จากนั้นร่างสูงก็ไปจัดการล้างหน้าตา ก่อนจะลงไปเอาเสื้อผ้าของพี่ขึ้นมารีดไว้ให้เรียบร้อย นั่งมองคนที่ยังหลับอยู่ จนกระทั่งเสียงเตือนปลุกอีกรอบ นั่นแหละ ชัชญาถึงได้งัวเงียลุกขึ้นมานั่งเสยผมที่ยุ่งนิดหน่อยให้เข้าทรง
"โยรีดผ้าให้แล้ว พี่ไปอาบน้ำเถอะ"
ชัชญามองไปที่ตู้เสื้อผ้าก็เห็นชุดทำงานตัวเองแขวนไว้แล้ว ใบหน้าสวยหันมาส่งยิ้มให้คนที่นั่งยิ้มกริ่มมองกันอยู่
"ขอบคุณค่ะ"
และสิ่งที่ไม่ได้คาดคิด ก็ทำเอาเจ้าเด็กอ้าปากค้างตาเบิกโต เมื่อจู่ ๆ คนเป็นพี่ก็โฉบมาหอมแก้มกันเฉยเลย รู้ตัวอีกทีพี่เขาก็เปิดประตูห้องออกไปแล้ว งือ พี่อ่า จะหอมกันก็ไม่ให้เค้าตั้งตัว น่ารักที่สุดเลย น้องโยชอบ
เจ้าเด็กฟุบหน้าลงไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่ส้มจี๊ด ด้วยอาการดีใจปนขัดเขินอย่างแรง จนกลัวว่าหมอนข้างจะหายใจไม่ออก(ถ้ามันมีชีวิตอะนะ?)
ส่วนคนที่อยู่ในห้องน้ำน่ะเหรอ ไม่ใช่ว่าไม่เขินนะ แต่น้องทำตัวน่ารักเกินเหตุจนอดไม่ไหว ที่จะให้รางวัลแบบนั้น
ชัชญาใช้เวลาในห้องน้ำราวยี่สิบนาที กลับเข้ามาในห้องก็พยายามทำนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงสิ ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว
"ที่จริงให้โยแว๊นไปส่งพี่ก็ได้นะคะ ไปเส้นด้านหลังน่ะ มันไม่อันตรายเหมือนถนนใหญ่หรอก"
ชัชญาที่กำลังจัดการตัวเองอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหันมามอง เธอก็พอจะนึกภาพออก ว่ามันมีถนนเส้นรองที่ไปโผล่ซอยแถวที่ทำงานเธอเหมือนกัน
"แล้ววันนี้มีเรียนกี่โมงคะ"
"โยเรียนเก้าโมงครึ่งค่ะ ไปส่งพี่ค่อยกลับมาอาบน้ำกินข้าว มีเวลาเหลือเฟือ อย่าลืมเอากุญแจห้องไว้นะ เย็นนี้โยจะไปเอาชุดมาให้ ว่าแต่พวกเครื่องสำอางให้โยเอามาด้วยมั้ย"
"ไม่ต้องก็ได้ค่ะ พี่มีชุดเล็กสำรองติดกระเป๋าอยู่ ถ้าจะไปส่งก็ไปเปลี่ยนชุดค่ะ"
ได้ยินแบบนั้นเจ้าเด็กตัวสูงก็ดีดตัวลุกจากที่นอน ไปเปิดตู้หยิบเอากางเกงกับเสื้อออกไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำ ปล่อยคนเป็นพี่แอบมองตามด้วยรอยยิ้มขำ
ยังพอมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง กว่าจะเข้างาน แต่ที่จริงมันก็เลทได้ เธอก็แค่ชดเชยเวลาเลิกช้าไปแค่นั้น
"ม๊า หวัดดีค่ะ"
"อ้าวจะไปแล้วรึ กินข้าวก่อนมั้ยลูกหรือจะเอาไปกินที่ทำงาน"
ศรีวรรณยิ้ม เอ่ยถามหญิงสาวที่เดินยิ้มมาทักทาย นางรู้อยู่แล้วว่าชัชญามาค้างที่นี่
"หนูขอเอาไปกินที่ทำงานแล้วกันค่ะ ใกล้เข้างานล่ะเดี๋ยวสาย เอาข้าวมันไก่กับหมูกรอบนะคะ"
