ความยุ่งยากเดินทางมาหา

2083 คำ
ความยุ่งยากเดินทางมาหา บ้านพักของธนกฤต สัตหีบ ชลบุรี เพราะทราบจากมารดาว่าจะมาเยี่ยมเขาจึงรีบกลับมาโดยไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนรักหรือใครๆเลยแม้จะอยากไปดูอาการของพิมพ์ลภัสที่เขาห่วงแสนห่วงอย่างไม่รู้ตัวแต่ก็ต้องตัดใจกลับบ้านพักมารอรับคนที่อยู่ๆก็มาหากะทันหัน “บ้านนี้ดูเหงาๆนะว่ามั้ย” เสียงชายชราวัย63เอ่ยขึ้นกับภรรยาขณะนั่งมองบรรยากาศในบ้านของบุตรชาย ธนากร อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม(Navy ZEAL) ฝีมือดีผู้เป็นที่รู้จักและนับถือในวงการนักรบซีลมองบรรยากาศแล้วไม่สุขใจนัก หลังจากเกษียณอายุราชการเขากับกานต์ธิดาภรรยาก็ไปปักหลักอยู่ใกล้ๆครอบครัวสามีลูกสาวคนโตที่จังหวัดเชียงรายนานๆครั้งจะมาที่สัตหีบเพื่อเยี่ยมเยียนลูกชายคนเล็กอย่างธนกฤตที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งกี่คราพ่อเจ้าประคุณก็ยังอยู่คนเดียว อยู่คนเดียว และอยู่คนเดียว ไม่เหงาบ้างรึไงนะลูกชายเขา “เจ้าเพลิงก็ลูกสามแล้ว ส่วนเจ้าพีลูกก็จะโตเป็นสาวแล้ว แล้วเมื่อไหร่ผู้การธามคนเก่งจะได้ฤกษ์งามยามดีเดินลงมาจากคานบ้างล่ะไอ้ลูกชาย” ธนากรเอ่ยขึ้นอย่างกระแนะกระแหนติดจะประชดคนเป็นลูก 'นี่เขาจะได้อุ้มหลานปู่รึเปล่าชาตินี้' คนเป็นลูกนั่งฟังบ้างไม่ฟังบ้างพร้อมกับเงียบตามนิสัย ทุกครั้งที่ผู้เป็นพ่อมาหาก็จะพูดเรื่องเดิมๆ เมื่อไหรจะแต่งงาน เมื่อไหรจะหาลูกสะใภ้ให้ซะที เขาล่ะอยากบอกเหลือเกินว่า คงไม่มีวันนั้น เพราะไอ้คนที่เขาเริ่มชอบแบบที่ไม่เคยเป็นนั้นนะยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ แถมยังอยู่ในฐานะที่แตะต้องไม่ได้ด้วย เขาไม่คิดเลยว่าการเจอกันไม่กี่ครั้งจะทำให้เขาจดจำเธอได้ขนาดนี้ รอยยิ้มเสียงหัวเราะวีรกรรมแสบของเธอตราตรึงในหัวอยู่ตลอดเวลา ใช่แล้วเขาเริ่มจะชอบแม่พริกขี้หนูจอมแสบเข้าให้แล้ว “ถ้าแกยังหาเมียไม่ได้ ป๋าจะหาให้แล้วนะเจ้าธาม” คนเป็นพ่อเอ่ยออกมาธนกฤตยังคงเงียบก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดื่มอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าเป็นหนูพลอยก็ดีนะ ฝ่ายนั้นก็ยังไม่แต่งงาน ป๋าคุยกับพ่อหนูพลอยเขาแล้ว” คนเป็นพ่อเอ่ยบอก จริงๆแล้วเขากับเพื่อนรักซึ่งเป็นพ่อของพรปวีร์ได้พูดคุยกับเรียบร้อยแล้ว เพราะเห็นว่าทั้งคู่ก็อายุเลย30มานานมากแล้วยังไม่มีคู่ครองจึงคิดจะให้ทั้งสองแต่งงานกันซะเลย ด้านคนเป็นลูกถึงกับสำลักกาแฟออกมา “แค่กๆ จะบ้าเหรอป๋า ผมกับพลอยเป็นเพื่อนกันนะ” ธนกฤตเอ่ยบอก 'ป๋าคิดอะไรถึงจะให้เขาแต่งงานกับพรปวีร์ อีกอย่างเชาชอบยัยนั่นที่ไหนเล่า ' “เป็นเพื่อนสิดี จะได้เป็นเพื่อนคู่คิด อยู่ดูแลกันไปแกกับหนูพลอยก็37แล้วไม่มีใครทั้งคู่แต่งๆกันไปเถอะมีลูกสักคนยังทัน” ธนากรเอ่ยบอกเขากับพ่อของพรปวีร์หมายมั่นจะเป็นทองแผ่นเดียวกันตั้งแต่ยังหนุ่มตอนนี้คงจะสมใจ “ไม่!” คำเดียวสั้นๆจากปากของคนเป็นลูกทำให้ธนากรและกานต์ธิดาหันมามองอย่างขัดใจ “ธาม แม่ขอล่ะ แต่งงานเถอะแม่อยากอุ้มหลาน” กานต์ธิดาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงขอร้อง “ไม่ครับ ลูกพี่ธิชา กับพี่ธัญญ่าก็มีนิครับ” ธนกฤตเอ่ยบอกไม่มองหน้าอีกฝ่าย “ต้องแต่ง ไม่แต่งเราสองคนตัดพ่อตัดลูกกันแน่” ธนากรบอกก่อนที่จะนั่งหันหลังให้บุตรชาย ธนกฤตได้แต่เงียบอย่างคิดอะไรไม่ออก เขาเชื่อว่าพรปวีร์เองก็คงไม่ต่างกันแล้วอีกคนล่ะ 'ยัยเด็กนั้นจะรู้สึกอะไรมั้ยน๊า ' กรุงเทพมหานคร บ้านของเพชรดนัย ใบหูบางที่แนบติดกับประตูตั้งใจฟังอย่างจริงจังเมื่อผู้เป็นปู่เรียกอาสาวเข้าไปพบพร้อมกับพ่อแม่และลุงๆอาๆแต่ห้ามเธอเข้าไป พิมพ์ลภัสตั้งใจฟังอย่างนึกสงสัย “คุณพ่อว่ายังไงนะคะ พลอยกับธามงั้นเหรอไม่มีทาง” เสียงพรปวีร์เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจทำให้คนแอบฟังยิ่งอยากรู้หนัก โดยเฉพาะมีชื่อของบุคคลที่เธอยกให้เป็นทั้งศัตรูหมายเลข1 ผู้มีพระคุณ และจำใจยกให้เป็นพ่อทูนหัวอย่างธนกฤต “มีทางสิพลอย ลูกน่ะ37แล้วนะควรออกเรือนได้แล้ว เดี๋ยวจะมีลูกยากพ่อยังอยากอุ้มหลานจากลูกอยู่ “ พัทธิพงษ์ ผู้เป็นปู่ของพิมพ์ลภัสเอ่ยบอกบุตรสาว “ไม่ค่ะ พลอยกับธามเราไม่ได้รักกัน คนไม่รักกันแต่งงานกันไปก็ต้องหย่าร้าง” พรปวีร์เอ่ยค้าน กับธนกฤตเนี่ยนะ เหอะ แต่งงานกันไปไม่เกินสามวันไม่ใครก็ใครสักคนละทนไม่ไหวต้องรีบขอเลิก “แต่งๆไปเถอะพอได้เป็นเพื่อนคู่คิด ห้ามปฏิเสธงานแต่งจะจัดขึ้นเดือนหน้า ตอนนี้พ่อกับลุงธิวเตรียมงานไปได้80%แล้ว เหลือแค่ชุด การ์ด แล้วก็เจ้าบ่าวเจ้าสาว” พัทธิพงษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะเดินมาที่ประตู คนหูไวที่แอบฟังอย่างตั้งใจรีบวิ่งไปหลบอย่างว่องไวจนคนเปิดประตูออกมาไม่รู้ว่ามีตัวแสบแอบฟังอยู่ 'อาพลายจะแต่งงานกับอีตาลุงงั้นเหรอทำไมรู้สึกเจ็บที่ใจนะ' เด็กสาวได้แต่คิดก่อนที่จะสะบัดหน้าแรงๆแล้วเดินกลับห้องตัวเองไปด้วยหัวใจหวิวๆอย่างไม่รู้ตัว 'เธอคงหวงอาพลอยมากไปเลยรู้สึกแบบนี้ ' เที่ยงวันต่อมา ธนกฤตนั่งรอพรปวีร์ด้วยสมองที่ขบคิดหาวิธีไม่ต้องแต่งงานกับเพื่อนสาว หลังจากที่นอนกลุ้ม นั่งกลุ้มอยู่เกือบหกชั่วโมง เขาจึงโทรศัพท์นัดเพื่อนสาวให้ออกมาเจอที่ร้านอาหารและเครื่องดื่มข้างๆโรงเรียนที่หญิงสาวทำงานอยู่ในเที่ยงวันนี้ “รอนานมั้ย สั่งอะไรรึยัง” คนมาใหม่เอ่ยทักก่อนที่จะนั่งลง