ชีวิตที่เปลี่ยนไป

3360 คำ
ชีวิตที่เปลี่ยนไป มือบางควานหาตุ๊กตาตัวโปรดอย่างสะเปะสะปะด้วยความคุ้นชินก่อนที่นิ้วเรียวจะคลำไปถูกบางอย่างลักษณะคล้ายแขนของตุ๊กตาหมาเน่าของเธอแต่มันแข็ง ขนาดก็ใหญ่กว่าแขนตุ๊กตาหมาเน่าและยังยาวกว่าและรับรู้ถึงความร้อนที่มาจากของสิ่งนั้น พิมพ์ลภัสคลำไปมาอย่างสะเปะสะปะอย่างแปลกใจก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่มือตัวเองอยู่ “กรี๊ดดดด!” เด็กสาวร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับชักมือกลับ 'จะไม่ให้เธอตกใจได้ไงล่ะก็ไอ้ที่เธอลูบๆคลำๆอยู่เมื่อกี้นะมันคือเจ้ามังกรยักษ์ตัวนั้นนะสิ อ๊ายยยย พริกหวานรับไม่ได้' “จะกรี๊ดทำไมละแม่หนูลูบๆคลำๆมาตั้งนานไม่เห็นจะกรี๊ด” เจ้าของมังกรยักษ์เอ่ยบอก ก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวไว้ เมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็ทั้งง่วงมาก และเหนื่อยมากทำให้ลืมตัวจึงนอนทั้งผ้าเช็ดตัวแถมไม่ได้ใส่เสื้ออีกต่างหากสงสัยนอนไปนอนมาปมผ้าเช็ดตัวจะหลุดยัยตัวเล็กพริกขี้หนูถึงได้ปลดอาวุธเขาแบบนี้ ให้ตายเถอะเกือบไม่รอด ขืนแม่หนูยังลูบๆคลำมีหวังเข้าไปจับเจ้าหล่อนปล้ำแน่ แค่ไอ้นิ้วเรียวๆที่มันลูบๆคลำๆเขามันก็ทำให้เจ้ามังกรยักษ์ตื่นขึ้นมาแล้ว “อี๋” พิมพ์ลภัสร้องก่อนยกมือขึ้นปิดตาก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านิ้วเรียวที่ปิดตาอยู่มันไปจับอะไรมา “อ๊ายยยย” เด็กสาวร้องก่อนจะใช้มือข้างนั้นถูกกับผ้าห่มอย่างแรงราวกับว่ามันสามารถลบล้างได้ว่าเธอไปจับอะไรมา “พอๆ จะอะไรขนาดนั้นเพิ่งรู้ว่าแม่ตัวเล็กพริกขี้หนูเนี้ยขี้เวอร์” คนอายุมากกว่าเอ่ยก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปทิ้งให้คนขี้เวอร์นั่งตกใจอยู่ หลังจากอาบน้ำและรับประทานอาหารเสร็จธนกฤตก็พาเด็กสาวกลับมาที่บ้านของเธอ งานฉลองมงคลสมรสรวมถึงพิธีเข้าหอจัดขึ้นที่โรงแรมซึ่งไกลจากบ้านของพิมพ์ลภัสมากโขทำให้ใช้เวลานาน ในระหว่างทางเด็กสาวยังคงหานั้นหานี่มาเช็ดมืออยู่ตลอดเวลาทำให้ผู้การหนุ่มใหญ่ได้แต่ขำ 'แม่หนูนี่ขี้เวอร์จริงๆ ดูทำเข้าเถอะ อย่างกับเจ้ามังกรยักษ์ของเขาน่ากลัวมากงั้นแหละ มันออกจะน่ารัก ' “ถึงแล้วแม่หนู เลิกทำแบบนั้นซะไม่งั้นเขาจะคิดว่าอาทำอะไรเธอ” คนอายุมากกว่าเอ่ยบอกก่อนจะเปิดประตูลงจากรถและเดินอ้อมไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย พิมพ์ลภัสสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะทำสีหน้าท่าทางให้ปกติที่สุดแล้วก้าวลงจากรถและก้าวนำเข้าไปในบ้าน “อ้าวมากันแล้ว มานั่งนี่ก่อนสิยัยหนู” พัทธิพงค์เอ่ยบอกเมื่อเห็นหลานสาวเดินนำลูกชายเพื่อนรักเข้ามา ชายชราหันมองหน้าคนอื่นในห้องอย่างปรึกษาว่าจะพูดตามที่คุยไว้หรือเปล่า “มีอะไรรึเปล่าครับอาพัทธิ์ ป๋า ทำไมทำหน้ากันแบบนั้นล่ะ” ธนกฤตเอ่ยถามหลังจากนั่งลงที่โซฟา ถัดไปเป็นพิมพ์ลภัสที่สงสัยไม่ต่างกัน “พวกเราลองปรึกษากันแล้ว ไหนๆธามกับยัยหนูก็แต่งงานกันแล้ว ลุงเลยคิดว่าน่าจะให้ยัยหนูไปอยู่กับธามที่สัตหีบ “ พัทธิพงค์เอ่ยบอกก่อนจะเอ่ยต่อไป “จะได้เรียนรู้กันไป เราทุกคนไม่อยากจะให้เกิดการหย่าร้างขึ้น ธามน่ะไม่เป็นไรแต่ยัยหนูนี่สิ ถ้ามีการหย่าคนจะมองไม่ดีเอาได้” “ ผมเข้าใจที่อาพูดนะครับ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านพัก อีกอย่างผมไม่มีเวลาดูแลพิมพ์ลภัสมากนักเธอก็ยังเด็กเกินกว่าจะปล่อยไว้คนเดียวได้” ธนกฤตเอ่ยบอก หน้าที่การงานเขาไม่ตายตัวไม่พร้อมที่จะดูแลเด็กสาว แถมยังไม่ใจแข็งพอจะปล่อยเธออยู่บ้านคนเดียว “ก็ยังมีเจ้าเพลิง เจ้าพีนิ ลูกๆสองคนนั้นก็อายุพอๆกับหนูพริกหวานก็ฝากดูๆได้ “ ธนากรเอ่ย 'เขาอยากให้ทั้งสองได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันไป ไม่อยากให้เลิกลากัน อีกอย่างหลังจากฟังเพื่อนเขาและเพื่อนลูกสาวเล่าวีรกรรมของแม่หนูนี่ให้ฟังก็รู้ว่าแสบใช่เล่น ชักชอบใจ และอยากให้เป็นลูกสะใภ้ตลอดไปขึ้นมามากกว่าเดิมเลย ' “แล้วพี่เพชรกับพี่ลดาคิดว่าไงครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม อยากจะฟังจากปากของพ่อแม่เด็กสาวมากกว่าใครทั้งนั้น “ก็ถ้าธามรับปากที่สัญญากันไว้ พี่ก็คิดว่าดีนะ ยัยหนูนี่แสบหนักพี่จัดการไม่ไหวจริงๆ” ลัลลดาเอ่ยบอก เพชรดนัยที่ได้ฟังคำสัญญาของลูกเขยกับภรรยาเมื่อคืนเองก็เห็นด้วยกับภรรยา “แล้วเธอล่ะ” ธนกฤตหันมาถามคนข้างๆที่ทำหน้าสับสนอยู่ “อยากลองไปดูวิถีชีวิตของทหารเรือมั้ย” “ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ว่าดี หนูยังไงก็ได้ค่ะ แต่ถ้าอยู่ไม่ได้หนูจะกลับมาอยู่นี่ไปตลอดชีวิตเลยนะ” เด็กสาวเอ่ยบอก ทุกคนต่างยิ้มออกมาจากทีแรกนึกกลัวเด็กสาวจะอาละวาดซะแล้ว “ถ้างั้นก็ต้องย้ายโรงเรียน แล้วก็ไปทำบัตรประชาชนใหม่” ลัลลดาเอ่ยบอก “ไม่เปลี่ยนไม่ได้เหรอ” คนไม่อยากเปลี่ยนนามสกุลเอ่ยถามก่อนจะได้รับคำตอบมาแบบประสานเสียงว่าไม่ได้จนทำให้หน้าเจื่อนไปเลย “เรื่องย้ายโรงเรียน คงต้องเป็นวันพรุ่งนี้หรือมะรืนแหละ ทำบัตรใหม่ก็ด้วย ธามมีงานรึเปล่า” เพชรดนัยบอกเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์สำนักงานเขตปิด “พรุ่งนี้ไม่มีครับ เรื่องย้ายคงใช้เวลาไม่น้อยเรื่องโรงเรียนใหม่ก็คงจะอีกสักพักเพราะโรงเรียนที่หนูพั้นเรียนหยุดหลังสอบกลางภาคเกือบสองอาทิตย์” ธนกฤตเอ่ยบอกออกมา “โรงเรียนอะไรหยุดตั้งสองอาทิตย์สองกลางภาคเนี้ยที่โรงเรียนหนูยังไม่หยุดเลย” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามอย่างสงสัย “โรงเรียนของเอกชน ครูที่มาสอนมีการประชุมเตรียมการสอนครึ่งเทอมหลังหนึ่งอาทิตย์และมีวันก่อตั้งโรงเรียนอีกแถมต่อยาวไปวันหยุดนักขัตฤกษ์ตรงกับเสาร์อาทิตย์อีกราวแล้วก็เกือบสองอาทิตย์” ธนกฤตเอ่ยบอก “งั้นหลังจากทำบัตรใหม่เสร็จธามก็กลับไปทำงานต่อไว้เรื่องย้ายโอเคค่อยมารับยัยพริกหวานแล้วกัน” เพชรดนัยเอ่ยบอก ธนกฤตพยักหน้ารับแทนการตอบก่อนที่พิมพ์ลภัสจะขอตัวขึ้นไปบนห้องธนกฤตจึงอยู่พูดคุยกับผู้ใหญ่ต่อไป 'นี่ชีวิตเธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆเหรอ วันก่อนเธอยังเป็นแค่เด็กมัธยมที่เพิ่งสอบกลางภาคเสร็จ แต่มาวันนี้เธอกลับมีสามี แถมยังต้องเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างอีกด้วย นี่มันคือความจริงใช่มั้ย?' เด็กสาวได้แต่ถามตัวเองในใจอย่างสับสนหลังจากได้ลองนั่งคิดทบทวนคนเดียวบนห้อง เธออายุแค่17เองนะจากนี้ไปชีวิตจะเป็นแบบไหนกัน ก็อกๆๆ “พริกหวานแม่เข้าไปนะลูก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของมารดาทำให้เด็กสาวหันไปมองมารดาที่เปิดประตูดข้ามาพร้อมทั้งเดินมานั่งข้างๆ “กำลังคิดอะไรอยู่ลูก” ลัลลดาเอ่ยถาม พร้อมทั้งยกมือขึ้นลูบศีรษะของอีกฝ่าย “ชีวิตหนูจะเป็นยังไงต่อไปค่ะคุณแม่ หนูคิดไม่ออกเลย” เด็กสาวเอ่ยถามอย่างสับสน ลัลลดายิ้มอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยตอบ “มันอยู่ที่หนูว่าจะกำหนดว่าจะให้ดำเนินไปในทิศทางไหน แม่บอกหนูไม่ได้ แต่บอกได้อย่างนึงว่าต่อจากนี้ทุกย่างก้าวจะมีพี่เค้าคอยให้คำปรึกษา และคอยสั่งสอน และพาก้าวเดินไปอย่างมั่นคงแค่ลูกเชื่อใจพี่เค้า ยอมฝากชีวิตไว้ในกำมือของพี่เค้า” “แต่เราอายุห่างกันตั้งเยอะ เย๊อะม๊ากกกกกก” เด็กสาวพูดลากเสียงยาวบรรยายความมาก ความต่างของวัยคืออุปสรรคสำหรับชีวิตคู่ในความรู้สึกของเธอ “งั้นหนูก็ยังไม่รู้สินะว่าผู้ชายอายุมากกว่านะมีดีเยอะกว่าพวกหนุ่มๆวัยรุ่นซะอีก แม่จะยกตัวอย่างให้สักนิดล่ะกัน” ลัลลดาเอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยอธิบาย “อย่างแรกมีความเป็นผู้นำพร้อมให้คำปรึกษา ช่วยเหลือเมื่อยามเรามีปัญหา มีกาลเทศะ และมีสกิลการวางตัวเข้าสังคมได้ดี ตัดสินใจเฉียบขาด และมีเหตุผลรองรับเสมอ อีกข้ออบอุ่นเสมอ เมื่ออยู่ใกล้ จะรู้สึกเสมอว่าเขาสามารถดูแลและปกป้องเราได้ อีกอันนึงยอมผิด แม้ (บางครั้ง) ตัวเองจะไม่ผิดก็ตาม” “ไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้ง พี่เขาก็จะยอมลงให้เสมอเชื่อแม่ แถมยังเรียบง่าย ไม่เรื่องมาก ไม่เรื่องเยอะ เลือกเยอะ ค่อนข้างตามใจ เขาจะให้เราเลือกได้อย่างอิสระ และยังมองถึงเรื่องอนาคต ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกวัน จะมีการวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ รวมถึงแผนอนาคตการใช้ชีวิตครอบครัวด้วย อีกอย่างคือใจเย็น มีความอดทนสูง” “ชีวิตที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมามากมาย ทำให้เขาเข้าใจชีวิต และอดทนต่อความยากลำบากที่เจอ และเคารพสิทธิ และไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว เคารพสิทธิและมีสเปซให้เรา ได้อยู่กับเพื่อน ได้เที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่น ไม่บีบบังคับ และไม่ตามติดแจ เอาการ เอางาน แล้วก็ เอา...ใจเก่ง เป็นคนมีความรับผิดชอบ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ถ้าหนูลองมองลองสังเกตก็จะเห็นว่าธามเขาเป็นแบบนั้น” “ทำไมหนูคิดว่าคุ้นๆจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ ใช่แล้วเพื่อนที่โรงเรียนพูดกันหนังใหม่ที่ใหม่ ดาวิกาเล่น แหม่คุณแม่ขาลอกมาซะแปดข้อเลย” พิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนจะหัวเราะคิกคิกอย่างขำขัน “มีอีกข้อค่ะ มีเงินพร้อมเปย์555” “ยัยหนู แม่พูดเนี่ยถึงจะอิงจากหนังแต่ก็เป็นความจริง เอาเถอะจะขำก็ขำไปแต่อยู่กันไปนานๆหนูจะรู้เองว่าที่พูดเนี่ยจริงและธามเองก็เป็นแบบนั้น ระวังจะตกหลุมรักรุ่นใหญ่เข้าให้นะลูกสาว” คนเป็นแม่พูด พิมพ์ลภัสย่นจมูกอย่างน่ารักให้ก่อนจะตอบ “หนูไม่ตกหลุมรักง่ายๆหรอกคนแบบนั้นนะ” “จ๊ะลูกสาว แล้วอย่ากลืนน้ำลายตัวเองซะล่ะ ไม่ใช่เห็นพี่เขาใส่เครื่องแบบหน่อยก็ใจละลายนะ” ลัลลดาเอ่ยบอกก่อนจะหัวเราะอย่างเอ็นดูกับใบหน้าแดงๆของลูก “จำไว้นะพริกหวาน ถ้าวันนั้นพี่เขาไม่ผ่านมาเห็นเราสองคนคงได้ตายไปในกองไฟแล้ว ถ้าไม่ใช่ความกล้าหาญของพี่เขาแม่กับหนูคงไม่ได้อยู่มาถึงวันนี้ อย่าดื้อกับพี่เขาให้มาก อะไรที่ช่วยพี่เขาได้ก็ช่วยนะลูก