สองเพื่อนซี้ถึงกับกุมขมับเมื่อหันไปมองด้านหลังวิรุทถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันกลับมามองแอนนี่เพื่อนสาวประเภทสอง
ถ้าคนไม่รู้จักคงคิดว่ามันเป็นหญิงแท้แน่ๆ
"จะทำยังไงดีว่ะ"
"ก็บอกมันไงบอกให้มันหายโง่หน่อยเถอะแกดูแล้วสงสาร" แอนนี่พูดพลางนั่งกุมขมับไม่ต่างไปจากอีกคน
ตั้งแต่เพื่อนสาวคำสร้อยได้พูดออกมาว่าตัวเองเป็นเอดส์เธอก็เอาแต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตาบวมตุ่ย พวกเขาปลอบยังไงก็ไม่ฟัง ครั้งจะให้พูดบอกไปว่ารอยเนี่ยมันคือรอยผู้ชายดูดก็เกรงว่าเพื่อนจะช็อกตายไปซะก่อน
"ก็ฉันบอกไปแล้ว มันฟังที่ไหนล่ะ" พวกเขาพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่เอดส์คำสร้อยก็ไม่ฟัง แถมยังหาว่าพวกเขาแค่ปลอบใจเพื่อให้เธอลดความรู้สึกไม่ดีเท่านั้น
"หรือ..เราจะบอกมันดีว่ามันคือรอยอะไร..." แอนนี่มองสบตาวิรุท เพราะดูแล้วมันไม่มีทางออกที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
"แต่แกอย่าลืมนะว่ายัยตัวเล็กไม่มีแฟน และการที่มีรอยแบบนั้นมันต้องมีคนทำนะเว้ย คำสร้อยมันจะก้มดูดทำรอยให้ตัวเองไม่ได้! "
"เอ่อก็จริง ถ้าแกไม่พูดฉันจะคิดว่ายัยคำสร้อยแอบไปเรียนดัดตัวอ่อนแล้วช่วยตัวเองไปพลางๆ แล้วนะเนี่ย" แอนนี่มองไปที่เพื่อนสาวอย่างสงสัย
เพื่อนเธอยิ่งมีนิสัยแผลงๆ และประหลาดเกินคนอื่นอยู่ด้วย...
"นั่นมันแก ไม่ใช่คำสร้อย.." วิรุทส่งค้อนวงใหญ่ให้เพื่อน
"...แล้วจะทำยังไงต่อตอนนี้"
"พวกเราต้องช่วยกันหาตัวคนที่ทำกับยัยตัวเล็กให้ได้ คนคนนั้นต้องอยู่รอบๆ ตัวพวกเรานี่แหละ ไม่อย่างนั้นคงเข้าถึงเนื้อถึงตัวคำสร้อยไม่ได้ง่ายๆ แบบนี้"
"ต้องเป็นใครสักคน...ที่อยู่ใกล้ๆ รอบๆ ตัว.."
"นั่นนะสิ แล้วเป็นใครล่ะ เฮ้อ... เอาไว้ก่อนแล้วกันเรื่องนั้น ตอนนี้คิดก่อนจะทำไงให้หยุดร้อง ดูสิ ตาแทบจะปิดแล้วมั้ง" พยักหน้าไปทางเพื่อนสาว ที่ตอนนี้ย้ายตัวเองไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เหมือนผีไร้ญาติ ตาบวมๆ นั่งก้มหน้า ผมยาว ชุดขาวมันใช่เลย!
หรือถ้ามีจอบอยู่ในมือนะมีหวังเพื่อนเขาได้ขุดปูแก้เครียดแน่ๆ
ทางด้านคนที่นั่งมองหารูปูอยู่ใต้ต้นไม้ดั่งที่เพื่อนคิดก็เอาแต่สะอื้นไห้ คิดไปต่างๆ นานา และคิดถึงวันข้างหน้าว่าใครจะเลี้ยงดูพ่อแม่ของเธอ ใครจะช่วยพ่อจับตุ๊กแกมาทำยาดอง ใครจะช่วยแม่ตำน้ำพริก
และที่สำคัญเธอยังไม่ทันได้มีแฟน ยังไม่ทันได้เสียตัวให้ใคร ก็ดันมาติดโรคซะแล้ว!
เสียใจที่สุด!!
"พวกแก ฉันกลับก่อนนะ" คำสร้อยลุกขึ้นบอกเพื่อนรักทั้งสองคนที่มองเธอตาละห้อย เธอเข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่เธอยังไม่พร้อมรับสภาพของตัวเองตอนนี้
ขอกลับไปตั้งหลักก่อน...
"กลับยังไงตาบวมตุ่ยขนาดนี้ แล้วอีกอย่างแกรู้แล้วเหรอว่ารอยนั่นมันมาจากไหน" วิรุทถามเพื่อน
คำสร้อยแบะปากทำท่าจะร้องอีกรอบ แต่พอเห็นหน้าเพื่อนก็เลยกลั้นน้ำตาเอาไว้
"รู้สิ..ไม่รู้จะร้องไห้เหรอแก ฮึก...ฮือ...."
"มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะเว้ย! นั่นนะมันเป็นรอย...."
"ฉันกลับก่อนนะปวดหัวอยากพัก" พูดจบก็คว้ากระเป๋ากึ่งเดินกึ่งวิ่งร้องไห้ออกไปทันที ไม่ได้รอฟังเพื่อนว่าจะบอกอะไร
แค่นี้เธอก็เสียใจมากพออยู่แล้ว เธอยังไม่พร้อมจะรับฟังอะไรทั้งนั้น
ขอเวลาทำใจก่อนดีกว่า...
