ตอนที่16

3138 คำ
     ชัชญามองเจ้าเด็กที่ทิ้งศีรษะมาพิงไหล่กันก็พรายยิ้ม เธอกับน้องนั่งเบาะหลังถัดจากแถวแม่กับยาย ส่วนยุวดีจองเบาะหลังสุดนอนเอกเขนกเอาหูฟังครอบหัว กระดิกเท้าดิ๊ก ๆ สบายใจเฉิบไปแล้ว "ยังไม่ทันถึงไหนจะหลับแล้วเหรอ หืม" น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นเบา ๆ "ยังไม่หลับค่ะ แค่อยากเติมพลังงาน" น้องเงยหน้าช้อนตาขึ้นบอกด้วยรอยยิ้มน่ามันเขี้ยว มือคนเป็นพี่ก็ถูกจับไปกุมเอาไว้พอมองเห็นสิ่งที่มีบนข้อมือ ก็อดยิ้มไม่ได้ สร้อยเส้นเล็กที่ข้อมือพี่กับนาฬิกาเรือนใหม่ที่ข้อมือของน้อง ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาให้ของที่เหมือนจะคู่ แต่ก็คนละแนวถึงจะอยู่ที่ข้อมือเหมือนกันก็เถอะ เสียงพูดคุยถามไถ่กันของผู้ใหญ่ด้านหน้าก็พาให้สองสาวนั่งฟังไปด้วย มันก็เป็นความสุขอีกอย่างที่สองครอบครัวได้มารู้จักกัน และก็เหมือนจะเข้าขากันดีอีกต่างหาก คุณยายปิ่นท่านก็เป็นคนอารมณ์ดีบางครั้งก็คุยตลกพอสมควร ก็ตามนิสัยของแม่ค้านั่นล่ะ เสียงหัวเราะจึงมีขึ้นตลอดการเดินทาง  ระหว่างทางก็แวะเที่ยวตามจุด ก่อนขึ้นเขามาก็ได้ของกินมาหลายอย่าง ส่วนพวกอาหารสดหรืออาหารทะเลยศพลฝากรุ่นพี่ให้ซื้อเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว พอขึ้นเขามาอากาศก็เย็นลงมากกว่าพื้นที่ราบด้านล่าง นี่ขนาดว่าเป็นช่วงกลางวันอุณหภูมิก็ยังไม่ถึงยี่สิบองศาเลย ไม่ต้องคิดว่าถ้ากลางคืนจะหนาวเย็นขนาดไหน      รถวิ่งขึ้นเนินเขาก่อนจะเลี้ยวลัดเลาะเข้ามาตามถนนคอนกรีต ระหว่างทางมีทั้งสวนและบ้านของผู้คนห่างกันเป็นระยะ มองไปรอบ ๆ ก็เห็นทิวเขาสลับเรียงกันสูงต่ำมองไกล ๆ ก็คล้ายภาพวาดดูสวยงามไม่น้อย รถยังวิ่งวนตามทางคดเคี้ยวอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็มาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง "ถึงแล้วคร้าบทุกคน" เสียงของยุทธการหันมาบอกคนด้านหลัง  "บ้านพักน่าอยู่นะคะ" ชาลินีพยุงคนเป็นแม่ลงมาจากรถพร้อมกับเอ่ยขึ้น มองดูบ้านหลังไม่ใหญ่มากแต่น่าอยู่ท่ามกลางขุนเขาเขียวชะอุ่มร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ลักษณะบ้านยกพื้นสูงประมาณเมตรกว่า ใต้ถุนก็เทปูนลาดทั้งหมดมันจึงไม่ได้ดูรกไปด้วยหญ้า มีส่วนที่ต่อออกมาเป็นชานโล่ง ๆ เหมือนที่บ้านเธอด้วย ผู้ชายพากันยกกระเป๋าและของหลายอย่างที่เตรียมมาลงจากรถ โยธกาลงไปช่วยพี่ขนกระเป๋าขึ้นบ้าน "อืม อากาศเย็นเหมือนกันนะนี่ ขอบใจมากที่พาคนแก่มารับบรรยากาศดี ๆ สดชื่นแบบนี้" ยายปิ่นกล่าวขึ้นมาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ทำให้คนที่พามาก็ยิ้มมีความสุขไปด้วย "หนูมีของฝากให้ยายกับแม่นิ่มด้วยนะ เสื้อกันหนาวเอาไว้ใส่นอนคืนนี้ จะได้รับไออุ่นจากน้องโยแถมไปด้วยเลยละค่ะ" "ช่างเอาใจคนแก่เก่งจริง ๆ เล๊ย พากันเลี้ยงลูกได้น่ารักเหลือเกินนะพ่อยศแม่ศรีวรรณ" ฮ่า ๆ "ขอบคุณครับที่เอ็นดูเจ้าตัวแสบของผม" ยศพลหัวเราะอย่างมีความสุข พ่อแม่ที่ไหนจะไม่ดีใจ ที่เห็นคนอื่นชื่นชมลูกตัวเองล่ะ "พากันชื่นชมธรรมชาติไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมกับเจ้ายุทธจะไปเอาของกินที่ฝากเพื่อนบ้านซื้อไว้ให้ ค่อยมาทำอะไรกินกัน" ยศพลบอกทุกคนก่อนจะพากันขับรถออกไปกับลูกชาย "อากาศดีบรรยากาศดีมากเลยค่ะ น่าอิจฉาคนมีบ้านพักที่นี่นะ" ชัชญาเอ่ยขึ้นมาเมื่อเดินมาหยุดตรงเนินหน้าบ้าน มองไปรอบ ๆ เห็นภูเขาสลับซับซ้อนเรียงรายกันเป็นลูกคลื่น คนน้องที่ยืนอยู่ข้างกันระบายยิ้มออกมา "อิจฉาทำไมคะ ต่อไปพี่อยากจะมาตอนไหนก็ได้ ก็คิดซะว่านี่คือบ้านพักของครอบครัว เรา " คำว่าครอบครัวเราทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นในหัวใจไม่น้อย รอยยิ้มถูกส่งกลับมาให้น้องด้วยสายตาแห่งการขอบคุณ "ขอบคุณสำหรับทริปดี ๆ ที่แสนอบอุ่นค่ะ" "แค่พี่มีความสุข โยก็ดีใจและมีความสุขมากแล้วค่ะ" ชัชญาอมยิ้ม มองกวาดไปรอบ ๆ ชื่นชมและซึมซับเอาบรรยากาศดีและสวยงาม "พี่เคยมีความคิดฝันอยากจะมีบ้านพักหลังเล็ก ๆ สักหลัง บนที่ ๆ มีความสวยงาม ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติอันเงียบสงบแบบนี้เหมือนกันนะคะ เวลาเหนื่อยหรือเบื่อกับสังคมเมืองก็มีที่ให้เราได้มาพักผ่อน ซึมซับกับสิ่งสวยงามรอบตัวแบบนี้ และกลางคืนก็ได้นอนดูดาวที่คงจะสวยงามเพราะไร้แสงไฟมาบดบัง" คำพูดของพี่ทำให้โยธกาพลอยยิ้มไปด้วย แต่ในหัวกำลังวาดภาพบ้านหลังเล็กน่ารักที่พี่อยากมี "พี่ชอบบ้านแบบไหนคะ แบบปลูกบนเนินหญ้าสีเขียว มีดอกไม้ล้อมรอบบ้านส่งกลิ่นหอมอบอวลยามที่มันเบ่งบาน ตื่นเช้ามาก็มีทะเลหมอกให้เห็นแค่เพียงรูดม่านหน้าต่างมอง พอตอนเย็นก็ชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางเหลี่ยมเขา ตอนกลางคืนก็นอนดูดาวที่ห้องใต้หลังคา แบบนี้หรือเปล่าคะ" คำสาธยายของน้องทำให้คนเป็นพี่หลุดหัวเราะ เพราะเหมือนกับน้องมานั่งในความคิดของเธอเลย "พูดยังกับเข้ามาเห็นความคิดพี่เลยนะ ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ แค่คิดก็รู้สึกมีความสุขแล้ว แต่บ้านหลังนี้ก็ตั้งอยู่ในจุดที่ดีนะมองเห็นพื้นที่โดยรอบเลย" โยธกายิ้มพยักหน้าไปด้วย บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นหลังจากป๊าซื้อที่จากลุงพงษ์เทพ เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยเป็นตำรวจมาด้วยกันเมื่อสิบกว่าปี มันสร้างขึ้นมาลักษณะขวางดวงตะวัน คือหน้าบ้านหันไปทางทิศใต้หลังบ้านหันไปทิศเหนือ เวลาตะวันขึ้นหรือตกก็เลยจะเห็นได้ทั้งสองเวลา และตอนนี้ในหัวของโยธกากำลังคิดบางอย่างอยู่ สายตากวาดมองไปรอบเนื้อที่สี่ไร่เศษซึ่งก็เป็นพื้นที่โล่งเป็นเนินซะส่วนใหญ่ ถ้าจะสร้างบ้านขึ้นอีกสักหลังมันก็ควรจะ....สายตาหยุดที่เนินหญ้าเขียวตรงข้ามกับหน้าบ้านหลังนี้ บริเวณนั้นเป็นเนินดินกว้างพอสมควร ถ้าจะมีการปรับพื้นสักหน่อยให้เหมาะกับการปลูกสร้างก็เข้าท่าอยู่นะ ปากสีเรื่อระบายยิ้มออกมากับความคิดตัวเอง สองสาวกลับขึ้นมาบนบ้านชัชญาก็ได้เห็นสภาพภายใน มีของอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนบ้านในตัวเมือง ทั้งตู้เย็น ทีวี และเครื่องอุปกรณ์ทำครัวทุกอย่าง มีเตาแก๊สและเตาสำหรับปิ้งย่างขนาดใหญ่ด้วย ที่สำคัญห้องน้ำที่สร้างขึ้นสองห้องก็ยังมีเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งไว้ด้วย  "ไม่เหมือนบ้านบนเขาเลยนะคะ มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างเลย แถมสัญญาณมือถือก็ใช้ได้ปกติอีก" "ก็ใกล้แถวนี้มีบ้านคนมีกะตังค์ค่ะ เขาก็ขอให้เอกชนเอาเสาสัญญาณมาตั้งได้ เราเลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย ส่วนทีวีใช้กล่องรับสัญญาณค่ะ" "สะดวกสะบายแบบนี้อยากอยู่พักสักเดือนแล้วสิคะ" คนเป็นพี่เอ่ยเย้า แต่ถ้าทำได้จริงก็ดีน่ะสิ "อยู่มั้ยล่ะคะ เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนค่ะ พี่ก็ไม่ต้องทำงาน โยก็ไม่ต้องไปเรียนฮ่า ๆ เป็นเด็กเชิงเขาไปเลย" "เหรอคะ แต่ถ้าเด็กคนนี้เรียนไม่จบก็ไม่ได้ขอพี่เป็นแฟนนะ" หืออ แหะ ๆ "โยรักเรียนจะตาย ที่สำคัญรักคนนี้มากด้วยต้องเรียนให้จบสิคะ น้องโยอยากใช้คำว่าแฟนจะแย่" เจ้าเด็กขี้อ้อนเกาะแขนเอาใบหน้าใสถูไถเป็นแมวน่ามันเขี้ยวเหลือเกิน ตอนนี้เราสองคนเข้ามาในตัวบ้านส่วนยายกับแม่ทั้งสอง และยุวดียังนั่งคุยกันที่โต๊ะระเบียงหน้าบ้าน  "คืนนี้พี่นอนเต๊นท์กับโยนะคะ เดี๋ยวกางนอนตรงนี้แหละอุ่นดี ส่วนในห้องก็ให้แม่ ๆ กับยายไปนอน เพราะข้างในติดฮีตเตอร์ด้วยนะท่านจะได้อุ่นหลับสบาย" ชัชญาฟังแล้วก็อดยิ้มกับเด็กจอมวางแผนไม่ได้ อยากจะแกล้งขัดใจอยู่นะแต่ก็สงสาร น้องทำตัวน่ารักมาตลอดจะให้ใจร้ายก็ทำไม่ลงหรอก "วางแผนเก่งเหลือเกินนะคะ" มือพี่ยื่นไปบีบจมูกโด่งรั้นด้วยความมันเขี้ยว ให้เจ้าเด็กหัวเราะคิกคัก "ก็โยอยากได้ไออุ่นจากพี่นี่คะ" รอยยิ้มสดใสกับแววตาส่องประกายวิบวับของน้อง ก็พลอยทำให้พี่ต้องยิ้มไปด้วย เสียงรถของป๊ากลับมาแล้วทั้งคู่จึงพากันออกไปดู "โห ลุงเขาตัดองุ่นเหรอคะวันนี้" ยุวดีร้องโหขึ้นเมื่อมองเห็นองุ่นในเข่งขนาดกลางสองเข่ง มีองุ่นขาวกับม่วงด้วย "ไม่ได้ตัดขายลูกค้าหรอก แต่ตัดให้เรากับเผื่อคนที่เขามาพักโฮมสเตย์แกน่ะ เห็นบอกว่าเป็นกลุ่มเพื่อนตารุทมาพักกันเกือบสิบคน" ยศพลกับยุทธการช่วยกันยกทั้งลังของสดที่ฝากซื้อ กับเข่งองุ่นขึ้นมาบนบ้าน "องุ่นสวย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ ว่าแต่วันกลับเราไปซื้อกลับได้มั้ยคะ" ชาลินีเดินไปดูองุ่นลูกสวยน่ากิน "ได้จ๊ะ เขาจะตัดส่งตลาดอาทิตย์ละครั้ง แต่อย่างเรารู้จักกันไปซื้อพี่เขาก็ตัดให้" ศรีวรรณตอบ "ชุดนี้เป็นรุ่นปลอดสารเคมีด้วยนะ กำลังขายดิบขายดีเลยล่ะ ออเดอร์ลูกค้าเยอะเป็นตันเลยแกบอก อย่างว่าแหละใคร ๆก็ห่วงสุขภาพอยากกินผักผลไม้ไร้สารกันทั้งนั้น" ยศพลอธิบายพร้อมกับวางถุงขนาดใหญ่ลงบนโต๊ะ "แยมองุ่น พี่ศจีฝากมาไว้ให้กินกับหนมปังน่ะ" โยธกากับคนเป็นพี่เลือกเอาองุ่นไปล้าง "ดีจังนะคะอยู่ใกล้ไร่องุ่นด้วย" "ค่ะ ที่จริงแกมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากองุ่นส่งลงไปขายที่ร้านในกรุงเทพนะคะ ลูกสาวแกเป็นคนดูแลน่ะอยู่ในห้างแถวลาดพร้าวมั้งถ้าจำไม่ผิดนะ" สองคนช่วยกันล้างคุยกันไป "ยายกินอะไรดีครับอาหารเที่ยง มีทั้งกุ้งหอยปูปลาของทะเลเยอะเลย" ยศพลถามผู้สูงวัยที่นอนอยู่เก้าอี้ผ้าใบ "ยายก็กินกับพวกเราได้หมดนั่นล่ะ จะทำอะไรก็ทำเถอะยายกินได้แค่รสไม่จัดมากก็พอ" "งั้นหนูไปหุงข้าวรอนะคะ" ยุวดีเอ่ยขึ้นก่อนจะเข้าไปในบ้าน ศรีวรรณกับชาลินีจึงเลือกเอาอาหารที่จะทำกินกันเป็นมื้อกลางวัน เมนูตอนกลางวันก็ทำไม่กี่อย่าง มีต้มยำทะเล ผัดหอยลาย ปลากะพงทอดกระเทียมแค่นั้น หลังมื้ออาหารผู้ใหญ่ก็พากันนั่งคุยกันไป "หาไรทำแก้ง่วงดีกว่า" ยุทธการเอ่ยขึ้นมาก่อนจะยิ้ม "เอาสิคะ กำลังหาค่าเทอมอยู่เลย" โยธกาเอ่ยขึ้นพลางยักคิ้วใส่พี่ชาย "โหโยเย ค่าเทอมเลยเหรอน้องรัก เงินในบัญชีพี่พอมั้ยยุ" ยุวดีหัวเราะก่อนจะบอก "น่าจะพอมั้ง ถ้าเฮียดวงไม่ตกต่ำมากนะ" ชัชญานั่งฟังสามพี่น้องเขาคุยกันด้วยสีหน้างง จนกระทั่งยุทธการบอกให้น้องหาผ้ามาปูลงกลางบ้านนั่นแหละ "ตำรวจไทยก็เป็นแบบนี้แหละพี่ เวลาทำงานไล่จับชาวบ้านเขา แต่พอถอดเครื่องแบบก็เป็นอย่างนี้" "แค่ขำ ๆ ครับน้อง หน้าที่ก็คือหน้าที่ นอกเวลาก็คือฟรีสไตล์ โอเค๊" พี่ชายนั่งพิงเสาสับอบายมุขยอดฮิตไปด้วย ชัชญาเห็นแล้วก็ได้แต่ขำ วันนี้ผู้กองถึงกับเป็นเจ้ามือเองเลย (การพนันแค่สนุก ๆ คลายเครียดนะจ๊ะคุณนักอ่าน) ลูกขามีแค่สองคนแต่วางเดิมพันกันสี่ขาเลย ชัชญานั่งอยู่ข้าง ๆ เด็กที่ปากยังกินองุ่นไม่หยุด "ป๊อก ๆ ๆ จ่าย ๆ ครับลูกหนูทั้งหลาย" "ไรอ่ะเฮีย เอาตั้งแต่ตาแรกเลยนะ" ยุวดีเอ่ยขึ้นมา แล้วเงินเดิมพันพี่น้องเขาไม่ได้เล่นห้าบาทสิบบาทนะคะ เขาเล่นกันหลักร้อยจ๊ะ จะจริงจังไปมั้ยนั่น แต่ดูเหมือนเด็กของเธอจะไม่ค่อยโชคดีเท่าไหร แต่ละรอบแต้มก็ต่ำเตี้ยเหลือเกิน แบ้งค์เริ่มย้ายไปกองอยู่ตรงหน้าพี่ชาย ส่วนยุวดียังถือว่าสลับสับเปลี่ยนได้เสียอยู่ "สงสัยจะไม่ได้แล้วมั้งค่าเทอม" ฮ่า ๆ ยุทธการเอ่ยเย้าน้องสาว  ชัชญาเองก็มองคนที่ดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ทั้งที่จำนวนเงินน่าจะหมดเป็นพันแล้ว "เขาเรียกว่าล่อเหยื่อให้ตายใจต่างหากค่ะ" "โห ขนาดนั้นเชียว อ้าว!ป๊อกอีกแล้วครับผมเด้งด้วย จ่ายมา ๆ จ๊ะเด็ก ๆ" "โหย เซ็ง ไมเฮียมือขึ้นจังล่ะวันนี้" ยุวดีบ่นคนเป็นพี่เธอกำลังจะได้กำไรอยู่แล้วเชียว ส่วนน้องเล็กก็ถึงกับต้องเอากระเป๋าตังค์มาเปิดหยิบทุนออกมาใหม่ "แลกมั้ยโยเย" พี่ชายถามเมื่อเห็นน้องเล็กเอาแบ้งค์สีเทาออกมา "ไม่ค่ะ เดี๋ยวก็ได้คืนล่ะ ขาล่ะห้าร้อยนะรอบนี้" โห้วว ว๊าวว เสียงพี่สาวพี่ชายดังขึ้นแต่เจ้าเด็กกลับยิ้มกริ่ม ชัชญาเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มไปด้วย เอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย "เจ้ ตัดก่อน แล้วเฮียสับอีกรอบนะขอไปฉี่แป๊บ" เด็กตัวสูงสั่งเสร็จก็รีบลุกไปห้องน้ำ "นี่น้องกะเอาคืนรอบเดียวเลยนะนั่น ฮ่า ๆ" สองพี่น้องหัวเราะ ไพ่แจกครบขาพอดีเด็กตัวสูงก็ออกมาจากห้องน้ำ รอบนี้เหมือนว่าเจ้ามือจะไม่ป๊อกเพราะแต่ละคนยังลุ้นแต้มกันอยู่ ชัชญาก็พลอยลุ้นไปกับน้องด้วย ขาแรกเป็นไพ่ตัวเดียวกันคือที่เขาเรียก Q ส่วนอีกขาเป็นหกกับเจ็ดเท่ากับตอนนี้มีแค่สามแต้มอีกอันก็บอด น้องเรียกเพิ่มมาอีกอย่างละใบก่อนจะทำท่าลุ้นแบบน่าขำ ไม่ต่างจากยุทธการที่กำลังลุ้นของตัวเองไปด้วย     ชัชญาขยับมามองของน้องใกล้ ๆ เจ้าเด็กหันมายิ้มให้ ขาแรกเหลือเชื่อมากที่มันได้มาเหมือนกันทั้งสามใบเลย เธอไม่ค่อยรู้หรอกว่าแบบนี้จะได้เงินหรือเสีย แต่เห็นน้องอมยิ้มคิดว่ามันคงได้เงินมั้ง ส่วนอีกขาที่น้องกำลังลุ้นอยู่ปรากฏว่าได้มาห้าแต้มเท่ากับน้องมีแปดแต้ม ค่อยยังชั่วมีสิทธิ์ว่าจะไม่เสียตังค์ "อ่ะ เปิดเลยครับ เจ้าสี่แต้ม" ยุทธการเปิดแต้มขึ้นมาตามด้วยยุวดีที่ได้แต้มมากกว่าพี่ชายทั้งสองขา แต่พอน้องเล็กเปิดบ้างพี่สองคนก็ถึงกับร้องอุทาน "เฮ้ย! ตอง เรียง!" ฮ่า ๆ เจ้าเด็กหัวเราะสะใจนักหนา "โอนเข้าบัญชีโยเลยนะเจ้" "โห โยเย เล่นพี่ซะแล้ว เมื่อกี้ไปห้องน้ำหรือไปทำอะไรหึ เท่าไหร่ล่ะเนี่ย ห้าเด้ง กับสามเด้ง ยุจัดการด้วย" ยุวดีที่เป็นคนดูแลบัญชีของทุกคนอยู่แล้ว หยิบมือถือมาทำธุรกรรมการเงิน และเสียงข้อความเตือนก็ดังขึ้นที่มือถือน้อง โยธกาเปิดแล้วส่งให้พี่ดูชัชญาถึงกับเบิกตา โห รอบเดียวน้องเอาคืนแถมได้กำไรมาอีกสองเท่าเลย และก็เหมือนน้องจะมือขึ้นเพราะที่เสียไปหลายใบกลับมากองตรงหน้าแล้ว "นี่กะจะเอาค่าเทอมจริง ๆ เหรอเรา ไม่คิดจะให้พี่เก็บไว้แต่งเมียบ้างหรือไง" "โธ่ หาเจ้าสาวให้ได้ก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวโยให้ยืมค่าสินสอด" พรืดด ฮะ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ทุกคนพากันขำก๊าก ไม่เว้นแม้แต่ชัชญา  "โยเย พูดแบบนี้เหมือนเฮียไร้น้ำยาเลยว่ะ" ยุทธการบอกแต่ก็ยังยิ้มขำไปด้วย "น้ำยามันอาจจะไม่มีความหมายก็ได้นะเฮีย สมัยนี้สาว ๆ เขามีตัวช่วยทำลูกแล้วด้วย" ยุวดีเอ่ยล้อขึ้นมาอีกคน ให้พี่ชายถึงกับตบหน้าผากตัวเอง จนน้อง ๆ พากันขำไปอีก สามพี่น้องพากันเล่นนับแต้มกันไปจนกระทั่งสี่โมงเย็นถึงได้หยุด สรุปก็คือผู้กองเงินหายไปน่าจะเกือบหมื่น เพราะมันย้ายมาอยู่ที่น้องสาวคนเล็กซะส่วนใหญ่     มหกรรมอาหารปิ้งย่างเริ่มขึ้นหลังจากพักสมองจากการนับแต้ม โยธกากับพี่ชายช่วยกันย่างอาหารอยู่หน้าเตา ส่วนยุวดีกับชัชญาก็ช่วยกันทำน้ำจิ้มและจัดอาหารที่สุกแล้วไปเสิร์ฟให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่ ที่ถูกลูกหลานบอกให้นั่งรอกินอย่างเดียว ทั้งกุ้งปูทั้งปลาเผาถูกนำมาวางให้ "เอ้อ มีลูกหลานหลายคนนี่มันก็ดีนะจะได้มีคนคอยดูแลน่ะ ไม่เหงาดี" ยายปิ่นเปรยขึ้น หญิงสูงวัยมองภาพที่หนุ่มสาวเขาช่วยกันทำอาหาร พูดคุยหยอกล้อสนุกสนานก็พลอยมีความสุขไปด้วย  "ถ้าเขารักกันดีนะครับ แต่ถ้าทะเลาะกันทุกวันที่รวมตัวนี่ ผมก็ว่ามีคนเดียวก็พอ โชคดีว่าลูกผมเขารักใคร่กันดี" "นั่นสิ เห็นแล้วก็ดีใจที่ยัยจ๋าได้มารู้จักพวกเธอน่ะ ยายก็เหลือกันอยู่สามคนแค่นี้แหละ" "ต่อไปเราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะคะยาย ทางเราก็ไม่เหลือญาติผู้ใหญ่กันแล้วก็จะถือว่ายายปิ่นเป็นญาติผู้ใหญ่ของเราเลยละกัน หนูจ๋าพวกเราเองก็เอ็นดูแกไม่น้อย เหมือนได้ลูกสาวเพิ่มมาอีกคนดีเสียอีกค่ะ" ศรีวรรณพูดออกมาให้ทั้งยายปิ่นและชาลินีตื้นตันใจเหลือเกิน กับไมตรีที่ครอบครัวนี้มีต่อกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม