งานบายเนียร์ที่ทางคณะจัดให้กับนักศึกษาที่จะจบในปีนี้ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก สายรหัสใครก็พากันขนน้องๆหลานๆรหัสมาแสดงความยินดีด้วยกันหมดทั้งสาย มัชฌิมาถูกเพื่อนจับแต่งตัวแต่งหน้าจนสวยผิดแปลกเหมือนคนละคน โดยมีธรรศเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลาการแต่งหน้า ด้วยสายตาเหมือนไม่ค่อยพอใจนัก จนเรียบร้อยเขาว่าเสียงห้วนๆ
“พี่ว่าชุดมัน...โป๊เกินไปนะ”
สุธิตาออกตัวป้องเพื่อน “อุ้ย! คุณพี่ขา นี่เรียบร้อยที่สุดในงานคืนนี้แล้วนะคะ”
ธรรศเลยคร้านจะว่าอะไรได้ เขาหันมาบอกมัชฌิมาก่อนที่เธอจะเข้างานไป “พี่รอที่ลอบบี้นะ งานเลิกแล้วพี่จะไปส่งที่หอ”
“ค่ะ”
“อุ่น”
“คะ?”
“ห้ามดื่มนะ”
“อ้าว แล้วถ้าอุ่นหิวน้ำ ให้อุ่นทำยังไงคะ”
“อย่ากวนพี่ อุ่นรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร”
หญิงสาวยิ้มกว้างพยักหน้ารับคำของเขา “เจ้าค่ะ”
แล้วเดินคู่กันไปกับสุธิตาเพื่อเข้าไปในงานเลี้ยง สุธิตาอดบ่นไม่ได้ “นี่พ่อ รึ ผะ...”
“หยุดเลยนะ หยาบคายที่สุด” มัชฌิมาฟังดูรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไร รีบห้ามเสียงแข็ง จนสุธิตาขำก๊ากทันที งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน มีการฉายภาพความทรงจำ มีอาจารย์หลายๆท่านขึ้นพูด อวยพรให้นักศึกษาที่กำลังจะจบออกไปและกล่าวโอวาทเตือนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ นอกจากจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานแล้ว ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้เมื่อจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เพราะต้องออกไปพบกับชีวิตในลำดับถัดไป บางคนศึกษาต่อ บางคนได้งานแล้ว บางคนก็ยังไม่มีเป้าหมายใดๆ
เมื่อสมควรแก่เวลา มัชฌิมาเดินลงมาด้านล่างของโรงแรมบริเวณล็อบบีที่ธรรศบอกว่าเขารออยู่ แต่ตรงนั้นไม่มีธรรศอย่างที่เขาบอก เธอไม่ได้พกโทรศัพท์มาเสียด้วย เลยไม่รู้จะติดต่อเขาอย่างไร
เพื่อนบางส่วนออกไปสนุกกันต่อที่ร้านข้างล่าง สุธิตาที่ตามลงมาทีหลังเพราะอยู่คุยกับสายรหัสตนเอง เข้ามาถามเมื่อเห็นว่ายืนอยู่คนเดียวในล็อบบี
“พี่ธรรศล่ะอุ่น”
“ไม่รู้สิ บอกว่ารอที่ลอบบี้ แล้วไปไหนก็ไม่รู้”
สุธิตาปรายตามอง ก่อนว่ายิ้มๆ “ดูงุ่นง่านนะ”
มัชฌิมามองซ้ายทีขวาที ถามออกไป “ใคร”
“แกไง แหม...ยังไม่ได้คบกันยังขนาดนี้ ถ้าคบกันละยะ”คนถามว่าแล้วถามต่อ “แล้วนี่จะกลับยังไง”