ธนกฤตไม่ตอบแต่กลับถามอีกฝ่ายแทน “เธอรู้เรื่องแต่งงานแล้วใช่มั้ย เธอคิดออกมั้ยว่าเราควรทำยังไง” “เข้าประเด็นเลยเหรอ ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พูดซะกินไม่ลงเลย” ครู่สาวเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปเรียกพนักงานมาเพื่อสั่งอาหารก่อนที่จะหันมาทำหน้าจริงจังใส่เพื่อนหนุ่ม “ฉันไม่มีทางแต่งกับนายแน่ แต่ตอนนี้ยังคิดแผนไม่ออก” “ตอนนี้ฉันคิดออกแล้ว แต่เธอจะยอมรึเปล่านั่นเรื่องของเธอ” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “มันก็เป็นแผนง่ายๆธรรมดาๆแล้วก็โคตรปัญญาอ่อนอ่ะนะ” “อย่าอมพะนำ รีบสาธยายมา” คนฟังบอก “ต้องมีคนใดคนหนึ่งหนีงานแต่งครั้งนี้และต้องหายไปตอนที่ฉุกละหุกที่สุดถึงจะไม่มีเวลาหาเจอนัานคือช่วงเช้ามืดหรือคืนก่อนวันงาน เมื่อขาดใครไปสักคนงานก็เริ่มไม่ได้ต้องยกเลิกไป” ธนกฤตบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ คิดหาทางไหนไม่ออกก็หนีงานแต่งนี่ล่ะ มุกจากนิยายน้ำเน่าที่พี่สาวเขาชอบอ่านให้ฟังตอนเด็กๆ “จริงด้วย แล้วใครจะเป็นคนหายไป งั้นนายไปเถอะฉันอยู่เอง” พรปวีร์เอ่ยบอก วิธีนี้ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว “ไม่ได้ถ้าฉันหนีไป เธอจะถูกมองเป็นหม้ายขันหมากมันดูไม่ดี เธอไปเถอะลางานสักสองอาทิตย์แล้วค่อยกลับมา ถึงตอนนั้นป๋ากับพ่อเธอคงเลิกล้มความคิดไปแล้ว” ธนกฤตพูด เขาเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ยอมให้พรปวีร์เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือถูกมองเป็นหม้ายขันหมาก เพราะผู้ชายและผู้หญิงจะถูกมองแตกต่างกันเสมอ ผู้ชายถูกทิ้งอาจดูไม่เป็นไร แต่หากผู้หญิงสังคมอาจมองเธอไม่ดี “แน่ใจนะธาม แขกผู้ใหญ่ในสี่เหล่าทัพมากันไม่น้อยเลยนะ นายเองก็มีชื่อเสียงในแวดวงนี้พอตัว” พรปวีร์ถามอย่างไม่แน่ใจ ชายหนุ่มไม่พูดแต่พยักหน้าแทนคำตอบเป็นอันว่าทั้งสองตกลงกันเรียบร้อย หลังจากตกลงกันเรียบร้อยพรปวีร์ก็กลับไปประชุมต่อส่วนธนกฤตยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพราะได้ยินจากพรปวีร์ว่าเพราะมีการประชุมคณะครูในช่วงบ่ายนักเรียนจึงเรียนแค่ครึ่งวันเช้าและกลับบ้านในช่วงเที่ยงๆ 'จะกลับรึยังนะยัยพริกขี้หนู หรือยังไม่หายดีเลยหยุดเรียน ' “น้ำแตงโมปั่นแก้วนึงค่ะพี่วิ” เสียงใสๆที่เอ่ยสั่งเครื่องดื่มดังมาจากหลังทำให้ธนกฤตหันกลับไปมองอย่างไม่ต้องคิด 'เขาจำได้เสียงยัยพริกขี้หนูแน่นอน ' “หายดีแล้วเหรอ” ธนกฤตส่งเสียงขึ้นโชคดีที่โต๊ะเขาอยู่ใกล้เคาท์เตอร์ทำให้ไม่ต้องตะโกนใส่ “วันนี้ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยนะแม่พริกขี้หนู” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะพิจารณาชุดนักเรียนของพิมพ์ลภัสด้วยสายตากระโปรงคลุมเข่าผมยาวถูกรวบมัดไว้ทำให้ดูเหมือนเด็กเรียบร้อยขึ้นจากครั้งแรกที่เจอ หรือที่ริมชายหาด ด้านคนถูกบอกว่าเรียบร้อยขึ้นกลับกำลังนึกถึงบางอย่างที่ยังวนเวียนเหมือนภาพหลอนอยู่ในหัว อร๊ายออกไปจากหัวฉันเสียที “เพี้ยนรึเปล่าแม่หนู ยืนหน้าแดงสะบัดหัวอยู่ได้ ระวังคอจะหัก” ธนกฤตเอ่ยบอกอย่างหยอกล้อ เขามองคนเก่งพอตัว ทำไมจะมองไม่ออกว่าแม่หนูนี่คิดอะไรอยู่ ก็แน่ล่ะบางอย่างมันติดตานิ “ยุ่งอะไรด้วยเล่า” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยอย่างไม่พอใจ 'นี่คงมาหาอาพลอยสินะ ฮึย ' “ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกแต่มันอดใจไม่ไหว” คนสูงวัยกว่าเอ่ยบอกก่อนที่จะเรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้วเดินออกไปทิ้งให้เด็กสาวได้แต่งุนงง 'เขาแค่อยากเห็นหน้าเท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดมาหาเรื่องเธอสักนิด กลัวใจตัวเองจะบ้าไปมากกว่านี้ ' “เหอะ ประสาทกลับรึไงลุง พูดแล้วก็ไป ไม่เข้าใจเลย แถมยังไม่เปิดโอกาสให้ขอบคุณอีก ชิ วัยรุ่นเซ็ง” เด็กสาวได้แต่บ่นคนเดียวอย่างไม่เข้าใจแถมยังไม่ได้เอ่ยขอบคุณเรื่องคราวก่อนแต่ก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ 1เดือนต่อมา 04.00 น. และแล้ววันแต่งงานของธนกฤตและพรปวีร์ก็มาถึงแต่สิ่งที่ธนากรและพัทธิพงษ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อช่างแต่งหน้ามาบอกว่าไม่เจอพรปวีร์อยู่ในห้อง “เจ้าสาวหาย หายไปไหน” ธนากรเอ่ยออกมาก่อนจะทำหน้าเครียด พัทธิพงษ์ก็ไม่ต่างกัน ผิดกับธนกฤตที่ยังนั่งนิ่งและแน่นอนว่าไม่มีใครสนใจท่าทีของเขาแน่นอนเพราะชายหนุ่มเป็นแบบนี้มานานแล้ว “เอาไงดีล่ะทีนี้” พัทธิพงษ์เอ่ยขึ้น ความเครียดลอยมาปะทะเข้าเต็มสมอง “ไม่มีเจ้าสาวก็ยกเลิกงานสิครับป๋า” ธนกฤตเอ่ยอย่างเย็นชาก่อนที่จะลอบยิ้มแต่แล้วต้องทำหน้าเครียดขึ้นเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น “ไม่ ยังไงงานนี้ก็ต้องเกิดขึ้น” ธนากรเอ่ยอย่างเริ่มสงสัยกับอาการเงียบของลูกชายตัวดีแล้วสิ “ถ้าไม่มีหนูพลอย ก็ต้องหาคนอื่นมาแต่งแทน ยังไงงานแต่งนี้ก็ต้องเกิดขึ้นและเจ้าสาวต้องเป็นลูกหลานของพัทธิ์เท่านั้น” ธนากรเอ่ยอีกครั้งคราวนี้แหละเขาจะดัดหลังไอ้ลูกชายตัวดีที่อุตส่าห์วางแผนกับเจ้าสาว 'คิดว่าป๋ารู้ไม่ทันเหรอไอ้ธามตัวแสบ ร้ายเงียบอย่างแกน่ะป๋าเคยเป็นคอยดูเถอะป๋าจะหาเมียให้ เอาแบบแสบๆชนิดที่แกต้องกุมขมับไปเลย’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม