REGERT 01
**************************
เมื่อหกเดือนก่อน
“นี่มันเสื้อในของใครคะพี่เรซ?”
ฉันชูเสื้อในสีแดงสดที่อยู่ในมือตัวเองให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของฉันดูว่ามันเป็นเสื้อในของใคร
ฉันไม่ได้อยู่ที่ห้องมาสามวันเพราะต้องกลับบ้าน แต่พอกลับมาก็มาเจออะไรแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง
พี่เรซหันหน้ามามองแล้วทำหน้าเฉยๆ เหมือนเขาไม่รู้ว่ามันเป็นของใครเหมือนกัน
เขาจะไม่รู้ได้ยังในเมื่อคนที่อยู่ห้องนี้มันมีแค่ฉันกับเขา และนี่มันก็ไม่ใช่ของฉันด้วย และถ้ามันไม่ใช่ของฉันมันก็ต้องเป็นของเขาที่พาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในห้องไง
“หนูถามว่านี่มันเสื้อในของใคร?” ฉันถามย้ำคนตรงหน้าอีกครั้ง
“เสื้อในผู้หญิงก็ต้องเป็นของหนูหรือเปล่าคะ?”
“เสื้อในหนูไม่ใหญ่เท่าหัวขนาดนี้ค่ะ”
ถ้ามันเป็นเสื้อในของฉันทำไมฉันจะจำไม่ได้ล่ะ ฉันก็ต้องจำได้สิ แต่นี่มันไม่ใช่ของฉันจริงๆ ไง
ฉันมองจ้องหน้าพี่เรซที่ยังคงทำหน้าไม่รู้เรื่อง เขานอกใจฉันอีกแล้วงั้นเหรอ
นี่มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขารับปากและให้สัญญากับฉันแต่ก็ไม่เคยทำได้เลย แล้วนี่ฉันยังจะหวังอะไรจากเขาได้อีกหรือเปล่า
“นอกใจหนูอีกแล้วเหรอคะพี่เรซ?”
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่รู้เรื่อง พี่ไม่ได้พาผู้หญิงคนไหนเข้าห้องทั้งนั้น”
“เมื่อก่อนพี่ก็พูดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดว่าหนูจับไม่ได้หนูก็กลายเป็นอีโง่ที่โดนที่พี่หลอกต่อไปใช่มั้ย”
ฉันไม่ได้อยากหาเรื่องทะเลาะกับเขาหรอกนะ เพราะรู้ว่าเขาจะต้องออกไปทำงานข้างนอกกลับมาก็เหนื่อยแล้ว
แต่ดูสิ่งที่เขาทำกับฉันสิ จะไม่ให้ฉันพูดอะไรมันก็คงไม่ได้หรือเปล่า เพราะนี่มันเป็นการนอกใจครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังยกโทษให้เขามาเรื่อยๆ เพราะเขาขอโอกาสจากฉันว่าจะไม่ทำอีกแล้ว
แต่สุดท้ายคำพูดของผู้ชายตรงหน้าฉันคนนี้ก็ทำให้ฉันเชื่ออะไรในตัวเขาไม่ได้เลยสักอย่าง ฉันเกลียดคำว่าจะไม่ทำอีกแล้วของเขา เพราะเขาพูดแบบนี้ทีไรเขาก็กลับไปทำอีกไง
“ถามจริงยังรักกันอยู่หรือเปล่า?”
“จะถามอะไรคำถามเดิมๆ ก็บอกไปแล้วไงคะว่ารัก ถ้าไม่รักก็เลิกไปนานแล้วป่ะ”
“...”
น้ำเสียงรำคาญของพี่เรซที่พูดตอนนี้เหมือนว่าเขาอยากจะตัดปัญหาและไม่อยากให้ฉันถามถึงเจ้าของเสื้อในตัวปัญหานี้
นิสัยแบบนี้ของเขาน่ะทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ เราคบกันมาสามปีแล้วนะ นิสัยแย่ๆ ของเขาฉันรู้หมดนั่นแหละ
เมื่อสามเดือนก่อน
“คืนนี้มารับหนูที่มหาลัยได้มั้ยคะ น่าจะเลิกดึกเพราะต้องทำกิจกรรม”
“แต่พี่นัดกับเพื่อนเอาไว้แล้วค่ะ คืนนี้หนูให้เพื่อนไปส่งก่อนได้มั้ย?”
