึกล้า...จึงหมุนตัวกลับ วิ่งเหยาะๆ กลับที่พัก เหมือนทุกวัน          หวันยิหวานั่งท้าวคาง...มองภาพบนจอโทรทัศน์ที่แขวนอยู่ข้างพนัง...ข่าวด่วนเกี่ยวกับวงการธุรกิจข้ามชาติ การร่วมมือกันลงทุนปลูกสร้างตึกสูงระฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศไทย ระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่กับนักธุรกิจต่างชาติ เธอไม่ได้สนใจรายละเอียด เพียงแต่สะดุดหูกับประเทศที่เข้ามาร่วมทุน...บริษัทใหญ่ครั้งนี้ ไม่ได้มากจากประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา หรือจีนที่เกือบเป็นเจ้าโลก...เป็นประเทศในฝันที่ศิลปินต้องไปให้ถึง เพื่อชื่นชมศิลปะเก่าแก่...อิตาลี...นายทุนที่เข้ามาร่วมมือกับบริษัทยักษ์ เพื่อเนรมิตอาคารสูง บนเนื้อที่หลายร้อยไร่...          “พี่หวา...ขวัญไปเรียนนะ อยู่คนเดียวได้มั้ยคะ?”          ขวัญอุสา พนักงานในร้านร้องบอก หล่อนถอดผ้ากันเปื้อนที่คล้องอยู่บนบ่า พับเก็บไว้ในตู้แขวนด้านหลัง          “อืม...ได้ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแม่คงมา” หญิงสาวตอบโดยไม่ได้หันไปมอง...เธอกำลังจับจ้องหน้าจอโทรทัศน์แบบตาไม่กระพริบ เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ ใครบางคนที่เธออาจรู้จัก          “ขวัญอบขนมไว้ด้วยนะพี่หวา อย่าลืมไปเอาออกมาจากเตาด้วยนะคะ” หล่อนร้องเตือนอีกอย่าง ก่อนจะฉวยกระเป๋าย่ามผ้าสีขมุกขมัว...เดินออกไปจากคอกหน้าเค้าน์เตอร์...          ช่วงบ่ายกว่าๆ ลูกค้าบางตา และหวันยิหวาเริ่มชิน เธอช่วยงานในร้านกาแฟแห่งนี้เกือบเดือนเช่นกัน...มารดาดูโล่งใจขึ้น สีหน้าของท่านดีขึ้นทุกวัน จนหวันยิหวากลับไปอมทุกข์เหมือนเก่าไม่ได้...เธอไม่ได้เสแสร้งว่ารู้สึกดีขึ้น แต่ร่างกายของเธอพร้อมมากกว่าเก่า ไม่ได้ช็อคเหมือนก่อนหน้านี้...          ตี๊ดๆ...เสียงสัญญาณตู้อบขนมร้องเตือน หญิงสาวย่นคิ้ว เบ้ปาก จำใจผละห่างหน้าจอโทรทัศน์มาแบบจำใจ          และเมื่อหล่อนหันหลังให้ ผู้ชายตัวใหญ่เดินผ่านหน้าจอเข้ามาพอดี กล้องจับภาพได้ชั่วครู่ ก่อนการ์ดหน้าดุในชุดสูทสีดำทมึนจะปัดกล้องให้พ้นทาง ผู้ชายตัวใหญ่หน้าเข้ม...ขนาดใบหน้าคมถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดเกือบครึ่ง แต่ก็ยังเรียกเสียงกรี๊ดได้ดังกระหึ่ม!! จากบรรดาสาวๆ ที่บังเอิญอยู่แถวนั้น...แต่หวันยิหวาไม่มีโอกาสได้เห็น ...          หญิงสาวกลับมาพร้อมกับถาดขนมอบในมือ หวันยิหวาเห็นแค่เพียงแสงแพลชวูบวาบแค่นั้นเอง... วันนี้ก็เป็นอีกวันที่หวันยิหวาตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมตามตารางที่นายแพทย์ผู้ชำนาญจัดทำไว้ให้ หญิงสาวบังคับตนเองให้มีวินัยฝึกฝนตามตารางอย่างเคร่งครัด หากอยากกลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน เริ่มต้นด้วยการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายเบาๆ ตบท้ายด้วยการวิ่งเหยาะๆ ระยะทางเท่าที่ตัวเองไหว ก่อนจะกลับมาอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวออกไปช่วยมารดา ที่ร้านกาแฟริมถนน ร้านกาแฟเล็กๆ จัดแต่งเน้นความสะดวกสบายสายตา บรรยากาศเป็นกันเอง มีลูกค้าประจำพอสมควร และหนึ่งในบรรดาลูกค้า…มีนายแพทย์หนุ่ม นามว่าพจน์ พิศินโอสถรวมอยู่ด้วย นายแพทย์หนุ่มผู้นี้ ไม่ได้ติดใจรสชาติหอมหวานของกาแฟเลย เมื่อหมอหนุ่มอนาคตไกลคนนี้ ไม่นิยมเสพคาเฟอีน แต่ที่แวะมาบ่อยๆ ก็ตั้งแต่ได้รู้จักคนไข้สาว บุตรตรีของเจ้าของร้านกาแฟนั่นเอง กรุ้งกริ้ง!!! เสียงกระพรวนพวงใหญ่ที่แขวนไว้เหนือประตูทางเข้าร้านสั่นกราว หวันยิหวา เงยหน้าขึ้นมอง เธอส่งยิ้มไปให้ ตามประสาแม่ค้าที่ดี “สวัสดีค่ะหมอพจน์ ลมอะไรหอบมาไกลถึงนี่ได้คะ?” หวันยิหวากล่าวทักทาย ลูกค้ารายใหม่แต่เป็นคนคุ้นเคย นายแพทย์หนุ่มยิ้มในหน้า หากตอบได้ดั่งใจคิด เขาคงตอบว่า ‘คิดถึงคุณหวาครับ เลยแวะมาหา’ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาทำได้แค่คิด หวันยิหวาไม่ได้มีทีท่า ‘อ่อย’ หรือ ‘ทอดสะพาน’ ให้เขาเหมือนสาวคนอื่นๆ ที่เดินเข้ามาพัวพันในชีวิต หญิงสาววางตัวเป็นกลาง ระดับความสัมพันธ์จึงไม่ได้พัฒนาเพิ่มมากขึ้น ยังคงเป็นแค่หมอ กับอดีตคนไข้แค่นั้นเอง “พอดีผ่านมาครับ เลยแวะเข้ามาดูคุณหวา แต่เท่าที่เห็นด้วยตานี่ คุณหวาดูสดใสขึ้นนะครับ” ครั้งแรกที่เจอกัน หวันยิหวาเหมือนซากร่างกาย มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่บ่งบอกสัญญานชีพ เขาเองอยากรู้เบื้องลึก จึงสืบหาเองลับๆ หมอหนุ่มตกใจมือไม้อ่อน ตอนที่อ่านเล็คเชอร์ของคนไข้ หวันยิหวาเจ็บหนักแขนหัก ขาหัก ซี่โครงหัก…บาดเจ็บเกือบทั้งตัว ที่ร้ายแรงสุดคือ…หล่อนแท้ง!!! “ทานน้ำอะไรดีคะ หวาเลี้ยงเอง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม