ออกมาจากบริษัทบิดารินรดาก็มาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าก่อน... หล่อนอยากเปลี่ยนบรรยากาศหาที่เลือกซื้อของใหม่บ้าง เพราะหล่อนเดินที่ร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบินตามประเทศต่างๆ จนเบื่อ วันนี้จึงอยากลองมาหาซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้านอกสนามบินบ้าง...
ร่างสูงเพรียวระหงเดินเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์โปรดของหล่อน... แต่พอเข้ามาแล้วหญิงสาวมองเสื้อผ้าที่ออกคอลเลคชันใหม่แล้วก็ส่ายหัว ทั้งเซตที่ว่านั้น ไม่ถูกใจหล่อนเลย... แต่ว่ามันคงเป็นที่ถูกใจของใครอีกหลายคน
“สวัสดีค่ะ” พนักงานในร้านเดินออกมาต้อนรับ หญิงสาวยิ้มให้คนนั้นน้อยๆ ตามแบบฉบับของหล่อน การยิ้มให้คนอื่นอย่างเสียไม่ได้อย่างนี้ทำให้รินรดาไม่ค่อยมีเพื่อน หล่อนก็รู้ว่าทุกคนคิดกับหล่อนยังไง หล่อนไม่คิดจะปรับปรุงนิสัยให้เพื่อนมากขึ้นเพราะชอบความเป็นส่วนตัว ความเย่อหยิ่งจึงมีเท่าเดิมเรื่อยมา
“ขอเดินดูคนเดียวก่อนนะคะ...” บอกก่อนจะเดินมาที่มุมเสื้อสูทสตรี... เสื้อสูทผ้าสีครีมเนื้อดีแต่งริมขอบคอเสื้อและแขนเสื้อด้วยผ้าสีอิฐสวมบนหุ่นทับเสื้อตัวในที่เป็นสีดำ พร้อมกางเกงสีเข้าชุดกัน หุ่นใส่รองเท้าสีอิฐและกระเป๋าสีเดียวกัน... ชุดนี้คงเป็นชุดที่ออกมาก่อนหน้านี้พักหนึ่งเพราะไม่ได้สวมบนหุ่นอยู่หน้าร้าน แต่ชุดนี้กลับถูกใจหล่อนเป็นอย่างมาก
รูปร่างของรินรดาไม่ได้แตกต่างจากหุ่นโชว์เท่าใดนัก หากเลือกไปก็คงใส่ได้โดยไม่ต้องลอง หล่อนเดินเข้าหาชุดสีครีมนั้นโดยไม่รีรอ หญิงสาวเอาหลังมือไถดูเนื้อผ้าแล้วรู้สึกว่านุ่มลื่นสบายแล้วก็ถือว่าผ่าน... หล่อนรวยมากก็จริง แต่ว่าหล่อนไม่ซื้อของพวกนี้พร่ำเพรื่อนัก ไอ้ที่แบบเดียวซื้อยกคอลเลคชั่น ทรงเดียวกันซื้อให้ครบทุกสีนั้นไม่มีทางที่รินรดาจะทำ เพราะหล่อนเลือกซื้อแต่ที่ถูกใจแล้วใช้จนคุ้มเท่านั้น...
และชุดนี้ แค่มองเห็นหล่อนก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะใส่ไปที่ไหนบ้าง... จะเอาไปประยุกต์ใช้กับชุดอื่นอย่างไร... ชุดนี้สวยนอกจากกางเกงเข้ารูปที่สวมบนหุ่นคู่กับเสื้อแล้วยังมีกระโปรงสีเดียวกันเข้าชุดกันได้อีกด้วย... นับว่าพรั่งพร้อมทีเดียว แล้วที่พร้อมกว่านั้น... คือ ข้างหุ่นของชุดที่เลือกยังมีหุ่นของเสื้อผ้าผู้ชายที่เป็นโทนสีเดียวกันกับชุดสีครีมนี้ เห็นแล้วก็นึกถึงเสื้อคู่ที่วัยรุ่นชอบใส่กัน นี่คงเป็นเป็นชุดคู่หากแต่เป็นชุดคู่ของผู้ใหญ่ วัยของคนที่เลยเบญจเพสมาเกือบปีอย่างหล่อน...
แล้วคนที่จะใส่ชุดคู่กับหล่อนล่ะ อยู่ไหน...
ดวงตายาวรีที่กรีดอายไลน์เนอร์จนดูโฉบเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดมองหุ่นเสื้อผ้าผู้ชาย... ภายใต้ท่าทางดื้อรั้นดึงดัน ความโศกเศร้าเดียวดายกลับเปล่งออกมาจากสายตาหล่อน บางครั้งหล่อนก็อยากมีคนที่อยู่ข้างๆ แต่มันก็เป็นความรู้สึกแนค่บางครั้งเท่านั้น...
เพราะชีวิตโดดเดี่ยวที่ผ่านมาสอนหล่อนว่า การที่ไม่มีใครอย่างนี้ดีที่สุดแล้ว
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะหนูดี...” หล่อนเอ็ดตัวเอง... แล้วเลิกคิดเรื่องราวบ้าๆ ที่วาบเข้ามาในหัวสมองแล้วจึงเลือกชุดไซส์ของตัวเองไปลอง... ชุดสีสวยเข้ากับหล่อนทั้งรูปทรงละสีสันผิวที่เมื่อก่อนขาวจัดแต่หล่อนอาบแดดจนเป็นสีน้ำผึ้งเสมอกันทั่วร่างเข้ากับโทนนี้ได้ดีนัก... หญิงสาวมองตนเองในกระจกหน้าห้องลองเสื้ออย่างพอใจ...
“น้องครับ” เสียงเรียกพร้อมกับคนที่จู่โจมเข้ามาจนแทบไม่ทันตั้งตัวนั้นทำเอาหล่อนหันขวับไปมองต้นเสียงจนเกือบคอเคล็ด... ชายร่างสันทัดใบหน้าคมหากแต่แววตาหวานซึ้งกระเดียดทางสตรีนั้นมองวาบเดียวก็รู้สึกคุ้นหน้า... ผู้ชายคนนี้เป็นผู้จัดการของดาราดังหลายคน แล้วหลังๆ มาเจ้าตัวออกสื่อบ่อยมากจนคิดว่าเขาเป็นดาราเอง... รินรดารู้จักเขาแต่มั่นใจว่าเขาไม่รู้จักหล่อนเลยสงสัยไม่รู้ว่าเขาก็เรียกทำไม
“คุณเรียกฉันหรือเปล่าคะ”
“ใช่ครับ พี่เป็นแมวมองหาดารา... พี่ไม่อ้อมค้อมดีเลยนะเพราะคิดว่าน้องคงพอรู้จักพี่บ้างไม่มากก็น้อย น้องสวยมาก พี่อยากปั้นน้องเป็นนางเอก น้องสนใจอยากทำไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ชอบ ขอบคุณมากนะคะ” หล่อนตอบโดยที่ไม่ต้องคิดแม้สักนิดแค่หล่อนอยู่ของหล่อนเงียบๆ หล่อนยังถูกประณามขนาดนี้ ถ้าไปเป็นดารา ย่าหล่อนได้ค่อนขอดว่าหล่อนเต้นกินรำกินตายเลย
ชายหนุ่มเหวอไปพักหนึ่งเพราะไม่เคยเห็นคนที่ไม่ตื่นเต้นกับการที่เจอแมวมองมาก่อน...
“ไม่เป็นไรครับน้อง... ตอบตรงมากพี่ชอบ... พี่ชื่อพี่อาร์ทครับ รับนามบัตรพี่ไว้นะครับ เมื่อไหร่ที่น้องเปลี่ยนใจติดต่อมาหาพี่ พี่จะปั้นให้เป็นนางเอกในชั่วข้ามคืนเลย...” เขาบอกพร้อมกับยัดเยียดนามบัตรใส่มือหล่อน หญิงสาวรับไว้แล้วก็มองตามเขาไปงงๆ
“ขอโทษค่ะพี่ที่หนูดีไม่ได้สนใจข้อเสนอของพี่ และไม่มีวันได้สนใจ..” หล่อนพูดกับตัวเองก่อนจะมองนามบัตรที่ได้มาอย่างไม่ค่อยใยดีเท่าไหร่ตามประสาคนที่ไม่ค่อยแคร์ใคร หล่อนเดินเข้ามาที่ห้องลองชุด ก่อนที่หล่อนจะเปลี่ยนชุดคืนนั้นรินรดาก็หย่อนนามบัตรที่ได้มาลงในกระเป๋าถืออย่างไม่ได้ใส่ใจนัก...
แล้วหล่อนก็ลืมเรื่องนามบัตรกับผู้ชายคนนั้นไปเลยเพราะเพลินกับการเลือกซื้อข้าวส่วนตัวของในห้างสรรพสินค้าซึ่งบันเทิงใจกว่า