.
..
...
....
“แกมั่นใจแล้วใช่ป่ะว่าสองคนนั้นโอเคจริงๆ”
“จะบอกว่ามั่นใจไหมก็ยังแหละแก แต่ฉันรู้สึกชอบพี่เขาแล้วอ่ะทำไงได้ อีกอย่างฉันก็เสียตัวไปแล้วด้วย ฉันไม่ยอมเสียฟรีๆ แน่นอน” ฉันบอกเหตุผลกับยัยจอยไป
“ถ้าแกตัดสินใจแล้วก็ตามนั้น ฉันดีใจด้วยละกันอย่างน้อยแกก็ไม่ต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายมากหน้าหลายตาอย่างฉัน” จอยมันเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้า เห็นอย่างนั้นฉันก็รู้สึกสงสารมันเหมือนกัน เพราะความจนนี่ล่ะที่ทำให้พวกเราไม่มีทางเลือก
“แกอย่าคิดมากสิอย่างน้อยเราก็ได้เงินไปเลี้ยงครอบครัวแถมยังส่งตัวเองเรียนอีกต่างหาก ถือซะว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานแกจะตั้งตัวได้และเลิกทำอาชีพนี้แน่นอน”
“แกคิดว่าฉันจะเลิกได้จริงๆ เหรอ”
“ได้สิทำจะไม่ได้ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับแกคนเดียวเท่านั้น”
“ขอบใจแกมากนะที่ยังอุตส่าห์คบกับฉันอยู่”
“ต่างหากที่ต้องขอบใจแก เรามันก็ไม่ต่างกันหรอก แกขายตัว แต่ฉันมันก็เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ แต่สถานะของฉันตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากขายตัวแล้วล่ะ”
“เหมือนตรงไหนยะคนเป็นแฟนกันไม่เรียกว่าขายหรอกอย่าคิดมากสิ”
“เปล่า! ฉันไม่ได้คิดมากซะหน่อย แต่กำลังคิดว่าคืนนี้ฉันจะโดนอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้น่ะสิ”
“อีบ้า! โดนครั้งเดียวร่านขึ้นมาทันทีเลยนะยะ” จอยมันเริ่มยิ้มออก
“ก็พี่เขาลีลาดีนี่นา แถมยังหล่ออีกด้วย” ฉันอวยแฟนทั้งสองคนให้เพื่อนฟังอย่างภาคภูมิใจ คงไม่มีใครใจง่ายเกินกว่าฉันแล้วล่ะ เจอกันครั้งเดียวก็ชอบเลยแถมยังตกลงปลงใจเป็นแฟนด้วยอีก
“ฉันเดาว่าสิ่งที่ทำให้แกติดพี่เขาทั้งสองคนแจขนาดนี้คงไม่ใช่เพราะหล่ออย่างเดียวหรอกมั้ง ไอ้นั่นคงจะใหญ่ด้วยล่ะสิท่า” ก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องอย่างว่าสักเท่าไหร่ เพราะฉันยังไม่เคยมีประสบการณ์ แต่หลังจากนี้มันคงจะเป็นหัวข้อหลักในบทสนทนาของเราแล้วล่ะ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน อิอิ
“มากกก ถ้าเข้าพร้อมกันสองอันฉันคงต้องได้แอดมิดเข้าโรง’บาลแน่ๆ” ฉันพูดติดตลกออกไป
“อีบ้าก็พูดไป แต่ก็ไม่แน่นะวันดีคืนดีพี่เขาอาจจะทำอย่างที่แกพูดก็ได้”
“ไม่มีทางย่ะ ใครจะให้ทำอย่างนั้นยัดเข้ามาแค่ดุ้นเดียวก็เจ็บจะแย่แล้ว” ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเองล่ะค่ะ หากเขาต้องการจริงๆ ฉันก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ พูดไปมันก็น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยแต่น้องสาวฉันมันจะรับได้เหรอเนี่ย
“ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้สิยะ หากวันไหนแกโดนทำแบบนั้นแล้วมาเล่าให้ฉันฟังบ้างนะ” ยัยจอยเองก็ทะลึ่งตึงตังไม่แพ้ใคร ถ้าอยากรู้ทำไมไม่ลองเองยะอีเพื่อนรัก
Rrrrr….
ในระหว่างนั้นโทรศัพท์ฉันก็มีสายโทรเข้ามา เมื่อหยิบขึ้นมาดูที่หน้าจอก็พบว่าเป็นพี่คิมนั่นเอง
“แกฉันรับโทสับแปบนะ”
“ย่ะ ผัวโทรมาล่ะสิ” ยัยจอยเบะปากใส่ฉันราวกับรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา
ฉันยิ้มให้ยัยจอยก่อนจะลุกออกจากโต๊ะเพื่อไปรับสาย
“ว่าไงคะพี่คิม”
(ทำอะไรอยู่ครับเมียสุดที่รัก)
“อย่ามาทำเป็นปากหวานหน่อยเลย เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้เองนะคะ” ฉันพูดไปยิ้มไปราวกับคนบ้า เพราะรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
(ถึงแม้จะรู้จักกันแค่ไม่นานแต่พี่ก็รู้จักทุกซอกทุกมุม ทุกรูขุมขนของน้องแพรว่าแล้วนะอย่าลืมสิครับ ตกลงทำอะไรอยู่ฮึ) เขาส่งเสียงหล่อผ่านสายมา ทำเอาฉันแทบละลายลงกับพื้น
“เพิ่งเรียนเสร็จค่ะ รอไปกินข้าวเที่ยงแล้วพี่ล่ะ เอ้อ! แล้วพี่อเล็กซ์อยู่ด้วยกันไหมคะ”
(มันกลับบ้านไปแล้วที่บ้านมันมีธุระสำคัญเลยเรียกตัวไป ส่วนพี่ตอนนี้กำลังจะไปรับน้องแพรวานั่นล่ะครับ)
“อ้าว! จะมารับหนู”
(ใช่....พี่ว่าจะรับน้องแพรวาไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ตอนนี้อยู่ไหนเดี๋ยวพี่ไปรับ)
“อยู่ข้างคณะค่ะ คือถ้าอย่างนั้นหนูขอชวนเพื่อนไปด้วยได้ไหมคะ”
(คงไม่ได้อ่ะครับเพราะพี่มีกิจกรรมจะทำกับน้องแพรวาน่ะสิ)
“หือ! กิจกรรมงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าพี่จะ...” คนบ้าอะไรจะหื่นได้แม้กระทั่งตอนกลางวันแสกๆ มันจะมากไปแล้วนะ
(นะครับน้องแพรวาไม่นานหรอกน่าพี่ทนไม่ไหวแล้วนะเนี่ย)
“ไม่ต้องทำเป็นอ้อนขนาดนั้นก็ได้ ตกลงค่ะหนูจะไปคนเดียว” ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนจนได้
(เย้! เดี๋ยวพี่ขับรถไปรับตอนนี้เลยครับไม่เกินห้านาที)
“ค่ะพี่คิม”
เมื่อวางสายแล้วฉันก็เดินกลับไปหายัยจอย แค่เห็นหน้าฉันมันก็รู้แล้วว่าคงจะโดนเรียกตัวแน่แล้ว
“ไงยะใครโทรมาเรียกตัวอีกล่ะ”
“พี่คิมอ่ะดิ เขาจะมารับฉันไปกินข้าวด้วย แกไม่โกรธใช่ไหมถ้าฉันคงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยแล้ว”
“เชิญเลยย่ะฉันเองก็มีนัดทานข้าวกับเสี่ยเหมือนกัน” ยัยจอยว่าพลางตบแป้งพับลงบนแก้มขาวนวลของมันไปด้วย
ปี๊บๆ
เสียงแตรรถดังขึ้นอยู่ไม่ไกล เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นพี่คิมนั่นเอง เขาลดกระจกลงแล้วส่งยิ้มให้ฉัน ฉันจึงโบกมือให้เขาก่อนจะหันไปเอ่ยกับยัยจอยต่อ
“แกฉันไปแล้วนะ”