ตอนที่11

3051 คำ
"อร่อยและหวานมากเลยค่ะ" "หวานเหรอคะ พี่ก็ผสมเหมือนที่ยายทำนี่นา" น้องอมยิ้มเคี้ยวขนมก่อนจะบอก "ไม่ได้หวานส่วนผสม มันหวานเพราะพี่เป็นคนป้อนต่างหากค่ะ" เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้ได้เห็นริ้วแดง ๆ กระจายขึ้นสู่ใบหน้าขาวของคนเป็นพี่บ้าง "แล้วไป นึกว่าผสมผิดสูตร" ชัชญาบอกออกไปและก็ไม่รู้ว่าเพราะอาการเขินที่น้องเป็นคนก่อ หรือเพราะลืมไป เธอหยิบเอาอีกถ้วยมาตักชิมบ้าง และรสชาติมันก็ไม่ได้หวานผิดปกติอย่างที่คิด "ป้อนด้วยค่ะ" คนที่นั่งยิ้มกริ่มเอ่ยขึ้น ส่วนคนที่ยังไม่ทันคิดอะไรก็เอาช้อนตักชิ้นใหม่มาป้อนน้องอีกแล้ว โยธกาเคี้ยวตุ้ย ๆ ทั้งก็ยังอมยิ้มไปด้วย ไม่อยากจะพูดอะไรออกไปตอนนี้ ให้เสียบรรยากาศ แถมถ้าพี่เขาอายขึ้นมา ต่อไปคงไม่กล้าป้อนอะไรเธออีก เด็กเจ้าเล่ห์เลยได้แต่อ้อนพี่ป้อนไปอีกสี่ห้าชิ้น จนกระทั่งขนมชุดที่สองสุกเรียบร้อย แต่ถึงน้องจะไม่ทักอะไรออกมา ชัชญาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าเราสองคนใช้ช้อนเดียวกันป้อนขนมไปตั้งหลายชิ้น มิน่าล่ะ อีกฝ่ายถึงได้นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด อยากจะบิดแก้มชมพูนั่นให้หายมันเขี้ยวอยู่เหมือนกัน "ไว้คราวหน้าจะพาเอามะพร้าวอ่อนใส่ด้วย อันนั้นก็อร่อย" "หืม แค่คิดก็อยากให้ถึงเสาร์หน้าเร็ว ๆ แล้วค่ะ" น้องเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มกับแววตาที่เป็นประกายตื่นเต้น จนอดยิ้มตามไม่ได้ ทั้งคู่ช่วยกันแคะขนมออกจากถ้วยลงกล่อง มันได้เกือบยี่สิบกล่องแล้วยังเหลืออีกหลายชิ้น เอามาให้สองผู้ใหญ่ชิมอีก "โห เยอะนะเนี่ย พี่ไม่แบ่งไปฝากเพื่อนที่ทำงานเหรอคะ" "เดี่ยวพี่เอาไปสักห้ากล่อง ที่เหลือเราก็เอาไป กินไม่หมดก็แช่ตู้เย็นไว้ได้สองวันไม่เสียหรอก" น้องพยักหน้าจากนั้นก็ช่วยกันเก็บล้างอุปกรณ์ทุกอย่างจนเรียบร้อยก็เที่ยงพอดี ถึงจะกินขนมไปเยอะอาหารกลางวันน้องก็ยังสามารถกินได้อีก ไหนจะตบท้ายด้วยบวชฟักทองไปอีกถ้วย "อร่อย ๆ มีแต่ของอร่อยอิ่มมาก แหะ ๆ" ทุกคนพากันส่ายหน้ายิ้มมองคนนั่งพิงเสาเอามือลูบท้องป้อย ๆ "พี่จ๋า มีบริการแท๊กซี่ที่เรียกประจำมั้ย" บ่ายสองโมงที่จะพากันกลับน้องก็เอ่ยถามขึ้นมา "ก็มีลุงชัยที่แกขับแท๊กซี่ บ้านอยู่แถวนี้แหละค่ะ เดี๋ยวไปขอเบอร์จากแม่ก่อนว่าแกจะว่างไปส่งมั้ย" ชัชญาลงไปเอาเบอร์จากมารดามาโทร "แกไปส่งผู้โดยสารกำลังจะวิ่งกลับมาพอดีค่ะ คงอีกสักครึ่งชั่วโมง ชุดที่ยังไม่ได้ใส่ก็เอาไว้นี่แหละ มารอบหน้าก็จะได้ไม่ต้องขนมาเยอะแยะ" เมื่อพี่บอกคนน้องก็พยักหน้ายิ้มรัว ๆไม่อยากจะพูด เมื่อเช้าพี่ซักเสื้อที่แช่ไว้ให้เธอด้วยล่ะ น้องโยปลื้มปริ่ม