“นั่นสิ อุ่นก็รอพี่ธรรศอยู่นี่แหละ”มัชฌิมาบอกอย่างเซ็งๆ “แล้วนี่จะกลับกันหรือยัง”
“จะไปร้านพี่นิล” เพื่อนสาวพูดถึงร้านเหล้ามีชื่อของชนินทร์
“ไปเถอะ อุ่นรอพี่ธรรศที่นี่ดีกว่า”
“ไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ไปเถอะ”
สุธิตาและเพื่อนคนอื่นๆพากันออกไปจนเกือบหมดแล้ว โดยที่มัชฌิมายังนั่งรอที่ล็อบบีอยู่อย่างนั้น อีกเกือบชั่วโมงถัดมา สุธิตาที่ลืมของเอาไว้ในห้องจัดเลี้ยงก็แวะกลับเข้ามาใหม่ เห็นว่าเพื่อนยังนั่งอยู่ที่เดิม ก็ว่า
“อ้าว! อุ่น ยังไม่กลับอีก”
“อือ” ตอบรับเนือยๆ ชักง่วงและหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว ธรรศหายไปไหน ทำไมเขาไม่บอกไม่กล่าวใครไว้เลย และจะให้เธอรออีกนานไหม จริงๆเธอกลับเองก็ได้แต่นี่เพราะเขาบอกให้เธอ เธอจึงรอ หญิงสาวคิดไปมาอย่างหัวเสียเล็กน้อย
“ไปด้วยกันไหม เดี๋ยวเราแวะไปส่งที่หอ” สุธิตาชวน
“ก็ดีเหมือนกัน ขอบใจมากนะ” มัชฌิมาตัดสินใจติดรถไปกับเพื่อน แต่สุธิตาขอแวะไปสนุกกับคนอื่นๆที่ร้านเหล้าที่เอ่ยปากชวนเมื่อคราวแรกเสียก่อน เธอจึงต้องตามมาด้วยอย่างเสียมิได้
มัชฌิมานั่งมองเพื่อนๆที่สนุกสนานกันด้วยอารมณ์ไม่อยู่กับตัวนัก ทำไมถึงรู้สึกเบื่อ และเหมือนจะไม่พอใจอะไรขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ครู่เดียวสุธิตาก็เข้ามานั่งด้วย ยื่นแก้วเครื่องดื่มให้
“สักแก้วไหมอุ่น”
“เอามาสิ ไหนเอาลองดูสิว่าทำไมคนเขาชอบกินกันนัก” ว่าจบยกดื่มทันทีที่เพื่อนส่งแก้วให้ ด้วยความรู้สึกฉุนๆที่มีเป็นทุนเดิมก่อนหน้านี้แล้ว
จากแก้วเดียว ก็กลายเป็นสอง สามและสี่แก้วในเวลาต่อมา เธอเริ่มสนุกไปกับเสียงเพลงและเพื่อนๆในร้านแล้วนาทีนี้ ก่อนจะแว่วๆเสียงเรียกชื่อตนเองเองจากทางด้านหลัง
“อุ่น”
หันไปมอง เมื่อเห็นว่าใคร ก็แทบจะสะบัดหน้ากลับมาทันที ธรรศเข้ามายืนข้างๆ มองสำรวจแล้วก็ว่า
“เมาเหรอเนี่ย”
“ไม่ได้เมาค่ะ” ปฏิเสธเสียงยานครางเล็กน้อย ซ้ำยังตาเยิ้มจนธรรศเห็นแล้วอยากจับมาฟาดก้นสักสิบทีนัก
“ไป กลับหอได้แล้ว” ธรรศบอกแล้วจับแขนพาลุกออกจากโต๊ะทันที โดยมีสุธิตากระโดดเต้นเหยงๆ พร้อมป้องปากฝากฝังตามมาอีก
“วู้ว...ฝากด้วยนะคะพี่ธรรศ”
ธรรศจับหญิงสาวยัดเข้าไปในรถของเขาอย่างไม่ยากเย็นนัก แล้วขับมาส่งที่หน้าหอพักของเธอ แต่ปรากฏว่าหอพักปิดประตูไปแล้ว นั่นแสดงว่าหมดเวลาที่นักศึกษาจะเข้าออกหอพักหลังจากนี้
“อุ่น หอปิดประตูแล้ว”
