“คุณหนู ฮูหยินให้มาเชิญคุณหนูออกไปที่ห้องโถงแล้วเจ้าค่ะ คนจากวังหลวงมาถึงแล้ว องค์ชายรองกับพระขายาลี่หม่านก็มาถึงพร้อมกันหมดแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้ม่านอวี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่ากู้ลี่ถิงลุกขึ้นเดินไปมาอยู่ในห้องได้ นั่นหมายความว่านางจะสามารถออกไปพบกับทุกคนได้ตามปกติ
ฮ่องเต้ส่งขันทีจากวังหลวงมาติดตามสถานการณ์ยังสกุลกู้ด้วยพระองค์เอง เพราะการแต่งงานที่ไม่สมบูรณ์ในครั้งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องสะสางอยู่อีกไม่น้อย แม้แต่เจ้าหน้าที่ว่าความจากสำนักตุลาการใหญ่ก็ยังต้องเข้ามาร่วมฟังข้อเรียกร้องจากเสนาบดีกู้ที่กลายเป็นผู้เสียหายฝ่ายเจ้าสาวด้วยเช่นกัน
หากกู้ลี่ถิงไม่สามารถออกไปพบผู้คนเพื่อคลี่คลายปัญหาให้จบ ผู้ที่จะถูกตำหนิย่อมเป็นบ่าวรับใช้ตัวเล็กๆ อย่างนางกับม่านลู่ที่ไม่ระมัดระวัง ปล่อยให้คุณหนูกินยานอนหลับมากเกินไปจนเกือบจะเสียเรื่อง
“ม่านอวี้ ข้าไม่อยากถวายตัวไปเป็นสนมขององค์ชายรอง”
“โธ่..คุณหนูของบ่าว บ่าวรู้เจ้าค่ะ แต่ท่านไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว ยิ่งฝืนทุกอย่างก็ยิ่งดูเหมือนจะแย่ลง ทำใจดีๆ นะเจ้าคะ”
ม่านอวี้หันมาพยักหน้าให้กับม่านลู่ จัดการประคองหญิงสาวให้มานั่งหน้าคันฉ่อง ใช้ผ้าซับเหงื่อที่ผุดออกมาเต็มใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ หวีผมแต่งหน้าและจัดเครื่องประดับให้เข้าที่ใหม่อีกครั้ง
คุณหนูของนางต้องทุกข์ใจเพียงใดกัน ยามนี้มือทั้งสองข้างของคุณหนูยังสั่นไม่หยุด สองสาวใช้ได้แต่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารจับใจแต่ไม่อาจทำอะไรได้
ใช่! นางยิ่งพยายามก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะยิ่งแย่ลง หญิงสาวคิดตามในใจ
คราวแรกที่องค์ชายรองเป็นพ่อสื่อแนะนำให้นางรู้จักกับเย่เซิ่งเจียในงานเลี้ยงที่จวนองค์ชาย ใช้เวลาไม่ถึงชั่วยามองค์ชายรองก็เอ่ยปากจะจับคู่ให้นางและเขา นั่นทำให้นางถูกเข้าใจผิด ได้รับสายตาดูหมิ่นจากเย่เซิ่งเจียอย่างรุนแรง
บุตรสาวสกุลกู้หน้าตาธรรมดาไร้ชื่อเสียง กับเย่เซิ่งเจียบัณฑิตรูปงามเก่งกาจอย่างหาตัวจับได้ยากเป็นที่จับตาของสตรีทั่วเมืองหลวง ดูเหมือนนางและเขาจะวนเวียนมาพบเจอกันได้ยาก
ติดเพียงชายหนุ่มต้องการรับตำแหน่งขุนนางให้มั่นคงจึงจะยอมรับภรรยา อายุ18 ปีแล้วจึงยังไม่มีแม้แต่หญิงรับใช้อุ่นเตียง
ประตูจวนสกุลเย่มีแม่สื่อเข้าคิวต่อแถวยาวเหยียด หากไม่ใช่เพราะองค์ชายรองเป็นพี่เขยของกู้ลี่ถิง คุณหนูสามสกุลกู้คงไม่มีวาสนาได้เห็นแม้แต่ชายอาภรณ์ของอีกฝ่าย
พอรู้ตัวว่าถูกผู้อื่นเข้าใจผิดและตั้งท่ารังเกียจ นางก็รีบมาพบบิดาเพื่อขอคำปรึกษา กลับกลายเป็นว่าคำขอยกเลิกการหมั้นหมายกับสกุลเย่ของนางนั้นถูกเพิกเฉยจากบิดาโดยสิ้นเชิง ซ้ำร้ายนางก็ได้รู้แผนการขององค์ชายรองจากท่านพ่อในวันนั้นเช่นเดียวกัน
นางปฏิเสธไม่ขอเข้าไปมีส่วนรู้เห็นและไม่เอาชื่อเสียงของตนไปเสื่อมเสียกับเรื่องการเมือง องค์ชายรองซ่างกวนหลินฟ่งกลับเสนอความช่วยเหลือใหม่ว่าจะปกป้องนางโดยการยอมรับนางมาเป็นพระสนมเข้าจวนตามพี่สาวไปอีกคน
“บัดซบ!! คิดได้ดีจริงๆ” เล็บของกู้ลี่ถิงจิกแน่นลงบนผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับมือที่สั่นเทาเมื่อครู่ก็หยุดสั่น
เวลานี้นางจะกลัวไม่ได้ หากนางปล่อยชีวิตไปเรื่อยเปื่อย ตามที่บิดามารดาโลภมากของนางเห็นควรต่างหาก จึงจะเป็นความน่าหวาดหวั่นของจริง!
ภายในห้องโถงใหญ่จวนเสนาบดีกู้ ซ่างกวนหลินฟ่งนั่งเคียงข้างกู้ลี่หม่านพระชายาเอกด้วยหัวใจพองโต เหม่อมองหญิงสาวรูปร่างแบบบางในชุดสีเขียวอ่อนกำลังเยื้องย่างเข้ามาในห้องโถงจวนเสนาบดีกู้เนิบช้าทีละก้าว
“ถวายบังคมองค์ชาย พระชายาเพคะ”
“ลำบากเจ้าแล้วลี่ถิง ข้าไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์มันจะบานปลายไปถึงขั้นนี้ เป็นข้าเองที่ผิดต่อเจ้า” ซ่างกวนหลินฟ่งเอ่ยปากตำหนิตัวเองขึ้นมาก่อน
มืองามของกู้ลี่หม่านรีบคว้าแขนของพระสวามีเอาไว้อย่างทันท่วงที เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะลุกออกจากเก้าอี้
“เป็นอย่างไรบ้างน้องสาม ได้ยินว่าเจ้าตกใจจนสิ้นสติ ดีขึ้นแล้วหรือยัง” ร่างงามเบี่ยงตัวออกมาประคองกู้ลี่ถิงให้ลุกขึ้นยืนเอาไว้แทน
“ดีขึ้นมากแล้วเพคะ ขอบพระทัยที่พระองค์ที่ทรงพระเมตตามาเยี่ยมหม่อมฉัน”
“พระชายาอันใดกัน ที่นี่ไม่มีแต่คนกันเอง เจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ตามเดิมเถิด”
ซ่างกวนหลินฟ่งมองภาพหญิงงามสองคนด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้มชวนฝัน
กู้ลี่หม่านงดงามเฉลียวฉลาดเด็ดเดี่ยว แต่นางมักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความงามบนร่างกายมากเกินไป
วันๆ พระชายาเอกของตนก็จะใช้ฟุ่มเฟือยไปกับการเครื่องประทินผิวเสริมความงาม ยามค่ำคืนกว่าจะเช็ดล้างเนื้อตัวจนหมดก็ต้องปล่อยให้เขารอคอยจนน่ารำคาญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ากู้ลี่หม่านงดงามเป็นหน้าเป็นตาให้จวนองค์ชายรองอย่างสมเกียรติ
ส่วนกู้ลี่ถิงผู้เป็นน้องสาว แม้จะมีใบหน้าจืดชืดไปสักหน่อย แต่ความงามพิสุทธิ์ของดรุณีแรกรุ่นก็ยังเผยออกมาเต็มเปี่ยมโดยไม่ต้องเสริมแต่ง นางเปรียบเสมือนกลีบดอกไม้อ่อนบางที่น่าทะนุถนอม ท่าทางอ่อนโยนว่าง่ายนั่นก็อีก ช่างเหมาะสมจะเป็นสมบัติให้เขาหยอกล้อเล่นยิ่งนัก!!
“เอาล่ะ บุตรสาวข้าก็ออกมาแล้ว จากนี้จะเยียวยาสกุลกู้ของเรากันอย่างไรก็ว่ากันมาเถิด!" กู้เว่ยเอ่ยปาก ชักชวนให้เข้าเรื่องสำคัญ
ขันทีจากวังหลวงแอบเบะปากมองบนให้กับคำว่า เยียวยา ซึ่งแสดงออกถึงความละโมบของท่านเสนาบดีที่มีเพียงเปลือกนอก!!