แม่หวังว่าชีวิตคู่ของหนูจะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า” คนเป็นแม่เอ่ยบอกทิ้งท้ายอย่างจริงจังในตอนที่จะเดินออกจากห้องไป บ่ายวันนั้น “ตัวก็แค่เนี่ยกินอะไรเยอะแยะ” ธนกฤตเอ่ยถามขณะนั่งมองภรรยาสาวนั่งทานไอศครีมมาเกือบสามถ้วย หลังจากที่คุยกับผู้ใหญ่เมื่อเช้าในช่วงบ่ายธนกฤตก็ถูกหลานๆที่ยังไม่กลับรบเร้าให้พามาเลี้ยงไอศครีมชายหนุ่มจึงชวนพิมพ์ลภัสออกมาด้วย “น้าธามไม่น่ารักเลย น้าพริกหวานกินนิดเดียวเอง” ธารารินหรือน้องรินลูกของธิชาพรเอ่ยต่อว่า ธารารินอายุน้อยกว่าพิมพ์ลภัสเพียงหนึ่งปีเท่านั้นแต่ทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน “น้องรินแค่พี่ก็พอมั้ง น้ามันแก่ไปอะ” คนที่นั่งตักไอศครีมเข้าปากถึงกับชะงักแล้วหันมาบอก “ก็เรียกน้ามันถูกแล้ว ก็น้าพริกหวานเป็นน้าสะใภ้ของพวกเรา” ธิวานนท์หรือนนท์ลูกชายของธัญญาดาเอ่ยบอกเด็กหนุ่มวัย18ปียักคิ้วใส่คนอายุน้อยกว่าแต่เป็นน้าอย่างยียวน “พี่นนท์ก็อีกคน น้องน้ำเห็นต่างจากสองคนนี้ใช่มั้ยจ๊ะ” พิมพ์ลภัสที่เริ่มไม่มีพวกหันไปหาเด็กหญิงวัย12ที่นั่งตักไอศครีมไม่สนใจใครอยู่ข้างๆมีเด็กชายวัย13นั่งไม่สนใจใครเช่นกัน ธาริณีน้องสาวของธิวานนท์และธนรัชน้องชายของธารารินหันขึ้นมามองก่อนจะตอบพร้อมกัน “เห็นด้วยค่ะน้าพริกหวาน/เห็นด้วยครับน้าพริกหวาน” “พวกเด็กน้าไม่รู้จักสั่งสอน” เด็กสาวเอ่ยว่าแขวะไปถึงผู้ใหญ่คนเดียวในกลุ่มก่อนจะลงมือทานไอศครีมต่ออย่างแสนงอน “อ้าว มาลงที่ตรงนี้ซะได้เด็กน้อยเอ้ย” ธนกฤตพูดก่อนจะมองอีกฝายอย่างขำขันจนธิวานนท์เอ่ยแซว “มองขนาดเนี่ย ถ้าพริกหวานเป็นปากกัดคงท้องนะน้าธาม” “กินไปเลยไอ้ตัวดี เรื่องของผู้ใหญ่” ธนกฤตพูดก่อนจะทำตาดุใส่ ธิวานนท์หัวเราะก่อนจะเอ่ยหยอกอีกนิด “เรื่องของผู้ใหญ่ก็ได้ แต่ระวังโดนข้อหาพรากผู้เยาว์นะ555” ค่ำวันนั้น “ทำไมยังไม่นอนอีก สามทุ่มแล้วนะ” คนอายุมากกว่าเอ่ยถามหลังเห็นว่าดึกแล้วแต่เด็กสาวยังนั่งขีดๆเขียนๆอะไรอยู่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเห็นว่าเธอกำลังขีดบางอย่างอย่างตั้งใจไม่ได้ยินที่เขาถามสักนิด. “ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวขึ้นมาก่อนจะบรรจงจูบลงที่หลังมืออย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน ผมรักคุณ นี่เธอแต่งนิยายเหรอพิมพ์ลภัส” “อร๊ายยย อิตาลุงไม่มีมารยาทมาอ่านของคนอื่นเขา” เด็กสาวรีบปิดสมุดลงอย่างเขินอายนี่เป็นความลับของเธอเลยนะ “แต่งได้ดีนิอยากเป็นนักเขียนเหรอ” ธนกฤตเอ่ยถามก่อนจะหยิบสมุดนั้นขึ้นมาอ่านต่ออย่างสนใจ คนถูกชมว่าแต่งดีรู้สึกเขินขึ้นมา “เธอมีพรสวรรค์มากเลยนะพิมพ์ลภัสไม่ลองแต่งเสนอสำนักพิมพ์ดูล่ะ” ธนกฤตเสนอแนะแนวทาง เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถาม “มันจะดีเหรอ” “ดีสิลองดู ถ้าอยากเป็นนักเขียนก็ต้องเต็มที่กับมันลองให้ถึงที่สุด ก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะอาเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่อยากให้ลองดู” ธนกฤตพูด เธอจะรู้มั้ยว่าเขาไม่ชอบอ่านไอ้นิยงนิยายนี่เลยแต่พอได้อ่านของเธอแค่สั้นๆก็อยากอ่านต่อแล้ว “หนูจะทำได้เหรอ” เด็กสาวยังคงไม่แน่ใจ ธนกฤตมองก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ถ้าจะทำอะไรก็ต้องมั่นใจว่าทำได้ และทำให้ดีที่สุด ถ้าการแต่งนิยายไม่ได้กระทบกับการเรียนอาอยากให้ลองดูสักตั้งแต่ถ้ามีความฝันอย่างอื่นอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร” “หนูจะลองดู ขอบคุณนะลุง” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก ธนกฤตเอามือเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจนิดๆก่อนจะพูด “ ขอบคุณค่ะ พี่ธาม เวลาพูดกับผู้ใหญ่ควรมีหางเสียง ไหนพูดสิขอบคุณค่ะ จะเรียกน้าหรือลุงก็ไม่ว่าแต่ให้มีหางเสียง แล้วก็แทนตัวเองว่าพริกหวานด้วย” “แล้วถ้าไม่ล่ะ” คนอายุน้อยกว่าถามอย่างกวนประสาทนิดๆ “มันก็ต้องมีดัดนิสัยกันบ้าง อย่างฟาดก้น หรือลงโทษแบบทหารอะไรประมาณนั้น” คนอายุมากกว่าเอ่ยพร้อมทั้งเดินไปหยิบไม้บรรทัดเหล็กขนาด100เซนติเมตรขึ้นมา “พ่อกับแม่เธออนุญาตแล้ว ระวังจะโดนนะ” “ขะ ขอบคุณค่ะพี่ธาม หนูพริกจะไม่ดื้อแล้วค่ะ” คนมีอดีตกับไม้บรรทัดเอ่ยบอก ตอนขึ้นมัธยมต้นเธอและเพื่อนเคยถูกตีด้วยไม้บรรทัดจนก้นระบบด้วยฝีมือคุณครูที่โหดที่สุดของโรงเรียนจนจำฝังใจกับไม้บรรทัด “ดีมาก ไปนอนได้แล้วไปพรุ่งนี้ต้องไปที่เขตอีก” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะแอบลอบยิ้ม สงสัยเขาต้องเตรียมไม้บรรทัดไว้รับมือเด็กแสบซะเเล้ว เช้าวันต่อมา ธนกฤตมองเด็กสาวที่เขาพามาทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่พร้อมทั้งทำเรื่องย้ายออกจากบ้านเลขที่ของเพชรดนัยเข้าไปบ้านเขาอย่างขบขัน เด็กสาวนั่งมองบัตรประจำตัวประชาชนอันใหม่อย่างไม่คุ้นชิน “เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วเด็กน้อย ดีเท่าไหรแล้วที่เดี๋ยวนี้แต่งงานแล้วยังสามารถใช้คำนำหน้าว่านางสาวได้นะ ลงไปกินข้าวกันเดี๋ยวพี่จะพาไปส่งจะได้กลับไปเคลียร์งาน พรุ่งนี้ต้องออกลาดตะเวน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะลงจากรถ พิมพ์ลภัสถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกเดินตามไป พิมพ์ลภัสสั่งอาหารสองสามอย่างในขณะที่ธนกฤตนั่งเงียบไม่มีข้อโต้แย้งอะไร ขณะที่สั่งเสร็จเด็กสาวมองเห็นว่าพนักงานสาวนั้นไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย'เจ้าหล่อนมัวแต่หันมองธนกฤตด้วยสายตาหวาน ' “พี่คะ จะมองสามีหนูอีกนานมั้ยคะ เสียมารยาท” พิมพ์ลภัสเอ่ยขึ้น เธอเป็นประเภทหวงของ อะไรเป็นของเธอใครมายุ่งไม่ได้ อีตาลุงนี่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นของของเธอนะ ไม่ได้หึงอะไรทั้งนั้น “เอ่อ ขอโทษค่ะคุณลูกค้า” พนักงานสาวเอ่ยก่อนจะเดินออกไป พิมพ์ลภัสมองตามก่อนจะหันมามองชายหนุ่ม “อันนี้ก็มีเสน่ห์จัง ชอบให้สาวๆแทะโลมรึไงนะ” เด็กสาวเอ่ยบ่นก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดูด “ไม่ได้ชอบให้ใครแทะโลมซะหน่อย ถ้าชอบจริงพี่คงแก้ผ้าโชว์มังกรตอนนอนไปแล้ว” พรุด!!! ทันทีที่ธนกฤตเอ่ยถึงมังกรเด็กสาวถึงกับพ้นน้ำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะคิดไปถึงไอ้มังกรของเขาแล้วพาลหน้าแดงขึ้นมา “เด็กหนอเด็กทั้งขี้เวอร์ขี้มโน” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มออกมา พิมพ์ลภัสแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะหันไปมองอย่างอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย 'ไม่รู้ว่าเธอเขินเรื่องที่ถูกว่าขี้เว่อขี้มโนถึงเจ้ามังกรหรือเพราะไอ้รอยยิ้มกระชากใจสาวของเขาก็ไม่รู้สินะ ' ตลอดระยะเวลาร่วมโต๊ะอาหารแม้คนอายุมากกว่าจะไม่ค่อยพูดแต่เขาก็เอาอกเอาใจตักนั่นตักนี่ให้คอยดูแลไม่ยอมห่างทำให้พิมพ์ลภัสนึกไปถึงสิ่งที่มารดาบอกจากที่ได้อยู่ใกล้ๆเขาทำให้เธอได้รับรู้ว่าธนกฤตมีดีแบบที่ลัลลดาพูดหลายข้อ 'ทั้งเอาอกเอาใจ ทั้งให้คำปรึกษาได้ ทั้งใจเย็นดูสุขุม โอ๊ย หนูพริกจะทนได้แค่ไหนกันนนน ' “ถ้าเรื่องเรียบร้อยก็โทรมานะ พี่จะได้มารับ อะนี่เบอร์พี่” ธนกฤตบอกหลังจากพาเด็กสาวมาส่งที่บ้านที่จริงเขาจะกลับในช่วงเย็นแต่เพลิงตะวันโทรศัพท์มาตามบอกว่ามีภารกิจด้วยทำให้ชายหนุ่มต้องรีบกลับ “ไปนะแม่พริกขี้หนู” ผู้การหนุ่มบอกก่อนจะขับรถออกไปคนยืนมองยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะเดินเข้าบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม