‘อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้กำลังทะเลาะกันเพราะแย่งเรา บ้าจริง! เกิดเป็นคนสวยแสนลำบาก อยากขี้เหร่ๆ อุ๊ย! แต่คงทำไม่ได้ เพราะฉันสวยมาก.....ฮ่าๆๆ ส่องดูกี่ทีกี่หนก็เหมาะก็สมไปทุกส่วน โอ้ว่ากระจกเจ้าเอ๋ย เคยเจอะใครไหมเพอร์เฟคอย่างนี้’ เธอคิดพลางฮัมเพลงในใจ แน่นอนว่ามันเป็นความในใจที่ไม่มีใครได้ยินนอกจาก...เขา
“เพ้อเจ้อ” เขาว่าเสียงงึมงำพร้อมกับหันมามองด้วยใบหน้าเอือมระอา แต่มันกลับทำให้เธอตีความไปอีกอย่าง
‘มองแรงขนาดนี้ คงอยากให้เราแสดงจุดยืนสินะ ไม่ได้การละ เราต้องทำอะไรสักอย่างให้ผู้ชายพวกนั้นรู้ว่าคนที่มีสิทธิ์ในตัวเรามีเพียงคนเดียวคืออีตายักษ์นี่’ คิดได้ดังนั้นคุณเธอก็ลุกขึ้นเดินดุ่มๆ ตรงไปหาเขา และทำบางอย่างโดยไม่มีใครคาดคิด
“หมับ!” สองแขนเรียวยกโอบรอบคอเขาอย่างถือสิทธิ์ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงได้แต่กลอกตาไปมา
“อุ้มสิอุ้ม” เธอกระซิบบอก
“อะไรของเธออีก” เขากระซิบถามติดจะรำคาญนิดๆ
“ฉันกำลังช่วยคุณอยู่นะ รีบอุ้มฉันเร็ว” เธอเร่ง แต่เขากลับตอบเสียงหนักแน่นกลับมาว่า
“ไม่!”
“ไม่ใช่ไหม ได้...” สิ้นเสียงแม่คุณก็กระโดดกอดคอสองขาเกาะเกี่ยวรอบเอวสอบ ทันใดนั้นก็มีเสียงหายใจหนักๆ ของบุคคลที่สามสี่ห้าดังขึ้น
“เฮือก!”
“ทีนี้รู้รึยังว่าแกกับเขาต่างกันตรงไหน” ฮาซานหันมาถามน้องชาย ซึ่งอีกฝ่ายเคยถามชีคหนุ่มเอาไว้ ‘กระหม่อมกับนางผู้นั้นต่างกันตรงไหนพ่ะย่ะค่ะ’
“ทุกตรงเลยว่ะ” ฮารีฟตอบหน้าแหยๆ ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำเช่นนี้กับท่านชีค โดยที่นางผู้นั้นไม่ถูกจับโยนออกไปซะก่อน ที่สำคัญนอกจากจะไม่ถูกโยนแล้ว ยังปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นลวนลามอย่างหน้าตาเฉยอีก
“ที่รักพาฉันไปอาบน้ำหน่อยสิ ฉันอยากได้คนถูหลัง” เธอตั้งใจพูดเสียงดังเพื่อให้ทั้งสามได้ยินด้วย
“เฮือก!” เป็นอีกครั้งที่ทั้งสามผงะค้างพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างจินตนาการไปถึงการถูหลังที่ร้อนแรง ซึ่งดูเหมือนจะตรงข้ามกับจินตนาการของเธอ
‘ดูแต่ละคนทำหน้าเข้า คงกำลังเสียดายเราสินะ ดีใจด้วยนะอีตายักษ์ ในที่สุดคุณก็เป็นผู้ชนะ’ เธอคิดพลางหันมายิ้มให้เขาด้วยความยินดี ในขณะที่เขาทำได้เพียงถอนหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ พาเธอเดินหายเข้าไปในห้องโดยไม่พูดไม่จา กระทั่งประตูห้องถูกปิด สามคนข้างนอกถึงได้มีสติขึ้นมา
“เฮ้ย! เอาไงดีวะ แบบนี้ไม่ดีแน่” ฮาซานหันมาปรึกษาด้วยความกังวล
“หึๆๆ ก็รอให้เขาถูหลังกันให้เสร็จก่อนสิวะ” ฮารีฟตอบราวกับคนกำลังละเมอ
“ไอ้บ้าฮารีฟ อย่าบอกนะว่าแกกำลังมโนภาพท่านชีคถูหลังให้คุณผู้หญิงคนนั้น ไอ้ลามก” ฮาซานโวยใส่น้องชาย
“หรือแกไม่คิด”