เจ้าของชื่อนอนหลับคอพับบนเบาะรถของเขา ธรรศมองก่อนจะถอนหายใจเฮือก แล้ววนรถขับตรงไปยังบ้านของเขาในเวลาต่อมา
“อุ่น”
เขาเรียกเมื่อจอดรถแล้ว แต่มัชฌิมาหลบไปอย่างกับคนโดนชกสลบ จึงต้องเข้ามาอุ้มหญิงสาวเข้าไปยังห้องพักของตนเอง เนื้อนุ่มนิ่มหอมๆของหญิงสาวที่ตนมีใจให้ มันทำให้ชายหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่งแทบตบะแตก เขากลั้นใจไม่สูดเอาความหอมของเธอเข้าจมูก เพราะแค่ถูกเนื้อตัวกับเธอเล็กน้อยก็แทบบ้าแล้ว ก่อนจะจัดแจงวางร่างงามลงบนที่นอนของตนเอง พอหันหลังจะออกไปนอนข้างนอก ก็ได้ยินเสียงอาเจียนดังมาจากคนที่เมาถึงขั้นหนัก
ธรรศเข้าไปยืนมองแล้วอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ ถอดชุดออกแล้วรีบชำระล้างคาบสกปรกที่เจ้าตัวปลดปล่อยออกมาจนเลอะเทอะไปหมด เป่าลมออกจากปากเมื่อเสร็จสิ้นได้โดยที่เขาไม่ทำอะไรอะไรกับเธอตามอารมณ์ปรารถนาที่ตีตื้นขึ้นมาเสียก่อน เปลี่ยนผ้าปูที่นอนชุดใหม่แล้วพาขึ้นไปนอนแล้วเขาจึงพาตัวเองออกไปนอนที่โซฟาด้านนอก
นึกถึงเมื่อตอนหัวค่ำที่พ่อโทรไปบอกว่ามีคนเผาที่ของเขา ธรรศทั้งห่วงทั้งกังวลแต่ก็รีบออกไปจัดการดูความเสียหายที่ไร่ กลับไปที่โรงแรมอีกทีก็ไม่เจอใครที่นั่นแล้ว เลยลองสุ่มตามหาที่ร้านรวงผับบาร์ใกล้ๆ จนเจอในที่สุด
น่าตีนัก เขาหรือห่วงแทบแย่ กลับไปดื่ม ไปเที่ยวกับเพื่อนจนเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้ ถ้าคนอื่นพาไปทำมิดีมิร้ายจะทำเช่นไร คิดไปคิดมา ก็หลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยกับภาระของตนเอง
“ธรรศ”
เสียงเรียกชื่อของตนเองดังขึ้นในตอนรุ่งสาง เมื่อลืตาก็เห็นว่าเป็นมารดาของเขาเอง
“ครับแม่”
“ทำไมมานอนข้างนอกละลูก”
ธรรศยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ทำให้เขาต้องออกมานอนข้างนอก ก่อนจะเล่าให้มารดาฟัง เขาบริสุทธิ์ใจและจริงใจกับหญิงสาวมาก และขอไม่ให้มารดาถามเธอ เพราะกลัวหญิงสาวจะอับอายไปมากกว่านี้ เขาเดินเข้าไปในห้องของตนเองในตอนสาย ก็พบว่าคนที่ยึดเตียงเขาไว้นั้นตื่นแล้วพอดี
เดินผ่านไปเปิดหน้าต่างที่มีระเบียงด้วยแล้วชวนคุย “เมื่อคืนอุ่นเมา”
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาคล้ายจะสำนึกผิด “ค่ะ”
“ไปอาบน้ำก่อนไป จะได้สดชื่น”
“พี่ ไม่ได้ เอ่อ...”
ธรรศเข้ามายืนมอง ถามยิ้มๆ คิดว่าพอเดาความคิดของหญิงสาวตรงหน้าออกว่าเตลิดไปถึงไหนแล้ว “ไม่ได้อะไร”
“เอ่อ...พี่ธรรศ ไม่ได้...ไม่ได้...”
“ปล้ำน่ะเหรอ อยากเหมือนกันแหละ”
“พี่ธรรศ!”
