Ep.5 ลีลาสายเปย์

1370 คำ
​ ผู้ชายขายน้ำ 20+ Ep 5. ลีลาสายเปย์ PART : ลีลา "ทำไมไม่รู้สึกเจ็บ?" ฉันพึมพำเบาๆเพราะไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิดไว้ "ก็ลืมตาขึ้นมาดูสิจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร" "!" น้ำเสียงยียวนที่สุดแสนจะคุ้นหูทำให้ฉันรีบลืมตาขึ้นมองทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ ใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้าฉัน ดวงตาคมเข้มกับริมฝีปากบางเฉียบแสนร้ายกาจที่กำลังกดยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยนั่นฉันจดจำมันได้ขึ้นใจเลยทีเดียว เขาคนนี้...คืออีเด็กบ้าที่ลวมลามฉันเมื่อคืนไง...จะใครเล่า! "ความซุ่มซ่ามนี่คงจะติดเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายสินะ?" ในขณะที่ฉันยังมึน งง และสงสัยอยู่ในอ้อมแขนของเขา เสียงทุ้มกวนๆก็ดังขึ้นมาอีก ทำให้ฉันได้สติและกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เสียงแหลมๆของน้าเอมอรก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน "ตายแล้วหนูลี! ทำไมถึงได้ปล่อยให้ผู้ชายปล้ำกอดแบบนั้นล่ะจ๊ะ!?" น้ำเสียงเหมือนจะห่วงใย แต่จริงๆแล้วฉันรู้ว่านางจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้คนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นพากันหันมามองต่างหาก "ก็แล้วทำไมลีจะให้เขากอดไม่ได้ล่ะ?" ฉันสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของคนที่โอบกอดฉันอยู่ ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยฉันแต่โดยดี ฉันมองหน้าน้าเอมอรนิ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจพร้อมกับความคิดในหัว ถึงมันจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าแต่เพื่อความสะใจฉันจะทำ "ขอแนะนำให้รู้จักนะคะน้าเอม นี่...แฟนของลีเองค่ะ เรากำลังจะเเต่งงานกันเร็วๆนี้" พูดจบฉันก็ยื่นมือไปคล้องแขนอีเด็กบ้านี่ทันทีอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ใบหน้าของเขาเหวอเล็กน้อย แต่ไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ฉันพูดโกหกออกไป "ไม่จริง!เธอโกหกลีลา ฉันให้คนสืบมาหมดแล้วเธอยังไม่มีแฟน!" น้าเอมอรขึ้นเสียงใส่ฉันอย่างเกรี้ยวกราด คงเป็นเพราะอะไรๆที่นางคิดและหวังไว้กำลังจะพังทลายลงก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ... นี่ถึงขนาดให้คนตามติดชีวิตฉันเลยเหรอเนี่ย? น่ากลัวจริงๆยัยนี่... "ไม่ได้โกหก" ฉันเถียง พูดจบฉันก็กระตุกผ้าพันคอออกเผยให้เห็นรอยแดงทั่วทั้งลำคอ ยิ่งเห็นสายตาตกตะลึงของนางฉันก็ยิ่งสะใจ "นี่ไงหลักฐาน" น้าเอมอรนางมองฉันอย่างกับจะกินหัว แต่ฉันไม่คิดจะสนใจ "หมดเรื่องแล้วขอตัวนะ...ไปค่ะที่รัก" ประโยคหลังฉันหันไปพูดกับอีเด็กบ้านั่นพร้อมกับลากแขนเขาเดินลงบันไดเลื่อนไป จนกระทั้งถึงที่จอดรถฉันก็ปล่อยแขนเขาลง และไม่ลืมหันไปขอบใจเขาแค่พอเป็นพิธี "ขอบใจที่ไม่โวยวายออกมานะ" ฉันบอก เพราะถ้าเขาทำแบบนั้นฉันจะขายหน้ามากๆ และยัยน้าเอมอรก็คงจะไม่ยอมจบง่ายๆแน่ และเมื่อพูดจบฉันก็หันหลังกลับและไขกุญเเจรถเตรียมจะเข้าไปในรถ ปึ่ก! "!" กำลังเปิดประตูรถแต่ยังไม่ทันได้เปิดมือขาวสะอาดก็ยื่นมาดันประตูรถไว้ไม่ยอมให้ฉันเปิดมัน และที่ทำให้ฉันใจสั่นก็ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ข้างหูนี่แหล่ะ... งื้ออออ...ขอละลายได้ไหม ในฐานะคนอ่อนไหวก็ได้ "แค่ขอบใจ...ง่ายไปไหมเจ๊..." "อ๊ะ! นี่..." ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่ออีเด็กบ้านี่มันงับใบหูของฉันเบาๆ ก่อนจะรีบหันไปถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง "ทำบ้าอะไรของนายยะ นี่มันกลางวันแสกๆในที่สาธารณะนะ!?" "พูดแบบนี้นี่หมายความว่าถ้าเป็นในห้องหับที่มิดชิดกว่านี้เจ๊ก็จะยอมให้ทำอะไรๆได้ล่ะสิ?" ฉันถึงกับอ้าปากค้างกับคำถามสองแง่สองง่ามของเขา หัวสมองของอีเด็กบ้านี่วันๆจะไม่คิดอะไรเลยนอกจากเรื่องสิบแปดบวกรึไงนะ "ที่ไหนก็ไม่ได้ย่ะ ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ฉันจะรีบไป" "นี่!อีเจ๊...อยู่ๆมึงก็ลากกูมาทั้งๆที่กูมีนัดจนลูกค้าส่งข้อความมายกเลิกนัดแล้วเนี่ย ทำคนอื่นเขาเสียเวลาแล้วไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยรึไง?" ฉันถึงกับอ้าปากค้างกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกแทนตัวเอง มึง-กูเลยเหรอ? นี่ฉันสนิทสนมกับนายนี่มากพอที่เขาจะเรียกจิกขนาดนี้เลย! ช่างดิบและเถื่อนดีจริงๆ "เวอร์ไปป่ะ...เวลาแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีมันจะไปเสียเวลาอะไรขนาดนั้น?" ฉันเถียงกลับ ฉันก็ยังเป็นฉันอยู่ดี คนอย่างลีลาไม่เคยจนมุมให้ใครรู้ไว้ซะด้วย "เวลามันจะแค่ไหนก็เถอะ แต่กับคนหาเช้ากินค่ำมันก็เป็นเงินทองเหมือนกัน หรือสูงส่งซะจนเคยตัวเลยมองไม่เห็นคนชนชั้นต่ำ" โอ้ววว! รู้สึกเจ็บแสบผิวหนังกำพร้าเล็กน้อยกับคำด่าแบบผู้ดีนั่น! หนอยย..อีเด็กปากจัด! พลั่ก! ฉันผลักเขาออกห่างสุดแรง(ของฉัน)แต่อีตานี่กลับเซถอยหลังไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้น! คนหรือหมีทำไมมันทนนัก!? "ด๊ายยย!อยากได้ค่าเสียเวลาใช่ไหม? ได้เล็ยย! เท่าไหร่ล่ะค่าเสียเวลาของนายน่ะ!?" ฉันถามอย่างหัวร้อนพร้อมกับควักกระเป๋าตังค์ออกมาก่อนจะดึงแบงค์พันออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นให้เขา "......." อีเด็กบ้านี่มันยืนเงียบจ้องหน้าฉันนิ่ง...หรือพันนึงมันจะน้อยไปวะ? คงใช่...ก็เขาเป็นโฮสต์นี่เนอะ ทำงานคิดเป็นชั่วโมง แค่นี้มันคงจะน้อยไปสำหรับเขา หึ! ขี้งก! หยวนหน่อยก็ไม่ได้...(มีความค่อนขอดในใจ) "เอ้าสองพันเลยก็ได้" ฉันพูดขึ้นมาอีกพร้อมกับดึงแบงค์พันออกมาอีกหนึ่งใบ เป็นสองพันละนะ(อีลีเริ่มเหงื่อซึมตามรูขุมขน) "....." แต่อีเด็กบ้านี่มันก็ยังคงเงียบเฉยอยู่เหมือนเดิมเว้ย! ว้อยย! จะเอายังไงวะ!? สองพันมันยังน้อยไปอีกเรอะ!? เอาก็เอาวะมาขนาดนี้แล้วนี่...แล้วก็ดึงแบงค์พันมาเพิ่มอีกใบ(ปาดเหงื่อบนใบหน้าแพร็บ) "เอ้า! สามพันแล้วนะ ทั้งกระเป๋ามีอยู่แค่นี้แหล่ะ ถ้าจะเอามากกว่านี้ก็คงต้องรอฉันไปกดเงินมาก่อน หรือจะให้โอนเข้าบัญชีก็ได้นะถ้าสะดวกแบบนั้น" "หึๆ...." เหยสสสส! คราวนี้มีเสียงตอบรับเป็นเสียงหัวเราะ แต่อีเด็กนี่มันจะหัวเราะอะไร มีอะไรน่าขำตรงไหนกัน? "เปลี่ยนใจละ...ไหนๆกูก็เสียลูกค้าไปแล้ว มาโวยวายเอากับมึงก็คงไม่มีประโยชน์ งั้นก็เปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวสักมื้อแทนก็แล้วกัน" "หาา!" อีลีถึงกับเหวออ้าปากค้าง สตั๊นไปสามวิ! สรุป! ให้กูพร่ำพูดคนเดียวเป็นนานสองนาน ควักตังค์ออกมาจากกระเป๋าเป็นว่าเล่น สุดท้ายไม่เอาซะงั้น! "ว่าไงเจ๊...ทำไมคิดนานจังวะ?" อีเด็กนี่ส่งเสียงเร่งอีก ทำให้ฉันต้องรีบพยักหน้าตกลง จากการคำนวนส่วนได้ส่วนเสียในใจแบบคร่าวๆ แค่เลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อมันไม่มีทางถึงสามพันที่ฉันจะให้เขาแน่นอน "ก็ได้...แล้วอยากกินอะไรล่ะ?" ฉันถาม "แล้วเเต่เจ๊สิ เจ๊เป็นคนเลี้ยงนี่" อื้อหืมมม...พูดแบบนี้เข้าทางอีลีเลย... "แน่ใจว่าแล้วแต่คนเลี้ยง ถามแล้วนะ?" ฉันถามอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจเลือกร้านเอง "บอกว่าแล้วแต่ก็แล้วแต่ดิ่ จะถามเยอะเพื่อ?" นั่นแหล่ะฉันถึงได้หยุดพูดก่อนจะบอกให้เขาขึ้นรถและขับออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที PART : ลีลา **************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม