07

1321 คำ
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ล่ะ” เขาแกล้งหยั่งเชิงอย่างยั่วเย้า ในขณะที่เธอก็ขมวดคิ้วอย่างคนกำลังคิดหนัก ‘ฉันก็จะหนีไงเล่า’ คำตอบแบบนี้เธอทำได้แค่ตอบในใจ ด้วยกลัวว่าถ้าขืนพูดออกไป เขาคงได้ส่งเธอออกไปข้างนอกแน่ “หืม! ว่าไงนะ” เสียงเธอที่ดังขึ้นมาแว่วๆ ทำให้เขาต้องถามย้ำ “อะเอ่อ...คือถ้าฉันจะขอเวลาทำใจก่อนจะได้ไหมคะ ฉันยังไม่พร้อมจะเสียตัวตอนนี้ คือ...คือฉันมีประจำเดือนค่ะ” เธอพยายามถ่วงเวลาเพื่อเอาตัวรอด “หืม! เสียตัว? อะไรทำให้เธอคิดว่าคนอย่างฉันอยากจะได้ตัวเธอ” คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าเหวอ “ก็เมื่อกี้คุณบอก...” “จืดชืดไม่มีอะไรให้ดึงดูดอย่างเธอ บอกตรงๆ ฉันทำไม่ลง” เขาว่าพลางเลื่อนสายตาลงมาหยุดอยู่ที่หน้าอกของเธออย่างหมิ่นเหม่ ก่อนจะยิ้มเยาะให้เธอได้อาย ‘อื้อหือ! จุก จี้ใจดำ ย้ำปมด้อยกันสุดๆ โดนปฏิเสธงานเพราะเรื่องนม ยังไม่เจ็บเท่าถูกจี้ปมว่านมไม่มี’ เธอคิดอย่างแค้นเคือง พลันสองแขนก็ผลักอกเขาออกแรงๆ อย่างลืมตัว “เธอ!” คนถูกผลักครางเบาๆ พร้อมกับมองหน้าเธอแบบงงๆ ในขณะที่คนผลักนั้นเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำร้ายร่างกายเขาได้ “ขะๆ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ คือฉันแค่...” เธอเลิกลั่กพยายามหาคำแก้ตัวให้วุ่นวายไปหมด แต่เขากลับตอกย้ำให้เธอเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีก “ไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าฉันทำอะไรเธอ เพราะถึงฉันจะเป็นผู้ชาย ฉันก็เลือก” “อื้อหือ! จุก จุกกว่าเดิมอีก” เธอจับไปที่อกข้างซ้ายทำท่าราวกับรวดร้าวนักหนา พลันความอดทนก็ถูกอารมณ์เดือดดาลบดบังจนสิ้น “นี่! มันจะมากไปแล้วนะ คิดว่าตัวเองหล่อเลือกได้คนเดียวรึไง ถึงฉันไม่สวยเซ็กซี่ขยี้ใจ แต่ฉันก็เลือกได้เหมือนกันแหละ มีคนเข้ามาให้เลือกจนหัวกระไดบ้านไม่แห้งด้วย อะเอ่อ...แล้วแต่ละคนก็หล่อกว่าคุณด้วย” จากความเดือดดาลกลายเป็นความโอ้อวดเพื่อความสะใจ แม้จะแอบหวั่นๆ ใจอยู่บ้าง ‘ไปพูดแบบนั้น ใครเขาจะเชื่อเล่ามะลิเอ๊ย’ ‘เชื่อไม่เชื่อก็พูดไปแล้วนี่ อีกอย่างเขากับเราก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย เขาไม่รู้หรอกว่าเราพูดจริงไม่จริง’ ขณะที่เธอกำลังเถียงกับตัวเองในใจ เขาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็จับจ้องใบหน้าเธอไม่วางตา ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้คืออะไรกันแน่ สิ่งที่เขาได้ยินมันคืออะไร เสียงเธอหรือเสียงใคร หรือเป็นเสียงที่จิตเขาปรุงแต่งขึ้นมาเอง ไม่! เขาต้องป่วยหรือไม่ก็ประสาทหลอนไปแล้วแน่ๆ พลันคำพูดของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาในหัว ‘จงหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ’ คำพูดของแม่เฒ่าคนหนึ่งกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ‘แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร’ เป็นคำพูดของเขาที่เคยถามแม่เฒ่าคนนั้น ‘เนตรกรรณประสานใจ ดวงชะตานั้นไซร้ให้พบกัน ไม่มีใครบอกได้ว่านางเป็นใคร มีเพียงท่านเท่านั้นที่รู้ได้ เมื่อใดที่ได้พบนาง ท่านจะรู้เอง’ ‘หรือจะเป็นเธอ’ เขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง ด้วยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จะมีใครบ้างที่ได้ยินความคิดของคนอื่น มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป แต่มันก็เกิดขึ้นกับเขาแล้ว ใช่! ไม่ผิดแน่ เขาได้ยินความคิดของเธอ และมันก็ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอ...คือผู้หญิงคนนั้น ที่แม่เฒ่าทิ้งปริศนาไว้ หรือไม่ก็...ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาประสาทหลอนไปเอง ‘เฮ้ย! เขามองหน้าขนาดนี้ เขาต้องรู้แน่ๆ ว่าเราโกหก’ ทั้งที่คิดว่าตัวเองกำลังประสาทหลอน จู่ๆ เสียงเธอก็ดังขึ้นมาอีก ‘โอ๊ย! ไม่รู้หรอกน่า ผู้หญิงที่ไหนๆ เขาก็มีผู้ชายมาจีบได้ทั้งนั้นแหละน่า’ ‘แต่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเธอแน่พรสวรรค์ ยัยแว่นหน้าจืด ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยอย่างเธอ ใครเขาจะมาจีบ’ และ คำพูดเธอในตอนนี้เอง ที่ทำให้เขาต้องมองใบหน้าเธออย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง ใบหน้ารูปไข่ในยามที่ไม่มีแว่นหนาๆ มาบดบัง มันทำให้ดวงตากลมโตของเธอดูสดใสเป็นประกาย รับกับปลาย จมูกเชิดรั้นน่าบีบเล่น ซึ่งน่าจะบอกตัวตนเธอได้เป็นอย่างดี และอย่างสุดท้ายที่ทำให้เขาต้องใช้เวลามองนานที่สุดคือ ปาก กระจับอวบอิ่มของเธอ ให้ตายสิ! มันดูเย้ายวนจนเขาแทบไม่อยากละสายตา เห็นแล้วพาลนึกไปถึงจูบก่อนหน้าที่เขาเพิ่งขโมยไป เพียงแรกสัมผัสก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นจูบแรก และมันช่างหอมหวานเย้ายวนชวนให้เขาอยากจะสัมผัสมันอีกครั้ง ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าคมเข้มในแบบฉบับชาวตะวันออกกลางค่อยๆ ขยับโน้มลงมา ในขณะที่สายตาก็ ยังไม่ละจากริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ กระทั่งเสียงของเธอดังขึ้น “จะทำไรอะ” เสียงของเธอทำให้เขาต้องสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อเรียกสติ “เอ่อ...ฉันก็จะดูให้ชัดๆ ไงว่าเธอเอาอะไรมามั่นใจว่าหน้าแบบนี้จะมีผู้ชายมาจีบ นอกซะจากว่าผู้ชายพวกนั้นจะ ชอบของแปลก หรือไม่ก็...เธอกุเรื่องขึ้นมาเอง” “ไม่มี้! ใครกุเรื่อง ไม่มีๆ” เธอปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะรีบกระแอมปรับเสียง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีพิรุธมากเกินไป “อะแฮ่ม! ฉันน่ะเสน่ห์แรงกว่าที่คุณคิดนะจะบอกให้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีผู้ชายมาทอดสะพานให้ถึงที่หรอก (อย่างน้อยก็มีคนหนึ่งล่ะน่าที่ตามจีบฉันมาเป็นปีๆ)” เธอแอบต่อท้ายในใจ “ใคร?” จู่ๆ เสียงเขาเข้มขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “หา! เอ้อ! ก็เยอะแยะ คุณไม่รู้จักหรอก” เสียงคาดคั้นของเขาทำเอาเธอสะอึกด้วยความตกใจ หาคำตอบแทบไม่ทัน ไหนจะสายตาดุวับนั่นอีก ขืนไม่รีบเปลี่ยนเรื่อง เธอเดือดร้อนแน่ “เอ่อ...ช่างเรื่องผู้ชายของฉันเหอะน่า ยังไงคุณก็ไม่ได้คิดจะอะไรๆ กับฉันอยู่แล้วนี่ คุณไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชายที่ชอบของแปลกอย่างฉันหรอกใช่ไหม” เธอหยั่งเชิงอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองจะปลอดภัย และเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรจึงพูดต่อ “เอาล่ะ! ฉันถามคุณจริงๆ เลยนะ คุณจับฉันมาทำไม คือฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมคุณต้องจับฉันมา จะว่าเรื่องเงินก็ไม่ใช่ ดูคุณมีอันจะกินมากกว่าผู้หญิงตกงานอย่างฉันซะอีก ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ที่หรูๆ แบบนี้หรอก จะว่าเรื่องพิศวาสในตัวฉันก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ก็คุณบอกอยู่ปาวๆ ว่าฉันไม่ใช่สเปคแล้วคุณก็ไม่มีวันมองผู้หญิงแบบฉันด้วย” ท้ายประโยคเธอใส่อารมณ์อย่างลืมตัวอีก “รู้ตัวก็ดีนี่ จะได้ไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันจะทำอะไรเธออีก” การตอกย้ำของเขาทำเอาพรสวรรค์เม้มปากแน่น ‘เราควรต้องสบายใจสิที่เขาจะไม่ทำอะไรเรา แต่ทำไมมันเจ็บจี๊ดๆ วะ’ คนถูกย้ำปมด้อยครั้งแล้วครั้งเล่าคิดอย่างเจ็บใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม