ลลิตามีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเด้งตัวออกห่างจากมือหนาที่อยู่ใกล้กับตัวเธอ แผ่นหลังชิดติดพนักพิงโซฟาไร้ทางให้ถอยหนีต่อ เธอมองหน้าคนที่ยืนตัวสูงกว่าอย่างไม่ไว้ใจ
"มองฉันแบบนี้หมายความไงลิตา นี่เธอยังไม่หายจากอาการแปลกๆนั่นอีกเหรอ"
ผ่านมาตั้งกี่วันแล้วทำไมอาการตื่นตกใจพวกนี้ถึงยังไม่หายไปอีก สายตาที่เธอมองมาเหมือนคนไม่รู้เขามันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจนิดๆ เพราะแต่ก่อนลลิตาไม่เคยมีสายตาเช่นนี้เมื่อมองเขา ทุกครั้งที่เธอมองเขา เขาจะรับรู้ได้ว่าเธอคิดอย่างไรกับเขาแต่เธอในวันนี้กลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
"เอาเถอะ ถึงจะยังมีอาการตกใจกลัวง่ายๆอยู่ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรมากหรอก" เขาเอ่ยแล้วเลือกนั่งลงที่โซฟาอีกตัวพร้อมจ้องมองลลิตาอย่างกำลังจะคาดคั้นบางอย่างจากเธอ
"ผ่านจากเหตุการณ์นั้นมานานแล้ว อาการบาดเจ็บของเธอก็หายดีแล้ว เพราะฉะนั้นเธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าใครเป็นคนเล่นงานเธอ"
หญิงสาวนั่งตัวลีบไม่ยอมปริปากเอ่ยอะไรออกมาสักคำจนพริษฐ์แทบจะอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าเธอจะอมผนำอะไรนักหนากับอีแค่บอกว่าใครเป็นเล่นงานเธอแค่นั้นเอง
ลลิตานิ่งเงียบเธอไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรว่าใครเป็นคนเล่นงานเพราะเธอไม่ใช่ลลิตาคู่ขาบนเตียงที่เป็นเด็กเลี้ยงของเขา แต่เธอคือลลิตาที่เป็นช่างภาพและไม่ได้รู้จักอะไรกับเขาเลย
"เธอจะเงียบทำไมลิตา แค่ตอบสิ่งที่ฉันถามไปแค่นี้มันจะไปยากอะไร" น้ำเสียงเริ่มมีความรำคาญทำให้ลลิตาคิดหาคำตอบมาอ้างแทนเพราะหากยังคงนิ่งเงียบต่อไปเกรงว่าอาจจะถูกคนๆนี้ทำอะไรไม่ดีสักอย่างแน่ๆ สายตาของเขาดูร้ายๆ ไม่น่าไว้ใจสักนิด
"ฉันไม่รู้… จำไม่ได้"
พริษฐ์มองใบหน้าที่เพิ่งก้มหน้าหลบตาตอบคำถามเขาเมื่อครู่ ดูก็รู้ว่าเธอมีพิรุธ ดูอึกอักเหมือนมีอะไรที่ไม่สามารถบอกได้
หรือว่า…
เธอจะรู้ว่าใครเป็นคนเล่นงานตัวเองอยู่แล้วแต่โดนขู่เอาไว้หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตัดศัตรูขาประจำของเขาออกไปได้เลยเพราะด้วยนิสัยของกวินที่เป็นศัตรูกับเขามานานแล้วนั้นเป็นพวกชอบเปิดเผยให้รู้ เวลามันเล่นงานใครจะชอบฝากคำเตือนไร้สาระและเปิดเผยตัวตนของมันมาตลอด
และถึงแม้ที่ลลิตาโดนเล่นงานจะไม่ใช่ฝีมือของกวินแต่ก็อาจจะเป็นศัตรูคนอื่นของเขาก็ได้ แต่ในเมื่อเธอไม่ยอมปริปากบอกความจริงก็ได้แต่รอให้คนของเขาเอาความคืบหน้าที่เขาให้ไปสืบมารายงานอย่างเดียว
"ช่างเถอะ"
"หยุดมองฉันด้วยสายตาที่เหมือนไม่รู้จักกันสักทีได้ไหมลิตา เห็นแล้วมันหงุดหงิด"
ลลิตาเบนหน้าหันไปทางอื่นทันที เธอก็ไม่ได้อยากจะมองเขาสักเท่าไหร่แต่ก็แค่อยากจะจำหน้าคนพวกนี้เอาไว้เฉยๆ เพราะอย่างไรตอนนี้ก็เข้ามาในอยู่ร่างนี้ก็ต้องทำความรู้จักคนใกล้ตัวเอาไว้จะได้ไม่เป็นที่สงสัย
พริษฐ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหยิบเสื้อสูทมาพาดไหล่ไว้ก่อนจะปรายตามองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่
"ฉันจะให้เธออยู่ที่นี่ไปก่อน จนกว่าจะรู้ตัวคนร้ายว่าใครที่ทำร้ายเธอแล้วค่อยกลับไปอยู่คอนโดตามเดิม"
"ส่วนพวกเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นฉันให้ไกรไปเก็บที่ห้องเธอมาแล้ว ต่อไปนี้อยู่แต่ในห้องนี้จะไปไหนก็ให้ไกรกับกริชเป็นคนพาไปและอย่างห่างจากสองคนนั้นเด็ดขาด"
"…"
"เข้าใจที่ฉันพูดไหม"
ลลิตาพยักหน้าแต่ในใจกลับมีความไม่เห็นด้วย เวลาไปไหนต้องมีสองคนนั้นไปด้วยตลอดแล้วแบบนี้เธอจะกลับบ้านได้อย่างไร
.
.
.
.
.
.
ตกดึกช่วงเวลาอาบน้ำกลายเป็นช่วงที่ลลิตาไม่ชอบที่สุด เพราะเธอได้ส่องกระจกและภาพสะท้อนก็เป็นภาพของคนที่ฆ่าเธอ หากต้องอยู่ในร่างต่อไปและต้องทนเห็นใบหน้านี้ทุกวันคงรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายทุกวันแน่
.
.
.
.
.
.
ช่วงบ่ายหลังจากที่ทานอาหารกลางวันที่ทางโรงแรมส่งขึ้นมาให้ ลลิตาก็เข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อจะเตรียมออกไปข้างนอก เมื่อเช้าเธอได้บอกกับบอดี้การ์ดหน้าห้องสองคนแล้วว่าอยากออกไปเดินห้างเพื่อซื้อของและจะไปทำผมใหม่ด้วย โดยทางบอดี้การ์ดก็โทรไปรายงานเจ้านายตัวเองก่อนเพื่อขออนุญาตอีกที
ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆ ลลิตาในชุดเดรสสายเดี่ยวรัดรูปที่ทั้งสั้นและหวาบหวิวเธอเดินตรงไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังเพื่อเลือกหาซื้อชุดใหม่ทันที เพราะสไตล์การแต่งตัวของเธอต่างกับเจ้าของร่างมากอยู่ โดยปกติเธอจะไม่ค่อยแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมากนักหากไม่ได้ไปเที่ยวทะเลเดินเล่นชายหาด
เดินเลือกชุดไปมาทั่วร้านก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าเธอไม่มีสิ่งที่สำคัญอยู่กับตัวในตอนนี้ จึงรีบเดินไปหาบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าร้าน
"นี่ๆ ฉันไม่มีเงิน ขอเงินหน่อยได้ไหม"
"ไม่ต้องห่วงครับตุณลิตา คุณพริษฐ์ได้ให้บัตรมาแล้ว เชิญคุณลิตาเลือกซื้อได้ตามสบายเลยครับ"
ลลิตาพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในร้าน ในเมื่อบอกว่าสามารถเลือกซื้อได้ตามใจเพราะฉะนั้นเธอก็จะซื้อเท่าที่เธอพอใจก็แล้วกัน อย่างไรร่างนี้ก็เป็นเด็กเลี้ยงของเขา ใช้เงินมากหน่อยคงจะไม่เป็นอะไร อีกอย่างเขาก็ดูรวยมากๆ ที่เธอจะใช้ก็คงแค่เศษเงินของเขาก็เท่านั้น
เธอเดินเลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าอย่างพอใจก่อนจะปิดท้ายด้วยสิ่งสำคัญนั่นคือการเปลี่ยนแปลงใบหน้าเดิมๆโดยการเปลี่ยนสีผมใหม่ เปลี่ยนทรงผมใหม่ให้ต่างจากเดิม เสริมเพิ่มด้วยการเปลี่ยนการแต่งหน้าอีกแบบเท่านี้ก็จะดูเหมือนคนใหม่ อย่างน้อยให้มันดูแปลกตาจะได้สบายใจตัวเองเวลาส่องกระจก
จากผมยาวสลวยสีดำเธอก็เปลี่ยนมาเป็นผมสีน้ำตาลแดงดัดเป็นลอนให้ดูสวยงามและตัดหน้าม้าเสริมให้ดูน่ารัก และสุดท้ายก่อนจะออกจากห้างเธอยังแวะเข้าไปร้านเครื่องสำอางค์เพื่อซื้อเครื่องสำอางค์ชุดใหม่อีกด้วย
ในเมื่อจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนใหม่หมดทุกอย่าง ตั้งแต่หัวจรดเท้า