“เอาไว้ไม่เมา แล้วอ่อยพี่แบบเมื่อคืนพี่ปล้ำแน่”
“อุ่นทำอะไรคะ”
“ไม่บอกหรอก เก็บเอาไว้นอนฝันคนเดียวดีกว่า”
“พี่ธรรศบ้า”
หญิงสาวเขวี้ยงหมอนปาใส่แต่เขาเดินหนีไปแล้ว ทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะอย่างเป็นสุขใจ ที่เธอเองก็มีไม่ต่างจากเขา สองหัวใจกำลังเบ่งบานแล้วก้าวช้าๆเข้าสู่เส้นทางของความรักไปพร้อมๆกัน เธออาบน้ำล้างหน้าแล้ว จึงเดินออกมาที่ด้านนอกตั้งใจจะกลับหอพัก ขณะเดินออกมาถึงกลางบ้านก็ได้ยินเสียงทักขึ้น
“ตื่นแล้วหรือหนู”
มัชฌิมาออกอาการกระดากอยู่มากทีเดียว ผู้ใหญ่คงมองเธอไม่ดีนักเพราะเมื่อคืนเธอนอนอยู่ในห้องของธรรศ และเธออยากเป็นเด็กดีในสายตาผู้ใหญ่ของธรรศ จะด้วยเหตุใด หากไม่ได้มีใจให้เขาไปแล้ว
“คือ...เมื่อคืน หนู...” อึกอักที่จะบอกท่าน
“ธรรศบอกป้าแล้วละว่าเมื่อคืนหนูเข้าหอไม่ได้ ก็เลยมานอนที่บ้าน ไม่ต้องคิดอะไรมาก ป้ารู้ว่าลูกชายป้าน่ะ เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ปล้ำสาวหรอก”
“แม่! / คุณป้า…”
“มาลูกมากินข้าวกัน”
มัชฌิมาอายหนักกว่าเก่าแต่ก็พยายามข่มความอาย
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
กินข้าวจนอิ่มแล้ว ธรรศจึงขับรถมาส่งที่หอ ตลอดทางก็นั่งเงียบกันมาทั้งรถ มัชฌิมารู้สึกอายที่ตนเองเมาจนไม่รู้เรื่อง และคิดวนอยู่ในหัวว่าเขาจะโกรธเธอไหม
“มะรืนนี้พี่ไปรับอุ่นนะ”
“รับไปไหนอีกคะ”
“แวะไปนั่งเล่นที่บ้านพี่ไง”
“มีอะไรหรือคะที่บ้านพี่ธรรศ”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก แต่อยากให้อุ่นไป”
มัชฌิมานิ่งไปไม่ได้ตอบรับคำ ธรรศทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้งด้วยการเรียกชื่อเธอ
“อุ่น”
“คะ” ขานรับเขาเบาๆ
ธรรศจอดรถลงแล้วค่อยพูดขึ้นน้ำเสียงจริงจังทีเดียว “พี่ชอบอุ่นมากนะ”
หญิงสาวอึ้งไปแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา ได้ยินเขาถามต่อมาอีกประโยคจริงจังมากกว่าเดิมเสียอีก “อุ่นคิดยังไงกับพี่”
“ไว้ให้เรียนจบก่อน อุ่นจะบอกค่ะ ยังเรียนไม่จบ ไม่อยากมี...แฟนค่ะ” บอกจบเปิดรถลงไปทันที อดยิ้มไม่ได้ที่ได้แกล้งเขาคืนบ้าง เปิดประตูห้องเข้ามาได้ ก็ได้ยินเสียงทักจากเพื่อนร่วมห้องทันที
“เมื่อคืนพี่อุ่นไม่ได้กลับห้อง ไปนอนที่ไหนมาคะ”
“ไปนอนหอเพื่อนจ้ะ มีอะไรหรือทับทิม”
“เปล่าค่ะ ทับทิมแค่เป็นห่วง เห็นพี่อุ่นไม่กลับมานอนห้อง”
ถึงวันนัดเธอส่งข้อความไปบอกเขาถึงเวลานัด รุ่งขึ้นเธอแต่งตัวมารอที่หน้าหอพัก จากที่คิดว่าตนเองมาไวแล้ว แต่ตรงนั้นเธอเห็นธรรศยืนพิงรถของเขารออยู่ก่อนหน้าแล้ว
เขายิ้มร่ารอเธอแล้วพากันขึ้นรถ มุ่งตรงสู่บ้านของธรรศในเวลาต่อมา
“ตรงนี้พี่ว่าจะลงพวกว่าน พวกสมุนไพรเอาไว้ใช้ในบ้าน” ธรรศชี้ไม้ชี้มือบอกเธอ แววตาดูเปี่ยมสุขราวกับกำลังวางแผนอนาคตร่วมกันกับหญิงสาวข้างกายอยู่ คนฟังค้านทันที