"จ๊ะ แล้วคืนนี้ล่ะยังเลิกดึกอยู่หรือเปล่า ถ้าดึกก็มาค้างนี่แหละ ให้น้องไปรับ"
"คงดึกทั้งอาทิตย์เลยค่ะ"
ชัชญายื่นเงินให้ท่าน และพอจะรู้หรอก ว่าม๊าเขาใส่กับให้ตั้งเยอะน่ะ
"จะไปทำงานแล้วเหรอหนู อ๋อ โยเยไปส่งเร๊อะ"
ยศพลถือถาดหมูกรอบออกมาพอดีเอ่ยทัก พลางยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวจูงรถคู่ใจออกมา
"ค่ะ งั้นหนูไปทำงานก่อนนะคะ"
"จ๊ะ โยเยขับดี ๆ ล่ะลูก"
"ค๊า พี่ใส่เสื้อคลุมด้วย กลิ่นควันรถจะได้ไม่ติดเสื้อข้างใน"
น้องส่งเสื้อคลุมสีกรมท่ามาให้ ก่อนจะยื่นหมวกกันน๊อคมาอีกที จากนั้นเด็กแว๊นก็พาพี่ขับลัดเลาะ ตามตูดรถมอไซค์หลายคัน ที่วิ่งกันเป็นสายในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้ ใช้เวลาราวสิบห้านาทีชัชญาก็มาถึงตึกที่ทำงาน
"ขับดี ๆ ล่ะห้ามไปปาดแซงชาวบ้านเขานะ"
เมื่อถอดหมวกกับเสื้อคืนน้องแล้วก็ไม่วายกำชับด้วยความห่วง
"ไม่ทำหรอกค่ะ เดี๋ยวเสียชื่อน้องสาวผู้กองหมด ไว้เจอตอนดึกนะคะ"
คนเป็นพี่พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าตึกไป
และชีวิตของเธอก็วนเวียนอยู่กับน้องแบบนั้นจนกระทั่งวันศุกร์ โชคดีว่างานที่ต้องแก้กับงานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ เสร็จเรียบร้อยทันเวลา เลยไม่ต้องมาทำโอต่อในวันหยุด
"คิดถึงยายกับแม่นิ่มอ่า ไม่ได้เจอตั้งเดือนกว่าแล้ว"
ชัชญาอมยิ้มเมื่อตอนนี้เจ้าเด็กตัวสูงทำหน้าตางอแง อยากจะตามเธอกลับบ้านด้วย นิ่มก็คือชื่อเล่นของแม่เธอเอง
"ไม่เจอที่ไหนคะ ก็คอลวีดีโอหากันทุกอาทิตย์"
"แหะ ๆ มันก็ไม่เหมือนเจอตัวจริงนี่นาไม่ได้กอด แบบนี้ ๆ"
ร่างสูงโน้มลงมาสวมกอดกันโยกตัวไปมา ให้คนเป็นพี่อดหมั่นไส้ไม่ได้ กับความเจ้าเล่ห์ขี้อ้อน
"ทำงานตัวเองเถอะ เดี๋ยวก็มาบ่นว่างานเยอะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ อีกเดือนกว่าก็จะสอบปลายเทอมแล้วนะ ไว้ปิดเทอมจะไปสิงสถิตอยู่โน่นเลยพี่ก็ไม่ว่าหรอก"
คนน้องผละออกมายิ้มเจ้าเล่ห์
"ถ้าปิดเทอมโยขอไปค้างที่ห้องกับพี่นะ กลางวันโยก็ทำงานตัวเอง แล้วก็ไปรอพี่เลิกงานแล้วกลับไปห้องพี่พร้อมกัน ตอนเช้าก็มาพร้อมพี่ แล้วพออาทิตย์ที่พี่ต้องทำโอที พี่ก็มาค้างกับโย"
ดูความคิดของเด็กคนนี้สิจอมวางแผนมั้ยล่ะ ฟัง ๆ ดู มันเหมือนคนเป็นแฟนเขาทำกันแล้วนะตอนนี้ แล้วเธอจะเอาเหตุผลอะไรมาขัดล่ะ
"ขอดูเกรดเทอมนี้ก่อนค่ะ ถ้าเป็นที่น่าพอใจก็จะตามใจ"
อย่างน้อยก็ขอมีข้อแลกเปลี่ยนหน่อยเถอะ แล้วดูว่าเจ้าเด็ก จะไม่สะทกสะท้านกับข้อแลกเปลี่ยนของเธอเลยนะ