พี่เรซมองหน้าฉันแล้วทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดที่มารับฉันไม่ได้ แต่ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดจริงๆ หรอก
การที่เขานัดกับเพื่อนแล้วมันทำให้เขามารับฉันไม่ได้เลยเหรอ แวะมารับแล้วค่อยกลับไปกินเหล้ากับเพื่อนต่อมันยากขนาดนั้นเลยหรือไง
แล้วเขาไม่เป็นห่วงฉันเหรอว่าฉันจะกลับยังไงถ้าเกิดว่าเพื่อนไม่ยอมไปส่ง ฉันเลือกที่จะเงียบแล้วไม่ได้พูดอะไร
ได้แต่น้อยใจที่เขาไม่สนใจฉันเท่าที่ควรทั้งๆ ที่ฉันคือแฟนของเขาแต่กลับถูกเขาละเลยแบบนี้
“พี่ก็อยากมารับหนูนะคะ แต่พี่นัดเพื่อนเอาไว้แล้วจริงๆ”
“แวะมารับหนูแล้วค่อยกลับไปต่อกับเพื่อนไม่ได้เลยเหรอคะ หรือว่าหนูขอพี่มากเกินไปหรือเปล่า?”
“แล้วการที่หนูให้เพื่อนไปส่งมันยากขนาดนั้นเลยไงที่จะให้พี่วนกลับไปกลับมาแบบนี้”
พี่เรซถอนหายใจแล้วเริ่มพูดเสียงแข็งกับฉันทั้งที่ฉันยังไม่ได้ชวนเขาหาเรื่องทะเลาะอะไรด้วยเลย
เดี๋ยวนี้ดูเหมือนว่าเขาจะหงุดหงิดใส่ฉันบ่อยมากเลยนะทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
และการที่เขาพูดแบบนี้มันก็ชัดเจนมากเลยว่าเขาไม่ได้อยากมารับฉันแต่อยากไปสังสรรค์กับเพื่อนมากกว่า
ฉันก็ไม่เคยห้ามเขานะว่าอย่าไปกับเพื่อน แค่อยากให้เขาแวะมารับฉันที่มาหาลัยแล้วไปส่งฉันที่ห้อง
แล้วค่อยไปต่อก็ได้หรือจะค้างกับเพื่อนก็ได้ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทำไมเขาถึงมองว่าฉันมันน่ารำคาญแบบนี้ไปได้
“เฮ้อ เอาไว้วันหลังแล้วพี่จะเป็นคนมารับแล้วกันนะคะ”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ เพราะต่อไปหนูจะไม่คาดหวังอะไรในตัวพี่เรซอีกแล้ว”
พูดจบฉันก็เดินหนีเข้าคณะทันทีไม่แม้แต่จะยืนส่งเขาเหมือนที่เคยทำ และรู้ด้วยว่าเขาเองก็คงไม่ได้อยากให้ฉันยืนส่งหรอก
เขาเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเย็นชากับฉันมากขึ้น ไม่ได้ใส่ใจฉันเท่าที่ควร
พอถามเขาก็บอกว่าเขาเหมือนเดิมกับฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันต่างหากที่คิดมากไปเอง
ถ้าเขาไม่เปลี่ยนไปแล้วฉันจะคิดมากมั้ยล่ะ แต่ช่างมันเถอะ เพราะฉันคงไม่คาดหวังอะไรจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของฉันแล้วล่ะ การที่เราไม่คาดหวังมากเราก็จะได้ไม่ต้องผิดหวังมากไง
ปัจจุบัน
“ให้พี่ไปส่งมั้ยคะ?”
ฉันที่กำลังจะเดินออกจากห้องก็ชะงักเท้าค้างเอาไว้ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่เรซที่มองหน้าฉันอยู่ก่อนแล้ว
เขายิ้มให้ฉันแล้วเดินเข้ามาโอบเอวฉันอย่างเอาใจ แต่ฉันก็ดึงมือเขาออกก่อนจะบอกว่าวันนี้ฉันจะขับรถไปเรียนเอง
ฉันขอให้พ่อเอารถยนต์มาให้ฉันใช้ เวลาที่อยากจะไปไหนมาไหนจะได้สะดวกและไม่ต้องรอให้เขาคอยไปรับไปส่งด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปเองน่าจะสะดวกกว่า”
“เดี๋ยวนี้ไม่อยากนั่งมอไซค์ของพี่แล้วใช่มั้ยคะ?”