"อ้าวเฮ้ย! คำสร้อย!! แกฟังให้จบก่อนสิ มันไม่ใช่เอดส์โว้ย กลับมาฟังก่อน!! เฮ้อ...ยัยติ๊งต๊องเอ๊ย!! " วิรุทและแอนนี่ได้แต่เกาหัวแกรกๆ มองตามหลังเพื่อนไปจนสุดสายตา และไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาฟังในสิ่งที่พวกเขาจะบอก
"บทจะฉลาดก็ไม่มีใครทัน บทจะโง่ก็โง่ไม่ลืมหูลืมตาคำสร้อยเอ๊ย! "
นี่แหละนางสาวคำสร้อยของพวกเขา....ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร
เฮ้อออออออ...
"นายครับ"
แอลเลียตละสายตาจากเอกสารตรงหน้ามองไปที่ลูกน้องคนสนิทที่พยักหน้าให้เขามองตาม
"ทำไมวันนี้กลับเร็ว..."
"ไม่ทราบครับ"
"ฉันคุยกับตัวเองแกไม่ต้องตอบก็ได้" ปากพูดแต่สายตาไม่ละไปจากร่างเล็กที่เดินโซเซผ่านประตูรั้วเข้ามาอย่างคนไร้เรี่ยวแรง
เดินแบบนั้นเมาเหล้ารึไงว่ะ...
"ครับนาย" เคนก้มหัวให้เจ้านายพลางนึกในใจ
'พูดกับตัวเองทำไมไม่พูดเบาๆ ว่ะ ไอ้เราก็นึกว่าถามอุตส่าห์ตอบ....ผิดไปอีกกู...'
คำสร้อยเดินผ่านชายชุดดำประมาณสองสามคนแต่เธอไม่ได้ทักทายดั่งเช่นที่เคยทำ ตอนนี้จิตใจเธอมันแย่เกินว่าจะร่าเริงได้
คนที่ติดเอดส์มาจากทางไหนก็สุดรู้ ทั้งที่ไม่เคยไปมั่วหรือสำส่อนที่ไหน ถึงขนาดนี้แล้วยังจะให้เดินยิ้มร่าทักทายตั้งแต่หน้าบ้านยันหลังบ้านก็คงไม่ใช่!!
และชายชุดดำสองสามคนนี้แค่ฉากหน้า ฉากหลังนะเหรอหึ! มีเป็นสิบที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ ...
ดีไม่ดี อาจมีหนึ่งในนั้นเล็งคุณลุงอาก้าจ่อหัวเธอจากยอดต้นไม้หน้าบ้านก็ได้!
"ทำไมกลับเร็ว" เท้าเล็กหยุดชะงักเมื่อเห็นเท้าคู่ใหญ่ที่ขวางหน้าพร้อมกับคำถามที่ดังอยู่เหนือศีรษะ
ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มเงยขึ้นมองแต่สองตาที่บวมเป่งทำให้อีกคนใจหล่นวูบ นัยน์ตาคมสั่นระริก เพียงแวบเดียวก็กลับมาเป็นสายตานิ่งเฉยเช่นเดิม
"อยากกลับ" ร่างเล็กเบี่ยงตัวหลบไปอีกด้าน แต่แอลเลียตกลับขยับไปขวางไว้เช่นเดิม
"ผู้ใหญ่ถามควรตอบให้ดี ค่ะ ขา นะ หัดพูดบ้าง ไม่ใช่ตอบแบบกำปั้นทุบดินแบบนี้
"แก่กว่าไม่กี่ปีทำอย่างกับว่าตัวเองแก่กว่านักหนา..." เธอบนอุบอิบกับตัวเองแต่อีกคนถึงกับหนังตากระตุกกับคำบ่นนั้น
"ว่าไงฉันถามทำไมไม่ตอบ หรือต้องให้คุณตาคุณยายเป็นคนถามเท่านั้นถึงจะอ้าปากตอบได้"
"เหนื่อยค่ะ อยากพักค่ะหลบไปค่ะ จะเข้าบ้านค่ะ รู้เรื่องนะคะ! พี่แอลเลียตขา!! "
"ยัย!! "
แอลเลียตได้แต่กัดฟันกรอด เมื่ออีกคนพูดประชดเขาพร้อมกับเดินหลบเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
เคนมองเจ้านายที่ออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่หน้าประตูพักใหญ่ แล้วเดินกลับเข้าห้องทำงานไป ไม่แม้แต่จะขอปืนจากเขาอย่างที่เคย
มันผิดวิสัยจริงๆ ...
ถ้าเป็นเมื่อก่อนแอลเลียตต้องกระชากลากถู หรือไม่ก็ยิงปืนลั่นบ้านไปแล้วถ้าเด็กสาวกวนโมโห แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป
อาการจะว่ากลัวเมียก็ไม่ใช่ เกรงใจก็ไม่เชิง...
เมียเหรอ...
เมื่อคืนก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรนี่หว่า สักแอะก็ไม่มี...
คนไม่ชอบกันจะทำอะไรกันมันต้องมีเสียงเล็ดลอดออกมาบ้าง ไม่ใช่เงียบเป็นเป่าสากแบบนั้น
และที่สำคัญ ทำไมรอบดวงตามาเฟียหนุ่มถึงดำลึกเหมือนหมีแพนด้าในเช้าวันนี้ ทั้งที่หน้าตาควรจะสดชื่นไม่ใช่เหมือนคนอดหลับอดนอนมาจากไหน
หรือ...
นายเขากำลังเล่นเกมไล่ต้อนนกน้อยเข้ากรงทองอยู่กันแน่นะ
--------------------------------------❤️