“อุ่นว่าปลูกดอกไม้ดีกว่าค่ะ”
“มาปลูกเองสิ”
“ได้เหรอคะ”
“ผูกข้อมือเป็นลูกแม่พี่ก่อน แล้วจะปลูก จะขุดอะไรตรงไหนก็ได้”
“แหม...ลูกชายแม่ ขอกันแบบนี้เลยนะ” กุหลาบที่ยกจานผลไม้ออกมาให้เอ่ยปากแซวบุตรชายตนเอง
“แม่น่ะ”
“หนูรู้ไหมว่าบ้านนี้ดีใจจะแย่ ลูกชายตัวดีไม่เคยพาใครมาบ้านเลยสักคน”
“หงุ่นไงครับ”
“ตาย รายนั้นนับด้วยเหรอ” ท่านว่ายิ้มๆ “ธรรศไปดูพ่อสิ เสียงดังเอะอะอะไรกันหลังบ้าน”
“ครับ”
คล้อยหลังบุตรชายไปแล้ว ท่านก็ว่า “พี่เขากำลังสร้างตัว นี่กว้านซื้อที่ไว้ว่าจะลงปาล์มหมดนั่นล่ะ”
ได้ยินแล้วก็ยิ้มไปกับคนเล่า ท่านคงภูมิใจกับลูกชายของท่านมากทีเดียว ถึงได้เล่าไปยิ้มไปแบบนี้
“นี่ก็ได้เสื่ยวิโรจน์ช่วยเยอะเลย ไหนจะเดินเรื่องช่วยเรื่องที่ แล้วก็ยังช่วยเรื่องพันธ์กล้าที่หามาให้อีก” ท่านเล่าต่อไปอีกหลายเรื่องโดยที่เธอรับฟังอย่างตั้งใจ และหัวใจก็พองฟูขึ้นราวกับจะปริแตกได้ทุกวินาที
กุหลาบถามขึ้นเมื่อเห็นธรรศที่หายไปครู่ใหญ่ๆเดินกลับมา“ลูกหมาใครน่ะธรรศ”
“มันหลงมาจากไหนก็ไม่รู้แม่”
“น่ารักจังเลยค่ะ”
“พี่จะเอาไปให้บ้านข้างๆเขา เห็นว่าอยากได้ลูกหมา”
“ทำไมไม่เลี้ยงเองคะ ดูสิจ้ำม้ำตุ้ยนุ้ยน่ารักออก”
ธรรศมองหญิงสาวที่ตนหมายปอง แล้วชวนทื่อๆ สายตาดำดูหวานหยดเลยทีเดียว “อุ่นจะมาอยู่เลี้ยงมันไหมละ พี่จะได้เอาไว้ที่บ้าน”
มัชฌิมาเงยมาสบตาด้วยแล้วต้องหลบวูบไปทันที ด้วยความเขินอาย
“ดูลูกฉันซิ จีบสาวห่ามจริงๆเลย ว่าไงลูก อุ่น อยากมาคอยดูเจ้าลูกหมานี่ไหม” มีหรือว่าแม่จะไม่เข้าข้างลูกตนเอง กุหลาบหันมาถามเธอรับกับเขาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว
มัชฌิมาได้แต่อมยิ้มแล้วเล่นกับเจ้าลูกหมาที่เธอเรียกมันเล่นๆว่าเจ้านุ้ย แต่ไม่ยอมตอบเขาว่าจะมาเลี้ยงมันไหม แค่มานั่งเล่นบ้านเขา แค่นี้ก็ต้องทำใจกล้ามากพออยู่แล้ว ยังจะช่วยธรรศรุมเธออีก ไม่อายก็ให้รู้กันไปสิ
แล้วเธอก็ได้ฟังแม่เผาลูกชายในหลายๆเรื่อง ตกบ่ายท่านก็ชวนให้อยู่ทำอาหารด้วยกัน กินข้าวด้วยกันจนอิ่มหนำแล้ว กุหลาบก็บอกขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้ “ป้ากับลุงจะแวะไปผูกขวัญบ้านข้างวัดเขาหน่อย แกเพิ่งหายป่วยกลับมา คนคุ้นเคยกันน่ะหนู”
มัชฌิมายิ้มรับ “ค่ะ”
พ่อกับแม่ของเขาเดินพ้นบ้านไปแล้ว ธรรศก็ว่า “เดี๋ยวแม่มาค่อยกลับหอได้ไหมอุ่น”
“ทำไมละคะ”
“พี่ไม่อยากทิ้งบ้านไว้น่ะ บ้านแถวนี้โดนยกเค้ากันออกบ่อย”
“จริงเหรอคะ”
“จริงน่ะสิ”
“ได้ค่ะได้ ให้คุณลุงคุณป้ามาแล้วพี่ธรรศค่อยไปส่งอุ่นก็ได้ค่ะ”
“งั้นไปนั่งเล่นตรงสระรอแล้วกัน พี่จะตรวจบัญชีในไร่ด้วย”