“ก็คิด เฮ้ย! ไม่คิดโว้ย” ฮาซานเผลอตอบอย่างลืมตัว
“เรื่องคิดไม่คิดเอาไว้ก่อน ตอนนี้ฉันว่าพวกแกมาช่วยฉันคิดดีกว่าว่าจะเอายังไงต่อดี ท่านชีคเข้าห้องไปแบบนี้แล้วเราจะบอกเรื่องนั้นยังไง” เฟาซีเตือนสติสองพี่น้องหน้าเครียด เมื่อเรื่องที่พวกเขาตั้งใจจะเข้ามาบอกมันเป็นเรื่องสำคัญ
ชีคหนุ่มทิ้งความวุ่ยวายเอาไว้ด้านนอกด้วยการอุ้ม ไม่สิ! น่าจะเรียกกระเตงกันเข้ามามากกว่า ก็สองขาของแม่คุณเล่นโอบรอบเอวเขาไว้แน่นขนาดนั้น
“เดี๋ยวๆๆ คุณจะพาฉันไปไหน” เธอโวยวายพยายามกระเสือกกระสนลงจากตัวเขา แต่กลับทำไม่ได้เสียแล้ว เมื่อสองแขนของเขาล็อกสองขาของเขาจนขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้
“ก็เธออยากได้คนช่วยถูหลัง” เขาบอกพร้อมกับพาเธอเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องน้ำ
“บ้า! ไม่เอา ไม่อยากได้ คะคือฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉัน...ฉันเป็นโรคกลัวน้ำ” ตอบออกไปแล้วก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองซะเดี๋ยวนั้น
‘พูดบ้าอะไรออกไปเนี่ย โอย! แล้วนี่ฉันต้องหอนด้วยไหมเนี่ย’ เธอก่นด่าตัวเองในใจที่ลนลานจนได้เรื่อง จนลืมไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่เธอควรทำคือหาทางเอาตัวรอดให้ได้ แต่เห็นทีจะเป็นไปได้ยากซะแล้ว
“อุ๊ย!” เธออุทานเบาๆ หลังถูกจับวางบนอ่างล้างหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ความเย็นชืดของขอบอ่างยังไม่เท่าความเย็นเยียบที่ปกคลุมอยู่รอบกายในยามนี้
“จะๆ จะทำอะไร” เสียงเธอตะกุกตะกักขณะพยายามขยับสะโพกถอยหนี
“ถูหลัง” เขาตอบสั้นๆ ขณะที่มือไม้กลับยื่นมายุ่มย่ามบนเสื้อผ้าของเธอ
“ว้าย! นี่อย่ามาทะลึ่งนะ” เธอออกแรงผลักเขาสุดแรง ก่อนจะกระโดดลงมายืนประจันหน้ากับเขาอย่างระแวดระวัง
“ก็เธออยากได้คนถูหลัง แล้วฉันก็อุตส่าห์มีน้ำใจจะช่วย” เขาพูดพลางย่างสามขุมเข้ามาใกล้อย่างคุกคาม ในขณะที่เธอก็พยายามขยับถอยห่างด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
“ฉะๆ ฉันไม่อยากได้แล้ว ไม่เอาแล้ว กรี๊ด...!” ความไม่น่าไว้ใจของเขาทำให้เธอตัดสินใจวิ่งร้องกรี๊ดๆ ออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูห้อง อะไรบางอย่างก็ล่วงลงไปกองกับพื้น
“ตุบ!” สามบอดีการ์ดหนุ่มที่เอาหูแนบประตูพยายามฟังความเคลื่อนไหวด้านในถึงกับร่วงลงไปกองนอนทับกันอยู่บนพื้นอย่างหมดท่า พรสวรรค์เห็นแล้วถึงกับผงะตาโต พลันความคิดบรรเจิดก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
‘หรือว่าสามคนนี้ยังหวังในตัวเรา บ้าชะมัด! กรรมของคนสวยชัดๆ เอาไงดีวะ ทางนี้ก็น่ากลัว ทางโน้นก็ไม่น่าไว้ใจ เอาวะคนเดียวยังดีกว่าสามคน’ คิดได้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหันหลังวิ่งกลับไปทางเดิมแล้วก็...
“ฮึบ!” เอิ่ม! แม่คุณกระโดดกอดคอเขาอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา
“ไปถูหลังกัน” คำเชิญชวนของเธอทำเขาถอนหายใจแรง ในขณะที่สามหนุ่มกลับกลืนน้ำลายพร้อมกันดังเอื๊อก และเพื่อไม่ให้จินตนาการของทั้งสามเตลิดไปไกลมากกว่านี้ ชีคหนุ่มจึงขัดขึ้น
“มีอะไร” ดูเหมือนเสียงแข็งๆ ของท่านชีคจะช่วยดึงสติให้ทั้งสามหนุ่มรีบพากันลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียง แม้จะดูขลุกขลักไปบ้าง
“อะเอ่อ...ฮารีฟมันมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” ฮาซานอึกอักก่อนจะโบ้ยไปทางน้องชาย
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมี...เย้ย! ไหงโยนมาดื้อๆ แบบนี้วะ”
“ตกลงมีเรื่องอะไร ถ้าไม่มีก็ออกไป” ชีคหนุ่มไล่
เมื่อพวกเขาเลือกใช้ภาษาที่เธอฟังไม่เข้าใจสื่อสารกัน มันเลยทำให้เธอกระวนกระวายคิดไปต่างๆ นานา ‘บ้าจริง! นี่เราสวยขนาดทำให้ผู้ชายพวกนี้หลงเสน่ห์เราจนไม่ยอมไปไหนเลยรึไง ให้ตายสิ! เราต้องประกาศจุดยืนจริงจังสักที สามคนนี้จะได้เลิกหวังในตัวเรา’
“ไปถูหลังกัน” ว่าแล้วเธอก็ประกาศจุดยืนออกมาเสียงดัง เอ่อ...เดี๋ยวนะ แน่ใจเหรอว่านี่คือจุดยืน แต่ให้ตายเถอะ มันใช้ได้ผลจริงๆ เพราะมันทำให้พวกหนุ่มๆ หน้าเหวอเหลอหลาไปตามๆ กัน จะมีก็แต่เขาเท่านั้นที่ถอนหายใจหนักๆ ออกมา และถึงแม้สีหน้าเขาออกจะเอือมๆ อยู่บ้าง แต่สองมือของเขากลับเลื่อนมาโอบกระชับรอบสะโพกผายของเธอไม่ให้มันเลื่อนหล่นลงมา
“เอาไงดีวะ ถ้าปล่อยให้สองคนนี้เข้าไปถูหลังกัน วันนี้เราหมดโอกาสพูดแน่” หลังจากเห็นความสนิทแนบแน่นและความอาทรที่ท่านชีคมีให้พรสวรรค์ ฮาซานจึงหันมาปรึกษาอีกสองคนเสียงเครียด
“โอกาสเดียวก่อนที่เขาจะเข้าไปถูหลังกันคือเราต้องพูด แต่ใครจะกล้าพูดวะ ” ฮารีฟโอดครวญ ก่อนจะต้องผงะตาโต เมื่อจู่ๆ เฟาซีก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
“ไอ้ฟาฮัสมันเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สองพี่น้องตาโตจนแทบถลนออกนอกเบ้า ไม่คิดว่าเฟาซีจะใช้โอกาสเดียวที่มีโพล่งออกมาดื้อๆ แบบนี้
“อืม! ออกไปก่อน เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบตามออกไป” ธุระของเขาคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิงที่ยังเกาะเป็นลูกลิงอยู่แน่ๆ และดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจจึงพากันเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี เว้นก็แต่ฮารีฟ