"น่าพอใจของพี่ มันต้องเท่าไหร่ละคะ"
ชัชญานิ่งคิดไอคิวน้องขนาดนี้แน่นอนว่าต้องไม่ต่ำกว่าสามอยู่แล้ว แถมอีกคนยังกล้าบอกว่าจะเอาเกียรตินิยมมาโชว์กันอีก
"ต้องไม่ต่ำกว่า3.5 ค่ะ"
"ว้า งานหนักเลยนะคะนั่นน่ะ ลดให้หน่อยไม่ได้เหรอคะ น๊า 3.3"
คนเจ้าเล่ห์ยังมีหน้าไปต่อรองพี่อีก ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองทำได้ไม่ต่ำกว่านั้นก็เถอะ
"ถ้า3.3 ก็ได้สิทธิ์เดิมไงคะ ไปค้างแค่วันศุกร์กับที่บ้านคลอง"
"งือ ก็ได้ค่ะ เป้าหมายมีไว้ให้พิชิตอยู่แล้ว น้องโยจะคว้ามาให้ได้เลยคอยดู"
ชัชญาหัวเราะเธอเชื่ออยู่แล้วว่าน้องจะทำได้ ก็แค่อยากหาอะไรกระตุ้นให้น้องมีความตั้งใจเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
และตั้งแต่ที่คุยกันไปครั้งนั้นก็จะครบเดือนอีกแล้ว แต่เดือนนี้ไม่มีงานอะไรต้องให้ชัชญามาแก้ไข เธอก็เลยได้กลับห้องไม่เกินทุ่ม ส่วนโยธกาก็ยังมีโทรมาอ้อนขอเติมพลังงานทุกคืน แต่น้องก็ไม่ได้งอแงอะไรมาก
ความสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้ระบุสถานะชัดเจน แต่ความรู้สึกที่ต่างมีต่อกัน มันก็เกินคำว่าพี่น้องหรือคนรู้จักไปแล้วล่ะ ยิ่งใกล้ช่วงสอบปลายเทอม ก็ดูเหมือนว่าน้องจะยุ่งเป็นพิเศษ
และเธอก็ได้แต่คอยให้กำลังใจปนหลอกล่อ ให้อีกคนมีแรงฮึดนั่นแหละ ทั้งที่จริงก็พอรู้ ว่าโยธกามีความรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ที่คอยมาอ้อนกันก็เพราะอยากให้เธอเอาใจแค่นั้นเอง
"จ๋า เย็นนี้ไปเป็นเพื่อนซื้อของหน่อยสิ เดี๋ยวเราเลี้ยงขอโทษที่ทำเพื่อนเกือบแย่วันนั้นน่ะ ไม่ต้องปฏิเสธเลย หรือว่าตัวมีนัดฮึ"
ช่วงพักกลางวันที่พวกเธอกำลังนั่งทานมื้อเที่ยงกัน นิภาพรก็เอ่ยชวนขึ้นมา
"ก็เปล่า แค่จะบอกว่าไม่ต้องเลี้ยงเราไม่ได้โกรธอะไรนิสักหน่อย เดี๋ยวไปเป็นเพื่อนว่าแต่จะไปซื้ออะไร ที่ห้างเหรอ"
อีกคนพยักหน้า
"อืม ก็วันมะรืนวันเกิดพี่โชคไง เราเลยว่าจะไปหาดูอะไรให้พี่เขาซักหน่อยน่ะ"
ชัชญายิ้มพยักหน้า เธอไม่ได้สนิทกับโชคชัยแฟนของเพื่อนหรอก แค่เคยเห็นบ้างเวลาที่อีกคนมารับนิภาพร หลังจากเลิกงานสองสาวก็นั่งรถมาที่ห้างใหญ่
"นิคิดว่าจะซื้ออะไรให้พี่เขาล่ะ"
"กำลังคิดอยู่ ระหว่างนาฬิกากับพวกเนคไทหรือเสื้อใส่ทำงานเนี่ย"
คำว่านาฬิกาของเพื่อน กลับทำให้ชัชญานึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะยิ้มออกมา
"นาฬิกาก็ดีนะ ไปดูกันมั้ยเผื่อเราจะซื้อด้วย"