ธรรศชวนยิ้มๆ มองท่าทางหวาดหวั่นของหญิงสาวแล้วก็นึกขำ เขาขู่เล่นเท่านั้นเอง ในใจน่ะอยากให้เธอย้ายมาอยู่นี่เสียเลยด้วยซ้ำ เขาจะรอจนเธอฝึกงานจบ รับปริญญาไหวไหม ใจร่ำๆอยากแต่งงานมันวันนี้ พรุ่งนี้เสียแล้ว ตามประสาคนหนุ่มเจอสาวที่ถูกใจอย่างที่สุด
ทั้งคู่จึงพากันไปนั่งเล่นริมสระน้ำที่ขุดไว้ถัดจากตัวบ้านไม่มากนัก ตรงนั้นมีไฟหลอดตะเกียบติดเอาไว้แล้ว มีเพียงโต๊ะไม้ขัดมันตั้งอยู่ บางทีธรรศจะชวนเพื่อนมาสรวลเสเฮฮาดื่มกินกันที่นี่ บางทีพ่อกับแม่เขานึกครึ้มมานั่งกินข้าวกันตรงนี้ก็ออกบ่อยไป
ธรรศเดินเคียงมากับเธอพร้อมสมุดปกแข็งสีน้ำเงินสามเล่มวางลงบนโต๊ะ เขาเปิดสวิตส์ไฟข้างๆนั่นที่ทำบังแดดบังฝนไว้อย่างดี ฉับพลันมันสว่างจ้าทั่วทั้งบริเวณ หญิงสาวที่อุ้มเจ้านุ้ยมาด้วย เลือกนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา ธรรศเปิดสมุดทำงานไปได้ครู่หนึ่งก็ว่า
“เอาไว้เรียนจบแล้วพี่จะให้พ่อกับแม่ไปขอสาวให้”
มัชฌิมานิ่งไปนานทีเดียว ก้มหน้าก้มตาเล่นกับเจ้านุ้ยแล้วถามเสียงเรียบ “สาวที่ไหนคะ”
“ยังไม่รู้ตัวอีก”
ชี้มือเข้าหา เลิกคิ้วล้อๆ แล้วแกล้งว่า“อุ่นไม่แต่งด้วยหรอกค่ะ”
“อ้าว ทำไม”
หญิงสาวก้มหน้าหลบตาเขาเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้านุ้ยแล้วถึงว่าเสียงอุบอิบ
“ถ้าพี่ธรรศทำศาลาริมสระน้ำตรงนี้ อุ่นถึงจะยอมแต่งงานด้วยค่ะ”
ธรรศที่กำลังตรวจบัญชีของไร่บนโต๊ะไม้ละจากงานตรงหน้า ยิ้มใส่ตาเธอก่อนทวนถามจริงจัง “แน่นะ”
ยิ้มตาหยีให้เขาก่อนพยักหน้าพร้อมคำตอบ “แน่สิคะ”
ธรรศเหมือนได้ยาชูกำลังอย่างดี เขาก้มหน้าทำงานต่อไปอีกครู่ใหญ่ๆก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้า แต่คนความรู้สึกไวว่าขึ้นก่อน
“ฝนตกนี่คะ”
เขาเก็บสมุดแล้วชวน “ไปเข้าบ้านก่อนเร็วอุ่น”
อุ้มนุ้ยแนบอก แล้วก็เห็นเขาเข้ามาใกล้ยกสมุดขึ้นบังศรีษะให้ค่อยพากันเดินเร็วๆไปในบ้าน ตามกันเข้าไปในนั้น เธอวางลูกสุนัขลงแล้วหาที่เก้าอี้นั่งมองเหม่อออกไปยังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักชนิดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ส่วนธรรศเดินเอาสมุดบัญชีไปเก็บบนโต๊ะ แล้วถึงตามมานั่งด้วย “กลับหอค่ำเลย อาจารย์จะว่าไหมเนี่ย”
“ไม่มั้งคะ”
ต่างคนต่างนั่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง ไฟฟ้าในบ้านก็ดับพรึ่บลง แถมด้านนอกฝนยังตกหนักเสียอีก
“พี่ไปหาเทียนก่อน” เจ้าของบ้านบอกในความมืด
“อุ่น...อุ่นไปด้วยค่ะ” ว่าเสร็จรีบลุกตามเขาไป ธรรศหัวเราะอย่างเอ็นดูอยู่ในความมืดถามยิ้มๆ “กลัวเหรอ”
“อุ่นไม่ได้กลัวค่ะ แค่ไม่ชอบความมืดเฉยๆ” บอกเสียงค่อย แท้จริงแล้วกลัวจับใจ
“มานี่สิ” เขาควานหามือนุ่มๆของหญิงสาวมากุมกอบแล้วพาเดินตามไปหาเทียนที่ด้านในห้องด้วยกัน ปกติไฟฉาย เทียนและไฟแช็คพ่อเขาจะเก็บไว้ตรงกลางบ้าน แต่นี่คงมีใครเอาไปใช้แล้วไม่ยอมเก็บเข้าที่ ตรงนั้นเลยไม่มีของให้หยิบใช้แบบอย่างที่เคย ธรรศเลยกุมมือเธอพาเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา
เขาปล่อยมือเธอแล้วเดินเข้าไปด้านในเพื่อหาของ ก็ได้ยินเสียงหวานปนหวาดหวั่นนิดๆถาม “พี่ธรรศจะไปไหนคะ”
“ยืนตรงนั้นก่อน พี่ไม่แน่ใจว่าเอาไฟฉายไว้ตรงไหน ห้องพี่รกมากเดี๋ยวจะเตะของล้มเสียก่อน”
“อุ่นกลัว อุ่นไปด้วย”
เธอว่าแล้วเดินไวไวตามเขาไป แต่เพราะในห้องเขามืดจนมองไม่เห็นแสงไฟใดใดจึงเดินเข้าไปชนเขาอย่างจัง ธรรศคว้าเอวบอบบางไว้ก่อนที่จะล้มไปด้วยกันในความมืด ใบหน้าของหนุ่มสาวอยู่ห่างกันเพียงลมหายใจกันเท่านั้น
แว่วเสียงเข้มๆของเขาเรียกชื่อของเธอ “อุ่น...”
เจ้าของหายใจหนักๆ ตระหนกกับสัมผัสอันแสนใกล้ชิดระหว่างกัน “คะ”
ธรรศกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า เนื้อนุ่มๆแสนหอมหวานของคนในอ้อมกอดทำให้หัวใจชายหนุ่มสั่นไหว เขาเคลื่อนใบหน้าลงมาจนใกล้กับเธอมากกว่าเดิม คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง บอกเสียงหวานซึ้ง “พี่รักอุ่นมากนะ...อุ่นล่ะรักพี่บ้างไหม”
เธอเงียบเสียงไปนาน ก่อนจะเงยหน้ามองเขาในความมืด ตอบรับเสียงเบาแต่มั่นคง
“รักค่ะ”
สิ้นเสียงตอบรับจากเธอ ความหวานลึกซึ้งก็แทรกซึมเข้ามาระหว่างกัน เสียงฝนยังกระหน่ำตกลงมาไม่หยุด
กุหลาบกับสามีกลับเข้าบ้านมาแล้ว ท่านไม่เห็นใครในบ้านเลยสักคน ไฟก็เปิดทิ้งเอาไว้ เลยแยกเข้าห้องนอนไปเสีย คิดว่าบุตรชายคงไปส่งมัชฌิมากลับหอพักแล้ว เมื่อครู่ก็ไม่ได้มองดูว่ารถจอดอยู่หรือไม่ จึงไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งในค่ำคืนนั้นที่ธรรศกับมัชฌิมามีร่วมกันอย่างอ่อนหวานตราตรึงใจยิ่งนัก
มัชฌิมากลับเข้าหอพักมาด้วยอาการเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย ค่ำคืนแสนหวานกับชายที่เธอมีใจรักให้เขานั้นหอมหวานซาบซ่านในอกจนบรรยายออกมาไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว และมันคงมีมากจนล้นออกมาทางสีหน้าและแววตา ขนาดที่นลินีเห็นแล้วคลางแคลงใจนัก แต่ไม่คิดถาม แต่เปลี่ยนมาเป็นชวนแทน
“พี่อุ่นออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนทับทิมซื้อของหน่อยนะคะ”
“พี่ไม่อยากออกไปไหนเลยจ้ะทับทิม” เดินไปทิ้งตัวลงบนตียงทำท่าจะล้มลงนอนสักงีบ
“พี่อุ่นไปเป็นเพื่อนทับทิมหน่อยนะคะ วันก่อนทับทิมออกไปคนเดียว ขากลับน่ากลัวออกค่ะ พวกเด็กบริหารมันนั่งกินเหล้าตรงหน้ามอ มองยังกับจะปล้ำทับทิมแน่ะ”
มัชฌิมาค่อยลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นึกห่วงเพื่อนร่วมห้องรุ่นน้อง“ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
นลินีไม่ได้ออกมาซื้อของตามอย่างที่ว่า แต่กลับพาเธอมานั่งที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแทน
“ไม่ซื้อของหรือทับทิม”
“เดี๋ยวค่ะ พอดีนัดพี่อีกคนเอาไว้”
อึดใจเดียว ชายหนุ่มท่าทางดี ผิวขาวจัด แต่งกายดูดีเดินเข้ามาในร้านแล้วทักทายนลินีขึ้นก่อน “มานานหรือยังทับทิม”
“เพิ่งมาค่ะ” ตอบคนมาใหม่แล้วหันมาคุยกับเธอ “พี่อุ่นคะ นี่พี่นิลค่ะ”
ชายหนุ่มที่นลินีแนะนำชื่อชนินทร์ เขารับโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้ง ครั้งล่าสุดนานกว่าก่อนหน้า พอเจ้าตัวยังไม่กลับมาเสียที นลินีก็เริ่มเล่า
“พี่นิลชอบพี่อุ่นมากเลยนะคะ”
มัชฌิมายิ้มเนือยๆใจของหญิงสาวตอนนี้มีชายที่ชื่อธรรศอยู่เต็มทั้งสี่ห้องหัวใจ ต่อให้ชนินทร์มาไวกว่านี้เธอก็ไม่คิดจะชอบพอเขา
“พี่ยังไม่คิดมีแฟนหรอกจ้ะ”
นลินีได้ยินอย่างนั้นแล้วก็หน้าหมองลงจนมัชฌิมาต้องออกปากทัก
“ทับทิมเป็นอะไร ทำไมทำหน้าเศร้าๆ”
“ก็พ่อน่ะสิคะ บอกว่าจะให้ทับทิมแต่งงานทันทีที่เรียนจบ” ว่าแล้วถอนหายใจเฮือก “พี่อุ่นยังดีนะคะ ที่ตัดสินใจได้ว่ายังไม่แต่งงาน แต่ทับทิมนี่สิ”
“อย่าคิดมากนะ ลองคุยกับท่านหรือยังว่าทับทิมไม่อยากแต่ง”
“ท่านไม่ฟังหรอกค่ะ ท่านมองหาลูกเขยเอาไว้ให้ตั้งนานแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วได้ทำความรู้จักกับคนที่ท่านเล็งไว้หรือยัง บางทีทับทิมอาจจะชอบเขาก็ได้นะ”
“พี่ธรรศน่ะหรือคะ พี่อุ่นจำได้ไหม คนที่นั่งอยู่ที่หน้าหอคราวนั้นไงคะ คนนั้นแหละค่ะที่พ่อจะให้ทับทิมแต่งงานด้วย”
ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที ตกใจอยู่ไม่น้อยแล้วนั่งฟังเรื่องของธรรศจากปากของนลินี
“ทับทิมเคยคุยกับพี่ธรรศด้วยนะคะ เรื่องนี้น่ะ”
ใจคนฟังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วในตอนนี้ ได้แต่ฝืนยิ้มรับฟังที่นลินีบอกเล่าออกมาในอีกด้านหนึ่ง
“พี่ธรรศบอกให้ทับทิมลองเปิดใจคบหากันดู เพราะพี่ธรรศก็ยังไม่มีใคร แหม...เห็นมาดนิ่งๆขรึมๆแบบนั้นเถอะค่ะ ปากหวานเลยนะคะพี่อุ่น พี่ธรรศบอกว่าทับทิมน่ารัก ถ้าได้แต่งงานด้วยกันจริงพี่ธรรศคงรักทับทิมได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ”
รักได้ไม่ยากอย่างนั้นหรือ
แล้วเธอล่ะ เธอเป็นอะไรสำหรับเขา มัชฌิมาคิดวุ่นวายอยู่ในใจคนเดียว
จนชนินทร์ที่คุยสายจนเรียบร้อยแล้วกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง มัชฌิมาจึงถอนหายใจยาวยอมคุยกับชายหนุ่มในที่สุด พร้อมกับตีตัวออกห่างจากชายคนแรกและคนเดียวในหัวใจ ความสัมพันธ์ที่ผ่านพ้นไปนั่นเธอจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิต เธอยอมถอยออกมาเพื่อให้เขาได้มีหนทางที่ดีกว่านี้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีอีกชีวิตที่เขาฝากไว้ในค่ำคืนแสนหวานนั้น แต่เธอเลือกที่จะซ่อนมันไว้ภายใต้ของรอยรักระหว่างเขาและเธอ เป็นความทรงจำที่นึกถึงคราใดก็สุขใจครานั้น…