พี่เรซเป็นวินขับมอเตอร์ไซค์ เขาไม่ได้มีรถยนต์คันหรูหรือห้องพักสบายๆ หรอก แต่ที่ฉันเลือกอยู่กับเขามันเป็นเพราะว่าฉันรักเขาและคิดว่าถ้าเราได้อยู่ด้วยกันเขาก็คงจะทำให้ฉันไม่ต้องลำบาก
ที่ผ่านมาเขาก็พยายามทำอย่างนั้นฉันเองก็พอจะดูออก แต่มันยังไม่มากพอสำหรับฉันไง
คนนอกอาจจะคิดว่าฉันบีบบังคับพี่เรซมากเกินไปหรือเปล่า อยากให้เขาเป็นอย่างที่ฉันอยากให้เป็น
แต่คนพวกนั้นไม่รู้อะไรสักอย่างเลยไงถึงได้พูดแบบนั้น ฉันไม่เคยบีบบังคับให้พี่เรซเป็นอย่างที่ฉันต้องการ
แต่ที่ฉันบอกว่าเขายังพยายามไม่มากพอเพราะอะไรรู้ป่ะ เพราะเขาพยายามไม่เต็มที่ไง
เวลาที่เขารับปากอะไรกับฉันหรือให้คำสัญญาอะไรกับฉันเขาก็ไม่เคยทำได้เลย วันนี้รับปากว่าจะไม่ทำอีก ผ่านมาได้ไม่กี่วันก็ทำเหมือนเดิม แบบนี้มันเรียกว่าพยายามแล้วเหรอ
หรือแม้แต่วันที่บอกว่ารักฉันเขายังปล่อยให้ฉันกลับห้องเองดึกๆ เลย แล้วแบบนี้มันคือคำว่ารักที่ให้กันแล้วเหรอ
ยังไม่หมดเท่านี้หรอกนะ ถ้าเกิดว่าการพยายามเป็นแฟนที่ดีของเขามันมากพอมันก็จะไม่มีคำว่านอกใจหลายต่อหลายครั้งหรอกจะบอกให้
มันเลยทำให้ฉันรู้ไงว่าสิ่งที่พี่เรซทำอยู่เขายังพยายามไม่เต็มที่และไม่มากพอสำหรับฉันตอนนี้
“หรือว่าพี่มันไม่มีอะไรดีเลยหนูก็เลยไม่อยากอยู่กับพี่แล้วเหรอคะ?”
“ถ้าเกิดว่าหนูไม่อยากอยู่กับพี่เรซ หนูบอกเลิกพี่ไปนานแล้วล่ะคะ”
ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าแล้วพูดประโยคเมื่อกี้ออกไป ทำให้เขาเงียบไปทันที ฉันคิดว่าเขาเองก็น่าจะจำได้นะว่าไอ้ประโยคเมื่อกี้เขาก็เคยใช้พูดกับฉัน
แล้วพอฉันพูดกลับไปบ้างมันจุกใช่มั้ยล่ะ เพราะตอนนั้นฉันก็พูดไม่ออกเหมือนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้เหมือนกันนั่นแหละ
“หนูไปเรียนแล้วนะคะ วันนี้น่าจะกลับดึกถ้าพี่เรซกลับมาก่อนก็ไม่ต้องรอนะคะนอนไปก่อนได้เลย”
“แล้วหนูจะไปไหนคะ?”
“วันนี้งานวันเกิดเพื่อนค่ะ หนูนัดกับเพื่อนเอาไว้ว่าจะไปผับกัน”
“พี่ไปด้วยได้มั้ยคะ พี่เป็นห่วง”
“จะไปทำไมคะมันเป็นงานวันเกิดเพื่อนหนูนะ ไม่ใช่เพื่อนพี่เรซสักหน่อย”
พูดจบฉันก็เดินออกจากห้องทันที คำพูดที่ฉันพูดทุกคำมันก็คือคำที่พี่เรซเคยพูดกับฉันมาก่อนนั่นแหละ
เมื่อก่อนฉันคาดหวังในตัวเขามาก อยากให้เขาเป็นแฟนที่ดีมากกว่านี้ เขาไม่จำเป็นต้องหาเงินมาเลี้ยงฉัน หรือไม่ต้องซื้อข้าวของแพงๆ ให้ฉันเลย
แต่สิ่งที่ฉันต้องการจากเขาคือการเอาใจใส่ที่มันเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่พอเวลาผ่านไปความรักความห่วงใยก็เริ่มน้อยลงแบบนี้
มันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่ามากพอที่จะให้เขารักษาเอาไว้
และตอนนี้ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวพี่เรซอีกต่อไปแล้วล่ะ