สกุลกู้มีตำแหน่งในราชสำนักมาถึง 4 รุ่น จนมาถึงรุ่นของกู้เว่ย บุรุษเจ้าเนื้อผู้เป็นจุดตกต่ำที่สุดของสกุลแล้ว เคราะห์ดีที่กู้เว่ยมีบุตรสาวจากภรรยาเอกงดงามเฉลียวฉลาดต้องตาต้องพระทัยองค์ชายรอง ชาติตระกูลก็ไม่ได้ต่ำศักดิ์จนเกินไปนัก กู้ลี่หม่านได้เป็นพระชายาเอกสกุลกู้จึงกอบกู้ชื่อเสียงขึ้นมาได้เล็กน้อย
ภายหลังคุณชายรองกู้ซุยจงได้เป็นองครักษ์หลวง จะโดยความสามารถของเขาเองหรือเป็นเพราะตำแหน่งพระชายาเอกของพี่สาวก็ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม สกุลกู้จึงยิ่งได้หน้า เสียงดังคับเมืองหลวง
“อันดับแรกก็คงต้องพูดเรื่อง 3 หนังสือ 6 พิธีการที่จัดการไปแล้วกันก่อน” เจ้าหน้าที่ว่าความเริ่มบทสนทนา
“หนังสือหมั้นหมายข้าคิดจะฉีกทิ้งเสียวันนี้ไปเลย แต่หนังสือแสดงสินสอดกับสินสอดทั้งหมดสกุลกู้จะรับเอาไว้ข้าไม่คืนให้พวกเขาหรอก สมบัติเหล่านั้นจะต้องยกให้เป็นของสกุลกู้ พวกเราไม่ได้ทำผิดอันใดต่อสกุลเย่” กู้เว่ยเปิดปากประโยคแรกก็เรียกร้องผลประโยชน์ออกมาอย่างอย่างไม่อาย
“ยามนี้เย่เฟิงและบุตรชายถูกทำโทษสถานเบาโดยการปลดให้ออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งเป็นสามัญชนธรรมดา ทรัพย์สินตั้งแต่เย่เฟิงขึ้นรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ล้วนถูกริบเข้าหลวงจนหมดสิ้น แต่ฮ่องเต้ทรงพระเมตตาให้สกุลกู้ตัดสินใจเรื่องสินสอดจากสกุลเย่ตามแต่พวกท่านเห็นควร”
กัวฮูหยินยิ้มกว้างกับคำว่าให้สกุลกู้ตัดสินใจจากปากขันทีหลวงยิ่งนัก เพราะหากฮ่องเต้รับสั่งมาตรง ๆ ว่าให้เป็นสมบัติส่วนตัวของกู้ลี่ถิง สินสอดทั้งหมดนั้นย่อมตกเป็นสินเดิมติดตัวบุตรสาวเข้าไปจวนองค์ชายรองด้วย แล้วนางจะได้อะไร!
“หนังสือรับตัวเจ้าสาวเล่า สกุลกู้รับหนังสือจากฝ่ายนั้นมาแล้วก็เท่ากับว่ากู้ลี่ถิงเป็นคนสกุลเย่อย่างเป็นทางการ สินสอดก็ควรตกลงว่ากันตามประเพณี ผู้อาวุโสฝ่ายเจ้าสาวรับเอาขนมและสิ่งของมงคลเก็บไว้ ของมีค่าส่วนใหญ่ก็สมควรถมเติมสินเดิมให้เจ้าสาวจึงจะถูก นางเองก็เป็นผู้เสียหาย”
กู้ลี่ถิงช้อนสายตามองชายวัยกลางคนตรงหน้า แอบชื่นชมความยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ศาลตุลาการในใจ กล่าวตามจริงจะไม่มีใครมาสนใจว่าชีวิตนางจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ย่อมได้ แต่เจ้าหน้าที่จากศาลตุลาการท่านนี้กลับใส่ใจ
“จะจัดว่านางเป็นคนสกุลเย่ได้เช่นไร เห็นกันอยู่ว่านางยังไม่ทันได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยซ้ำ ก็แค่หนังสือรับตัวฉีกทิ้งไปก็ใช้ได้แล้วมิใช่หรือ ในเมื่อการแต่งงานก็ถูกล้มเลิกโดยรับสั่งของฝ่าบาทไปแล้ว”
“แต่ไหนแต่ไรมาเราก็ยึดเอา 3 หนังสือ 6 พิธีการเป็นเครื่องยืนยัน เรื่องนี้พูดยากอยู่” ขันทีชราทำสีหน้ายุ่งยากใจ
จะดื้อดึงยึดเอาตามหลักการก็เห็นว่าไม่เป็นธรรมกับกู้ลี่ถิงที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ นางยังไม่ได้เสียหายทางร่างกาย แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง แม้แต่เรือนผมของหญิงสาวเวลานี้ก็เกล้าขึ้นแบบสตรีที่ออกเรือนแล้ว หาใช่สตรีวัยเพิ่งปักปิ่นยังไม่ได้ออกเรือนเมื่อไร
“เรื่องทรัพย์สินเงินทองหาใช่เรื่องใหญ่ ชื่อเสียงของคุณหนูสามสิสำคัญยิ่งกว่า นางเพิ่ง 16 และยังบริสุทธิ์ผุดผ่องจะให้ถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงหม้ายได้อย่างไรกัน นางเป็นถึงน้องสาวของชายารักข้าทีเดียวนะ องค์ชายอย่างข้าจะกอบกู้ชื่อเสียงให้นางเอง!!”
มาแล้ว!! บทพระเอกขี่ม้าขาวยื่นมือมาช่วยหญิงงามของซ่างกวนหลินฟ่ง!!!