หืม นิภาพรมองเพื่อนก่อนจะเลื่อนสายตามองที่ข้อมือ ซึ่งมีนาฬิกาเรือนเล็กน่ารักสภาพดี
"จะเปลี่ยนนาฬิกาเหรอ"
ชัชญาส่ายหน้ายิ้ม ก่อนจะใช้สองมือดันไหล่เพื่อนให้เดินไปข้างหน้า
"ไม่ได้เปลี่ยน แค่อยากจะดูไปให้ใครบางคนน่ะ"
และคำพูดมีความนัยนั่นก็ทำให้นิภาพร แซวเธอจนกระทั่งออกจากร้านนาฬิกายี่ห้อหนึ่ง และสุดท้ายเพื่อนก็ได้ของขวัญไปให้แฟนหนุ่มเป็นนาฬิกาจากร้านเดียวกัน
"เดี๋ยวขอไปดูเนคไทให้พี่เขาสักเส้นก่อนนะ ค่อยไปหาอะไรกินกัน"
ชัชญาไม่ขัดอะไรทั้งคู่ขึ้นบันไดเลื่อนมาอีกชั้น และชั้นนี้ตรงโซนใกล้บันไดมันก็จะเต็มไปด้วยร้านทอง ร้านเครื่องประดับหลายสิบร้าน แต่ที่ทำให้ชัชญาชะงักไป ก็เมื่อสายตาเธอกวาดไปเจอใครบางคนเข้านั่นแหละ
ไม่ผิดหรอก นั่นโยธกาแน่นอน กำลังยืนเลือกซื้อ หรือจะเรียกว่าเลือกให้หรือเปล่า เพราะเด็กสาวในชุดนักเรียนมอปลายคนหนึ่ง ที่ยืนยิ้มหัวเราะเหมือนสนิทกันมากมาย กำลังเอาต่างหูมาเทียบกับติ่งหูตัวเอง
และเจ้าเด็กตัวสูงก็พูดอะไรไม่รู้ ให้เด็กคนนั้นเอามือตีใหล่อีกฝ่าย แล้วก็หัวเราะกันคิกคัก
"มองไรคุณเพื่อน หรืออยากซื้อทองจ๊ะ"
"อ้อ เปล่า ๆ ไปเถอะ แค่มองราคาทองเฉย ๆ"
นิภาพรไม่ได้สงสัยอะไรเดินนำหน้าเพื่อนไปอีกโซนที่ขายเสื้อผ้า ชัชญายังหันกลับไปมองภาพนั้นอีกครั้ง ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน ถามว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไงเหรอ มันจะว่าหึงหวงก็อาจจะไม่ขนาดนั้น เธอแค่คาใจกับภาพสนิทสนมของสองคนนั้น
และคำพูดของน้องก็แว๊บเข้ามาในหัว "ถ้าหากเกิดพี่ไปเจอหรือเห็นอะไรน่าสงสัยเกี่ยวกับโย พี่ก็อย่าลืมใช้กฏ สสส.ก่อนยัดเยียดข้อหาให้กันล่ะ"
นั่นสินะ เธอไม่ควรเอาแค่ภาพที่เห็นมาคิดไปเอง เอาเถอะ ไว้กลับห้องค่อยโทรสอบสวนอีกคนก็ยังไม่สาย คราวนี้ก็จะได้รู้กัน ว่าเด็กจะโกหกเธอหรือเปล่า
"ตกลงจะเอาอะไรบ้างเนี่ยหลินปิง งบเท่าหนึ่งบาทนะ"
"รู้แล้วน่า ก็เค้าเลือกอยู่"
"นี่ ขอแต่ทองทุกปีแบบนี้กว่าจะเรียนจบ ก็ขนทองที่มีมาเปิดร้านเองได้แล้วมั้งพี่ว่า"
คิก ๆ น้องหัวเราะชอบใจ
"ก็คนเค้าฉลาดนี่คะ จะเอามาทำไมอย่างอื่นที่ไม่มีราคา หลินเอาแค่ทองกับเงินแค่นั้นแหละ แถมยังได้อุดหนุนกิจการครอบครัวอีก" ฮ่า ๆ
เด็กสาววัยสิบเจ็ดกำลังเลือกเครื่องประดับในถาดสีแดง ที่มีทั้งสร้อยคอ ข้อมือแหวนและต่างหู หลินปิงคือชื่อที่โยธกาใช้เรียกอีกคน แต่จริง ๆ น้องชื่อเล่นว่าหลินหรือลลิลทิพย์ ญาติลูกพี่ลูกน้องเธอเองนี่แหละ วันนี้วันเกิดนาง คนรอบตัวก็เลยต้องควักเงิน เพื่อซื้อทองให้แล้วแต่ว่าใครสัญญาว่าจะให้นางเท่าไหร่
ร้านทองก็ร้านของครอบครัวนางนั่นแหละ ลลิลทิพย์เป็นลูกสาวคนเล็กของป้านวลจันทร์ จะเรียกว่าเป็นลูกหลงก็คงได้ เพราะมาแบบไม่ได้ตั้งใจ อายุก็เลยห่างจากพี่ ๆ ตั้งเก้าปี
และเทอมที่แล้วน้องทำคะแนนสอบได้ตามที่สัญญา โยธกาก็เลยบอกจะให้ทองหนึ่งบาท วันนี้จึงได้มายืนเลือกกันอยู่นี่ล่ะ ขณะที่ปล่อยให้น้องเลือกไปสายตาเธอก็กวาดมองเครื่องประดับอย่างอื่นไปด้วย
ที่จริงเธอก็ชอบสะสมทองนะ และตอนนี้ก็มีเกือบสิบบาทแล้วด้วย ซึ่งมันก็ได้มาจากเงินตัวเอง กับของขวัญที่พ่อแม่และญาติให้ในช่วงตรุษจีน และสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับถาดเครื่องประดับที่เป็นทองคำขาว
"พี่จิน อันนั้นของมาใหม่เหรอคะ"
จินตนาพนักงานขายประจำร้านมองไปตามที่โยธกาชี้ก็ยิ้ม
"ค่ะน้องโย เพิ่งเข้ามาเมื่อวานนี่เองแต่ขายออกไปได้หลายชิ้นแล้วนะคะ"
โยธกาเดินไปดูเมื่อพี่เขายกถาดสามถาดขึ้นมาวาง ลวดลายสวย ๆ และแบบน่ารัก ๆ ก็มี ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนเผยยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบสร้อยข้อมือเส้นน่ารักขึ้นมาพลิกดู
มันไม่ได้มีลวดลายอะไรนอกจากจะเป็นเกลียวในตัวเอง แต่มันน่ารักตรงที่มีจี้รูปหัวใจอันเล็ก ออกแบบเป็นหัวใจคู่นี่แหละ
"ขายดีนะคะวันนี้ก็มีคนมาเอาไปสองเส้นแล้ว เมื่อวานพี่ขายได้สามเส้นเลยนะ เฉพาะสร้อยข้อมือเนี่ย ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่แล้ว ใคร ๆ ก็เตรียมของขวัญกัน น้ำหนักมันสองสลึงจ๊ะ"
โยธกามองแล้วก็พยักหน้ายิ้มไปด้วย ถ้ามันได้ไปอยู่บนข้อมือขาว ๆ ของคนเป็นพี่ก็คงน่ารักดี
"ในฐานะหลานเจ้าของร้าน ขอส่วนลดให้โยด้วยค่ะ"
พี่เขาหัวเราะคิก ก็แหงล่ะเรื่องอะไรเธอจะยอมจ่ายเท่าลูกค้านอกล่ะ
"น่าจะมีจี้เป็นตัวอักษรมาให้ด้วยนะคะเหมือนทองน่ะ พี่ห่อเป็นของขวัญให้โยด้วย"
"แน่ะ แอบซื้อของขวัญไปให้สาวใช่มั้ยอ่ะ งูย น่ารักนะนี่"
ยัยตัวป่วนเดินมาชะเง้อดูพร้อมกับเอ่ยเย้าพี่สาว โยธกาเอานิ้วจิ้มดันหน้าผากอีกคน
"ไม่ต้องมาสนใจเลย ไปเลือกของตัวเองให้เสร็จ เย็นแล้วเนี่ยพี่หิว"
"นี่ไงเลือกได้แล้ว แต่น่าจะเกินไปนิดนึงนะ ได้ป่ะ น๊า หลินอุตส่าห์ตั้งใจอ่านหนังสือจนขอบตาคล้ำกว่าจะได้เกรดนั้น"
"ตาคล้ำนี่ ไม่ใช่เพราะดูซีรี่ย์เกาหลีไม่ยอมนอนเหรอ"
โยธกาย้อนถามให้น้องหัวเราะขำ ยัยเด็กคนนี้ก็เหมือนเด็กวัยรุ่นอีกหลายคน ที่ติดซีรี่ย์ต่างชาติชนิดงอมแงม หนังสือเรียนอาจไม่อยู่ในสายตาเลย ถ้าละครเรื่องนั้นยังฉายอยู่ เธอถึงได้เรียกน้องว่าหลินปิงไงล่ะ
ชัชญากลับถึงห้องพักตอนเกือบทุ่มหลังจากเพื่อนยืนยันว่าจะเลี้ยงข้าว เธอเลยขอเป็นร้านสะเต็กที่คนไม่มาก กินกันง่าย ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงหยิบมือถือออกมากดเบอร์ใครบางคน อุตส่าห์รอจนกลับมาถึงห้องนะ ถึงได้โทรเนี่ย ทั้งที่ภาพนั้นคอยรบกวนใจเธอไม่น้อย ไม่ต้องรอนานอีกฝ่ายก็รับสาย
"โทรมาเหมือนรู้ว่าโยคิดถึ๊งคิดถึงเลยค่ะ ถึงห้องแล้วเหรอคะ"
น้ำเสียงและคำพูดอีกฝ่ายยังปกติทุกอย่าง
"ค่ะ แล้วอยู่ไหนคะเหมือนเสียงคนจอแจเลย"
"อ๋อ อยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นค่ะ พอดีวันนี้วันเกิดน้อง ยัยตัวป่วนก็เลยลากโยมารีดทรัพย์น่ะ"
คำอธิบายทั้งที่ยังไม่ได้เจาะจงถาม ทำให้คนเป็นพี่เผลอยิ้มออกมาได้
"น้องไหนคะ เราเป็นคนสุดท้องไม่ใช่เหรอ"
คำถามเหมือนว่าไม่คิดอะไร แต่เธอแค่อยากรู้ น้องจะตอบอะไรต่างหากความสบายใจเกิดขึ้นตั้งแต่คำอธิบายแรกแล้ว
"ถามแบบนี้ กำลังหึงโยอยู่หรือเปล่าคะ ฮ่ะ ๆ ยัยหลินปิงลูกสาวป้านวลค่ะ ป้าแท้ ๆ ของโยเลยแหละ คิดดูนะร้านทองก็ของครอบครัวนี้ แล้วโยก็โดนขูดรีดให้ซื้อทองให้ยัยตัวป่วนขี้งกนี่ทุกปีด้วย"
"อะไร ๆ นินทาอะไรเค้าพี่นิสัยไม่ดี คุยกับใครอ่ะ พี่สะใภ้เหรอ?"
เสียงใสที่แว่วแทรกเข้ามาในสายให้ชัชญาอมยิ้ม ดูท่าจะแสบป่วนไม่ใช่เล่น
"เงียบเลยตัวป่วน กินไปเลยน่ะ"
"ถ้างั้นก็กินอะไรไปก่อนเถอะไว้ค่อยคุยกันค่ะ"
"ค่ะ งั้นถึงบ้านโยโทรหานะคะ คิดถึงที่สุดอยากเห็นหน้า ไปหาได้มั้ยคะ"
ชัชญายิ้มขำ
"งานตัวเองน่ะทำเสร็จหรือยังฮึ มีแต่จะไปนั่นไปนี่น่ะ"
"ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ แค่อยากไปหาพี่คนเดียวที่อยากเจอ"
"โอ๊ะ ๆ มดกัด ใครมาทำน้ำตาลหกแถวนี้หว่า"
เสียงที่ยังดังแทรกเข้ามา พร้อมกับเสียงบ่นของโยธกา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก
"ไว้ค่อยเจอหลังเราสอบเสร็จแล้วกันปลายเดือนนี้พี่คงได้กลับดึก เพราะต้องเคลียร์งานก่อนสิ้นปี"
ไม่ต้องอธิบายเยอะ แค่คำว่ากลับดึก น้องมันก็ยิ้มรอแล้ว
"โอเคค่ะ งั้นไว้โยโทรหาใหม่นะคะ"
"ค่ะ"
เรียวปากสวยระบายยิ้มออกมาหลังวางสาย ชัชญาเชื่อแล้วว่ากฏ สสส.ที่ป๊าเขาสอนมามันช่วยได้เยอะจริง ๆ
เวลาผ่านไปไวเหลือเกินเผลอแป๊บเดียวก็จะหมดไปอีกปีหนึ่งแล้ว หลังจากคร่ำเคร่งอยู่กับตำราเรียนมาร่วมเดือนจนกระทั่งสอบเสร็จ วันนี้กลุ่มนักศึกษาหลายคน ก็พากันไปฉลองสังสรรค์เพื่อปลดปล่อยความเครียด