พี่น่ารักที่สุด "แต่โยจะขนมาไว้สักสิบชุดค่ะ อืม ไม่เอาดีกว่า ไว้เราไปเดินตลาดนัดแถวนี้แล้วไปเลือกซื้อด้วยกันดีกว่าเน๊อะ" ชัชญามองคนที่ไม่รู้ในหัวมีแผนอะไรบ้าง ก่อนจะพยักหน้าตามใจ ให้เจ้าเด็กฉีกยิ้มกว้างพออกพอใจนักหนา "กลับแล้วนะคะคุณยายคุณแม่ ไว้เสาร์หน้าหนูจะมาโยเยใหม่ค่ะ" เจ้าเด็กขี้อ้อนเข้าไปกอดผู้ใหญ่ทั้งสอง ให้ท่านลูบหัวลูบไหล่ด้วยความเอ็นดู "มาเถอะ มีคนมาช่วยทำขนมยายจะได้เหนื่อยน้อยลง" ยายปิ่นเอ่ยเย้าด้วยรอยยิ้มใจดี "ไว้ให้หนูทำคล่องกว่านี้ก่อนเถอะ ยายแค่นั่งเป็นกำลังใจก็พอค่ะ ที่เหลือหนูจะจัดการเอง" เจ้าเด็กขี้โม้ยังพูดเอาใจคนแก่เข้าไปอีก สองสาวกอดลาผู้สูงวัยอีกครั้งก่อนจะพากันกลับเมื่อรถที่เรียกมาถึงแล้ว โยธกามาถึงบ้านตอนสี่โมงพอดี หลังจากแยกกับคนเป็นพี่ วันนี้วันอาทิตย์ร้านปิด แต่เสียงพูดคุยกันที่ดังแว่วออกมาให้ได้ยิน บอกให้รู้ว่าทุกคนรวมตัวกันอยู่ด้านในนี่แหละ "ฮัลโล ๆ น้องโยกลับมาแล้วจ้า มีของมาฝากด้วยล่ะ" "โอ้โห นี่ไปเหมาขนมเอาใจว่าที่แม่ยายมาหรือไงโยเย" พี่ชายเอ่ยแซวเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนแม้แต่น้องสาวเอง โยธกาถือถุงที่บรรจุกล่องขนมมาตั้งสิบสองกล่อง วางลงที่โต๊ะ "หูย น่ากินอ่ะโยเย ดูสิม๊า มีใส่ฟักทองด้วยค่ะ" ยุวดีดึงกล่องขนมออกมาดู ทำเจ้าเด็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ "ไม่อยากจะอวด ว่านี่ผลงานโยหยอดเองเลยนะคะ มีอย่างเดียวที่ไม่ได้ทำเองคือผสมแป้ง" "เหรอ จริงอ่ะ ไหน ๆ หลักฐาน" นั่นไงล่ะ เพราะสายเลือดตำรวจจะพูดลอย ๆ ไม่ได้ ทุกการกระทำต้องมีหลักฐาน โยธกาจึงเอามือถือมาเปิดคลิปที่คนเป็นพี่ช่วยถ่ายให้ มาเปิดให้ทุกคนดู "น้องสาวพี่ยอดเยี่ยมมาก แบบนี้ต่อไปก็ทำขนมนี่ให้พวกเรากินได้แล้วสิเนี่ย" พี่สาวกล่าวแกมชม พลางตักขนมชิมไปด้วย ขนมถูกแบ่งกันไปชิมคนละกล่อง ไม่เว้นแม้แต่พนักงานในร้านทั้งสองคน "โอ้ย แซบหลาย ๆ คุณโย" หนูดี สาวจากเมืองปากเซเอ่ยชมให้โยธกายิ้มกริ่ม "ถ้าจะทำกินเองก็ต้องไปหาซื้อถ้วยตะไลมาไว้ค่ะ แต่โยผสมแป้งเองไม่เป็นหรอกนะ ต้องให้พี่เขามาผสมให้" หึ ๆ "แหม แผนสูงนะเราน่ะ" ยุทธการเอ่ยแซวน้องสาวอีกรอบ ให้คนเป็นน้องหัวเราะคิกคักที่โดนรู้ทัน "ไปบ้านพี่เขาเป็นไงบ้างลูก" ยศพลเอ่ยถามขึ้นบ้าง "ดีค่ะ ยายกับคุณแม่น่ารักใจดีด้วย ที่สำคัญโยไปผูกสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ คิก ๆ อ้อ ป๊า ปีใหม่นี้จะได้คนไปร่วมทริปที่วังน้ำเขียวเพิ่มอีกสามคนนะคะ" "แหม ร้ายจริง ๆ เลยลูกเราฮ่า ๆ" ยศพลหัวเราะถูกใจ ลองลูกสาวพูดขนาดนี้ก็คงจะไปโปรยเสน่ห์ขี้อ้อนเอาใจคนฝั่งนั้น จนหลงวิชาโยเยเข้าแล้วนั่นแหละ      ศุกร์ต่อมาโยธกาก็มารอคนเป็นพี่ที่ป้ายรถเมล์หน้าที่ทำงานเหมือนเดิม แต่รอบนี้ เธอเอาแค่หมูกรอบมาอย่างเดียวเพราะเมนูที่ตั้งใจชวนพี่เขากินเย็นนี้ คือจิ้มจุ่มร้านที่ขายปลาเผานั่นแหละ ใช้เวลาเดินทางไม่ต่างจากคราวก่อน ทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ที่ร้านซึ่งมีโต๊ะตั้งขายอยู่ตรงริมฟุตบาท และด้านในที่เป็นเพิงมีหลังคา พวกเธอเลือกนั่งด้านนอกเพราะวันนี้อากาศดี ไม่มีเมฆให้ห่วงว่าฝนจะเทลงมา "จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกนะที่พี่กินจิ้มจุ่มร้านนี้น่ะ เคยแค่ซื้อปลาเผาไปกิน" ชัชญาเอ่ยขึ้นในขณะที่รอของที่สั่งมาเสิร์ฟ "ดีแล้วค่ะ ถ้าอยากจะกินอีกก็รอมากินพร้อมโยนะ อย่ามานั่งกินคนเดียวเด็ดขาดเลย" "ทำไมคะ" "ก็โยหวงอ่ะ ห่วงด้วย ร้านแบบนี้ส่วนมากก็ชอบมีผู้ชายเป็นกลุ่มมานั่งดื่มกินกันด้วย ถ้าพี่มานั่งคนเดียวเชื่อเถอะ ต้องมีคนเข้ามาวอแวแน่ คือ คนเมาน่ะพี่สติมันไม่ค่อยจะมีหรอก" ชัชญาได้ฟังเหตุผลก็พอจะเข้าใจ คนเป็นพี่ระบายยิ้ม ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ "ก็ไม่เคยคิดจะมานั่งกินคนเดียวสักทีนะคะ ถึงจะไม่มีเหตุการณ์อย่างที่เราบอกก็เถอะ มันก็ดูเขิน ๆ น่ะ คนอื่นเขามากันเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ เรานั่งคนเดียวมันก็ดูยังไงอยู่" "นั่นแหละค่ะ ต่อไปพี่ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรคนเดียวแล้ว น้องโยอยู่ตรงนี้เรียกใช้บริการได้เสมอเลยค่ะ" เจ้าคนทะเล้นโปรโมทตัวเองอีกแล้ว "พูดยังกะตัวติดกันตลอดอย่างนั้นแหละ" ชัชญาพูดพลางหัวเราะไปด้วย "แต่ถ้าเมื่อไหร่พี่ต้องการเรียกใช้ โยก็จะรีบมาหาทันทีเลยนะ" เจ้าเด็กพูดด้วยรอยยิ้มที่เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ "พี่จะไปไหนละคะ นอกจากทำงานแล้วก็กลับบ้านแค่นั้นแหละ ว่าแต่เราเถอะ ไปกินเที่ยวกับเพื่อนบ่อยหรือเปล่า" คนเป็นพี่ถามบ้าง ตั้งแต่รู้จักกันมาก็เดือนกว่าแล้ว เธอก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวน้องเลย "ไม่ค่อยบ่อยหรอกค่ะ ส่วนมากพวกเราจะนัดสังสรรค์กันก็คือวันเกิดกับหลังสอบเสร็จแค่นั้น คือบังเอิญว่าเพื่อนสนิทในกลุ่มโยมีหกคน ชายสามหญิงสามและก็เกิดเดือนเดียวกันด้วยค่ะ ที่รู้จักกันก็เพราะตอนรับน้อง รุ่นพี่เขาจัดกลุ่มให้ใครเกิดเดือนเดียวกัน มาอยู่ด้วยกัน พวกเราเลยสนิทกันมาจนทุกวันนี้ เวลาฉลองวันเกิดก็จะรวบยอดครั้งเดียวไปเลย ส่วนมากโยจะอยู่กับครอบครัวมากกว่า ไม่ค่อยไปเที่ยวไหนกับเพื่อนหรอกค่ะ ว่างก็คือทำงานตัวเอง แล้วพี่จ๋าล่ะมีเพื่อนสนิทมั้ย" คนเป็นพี่พยักหน้า "ถ้าแบบสนิทจริง ๆ คุยกันได้ทุกเรื่องก็มีแค่สองคนค่ะ รู้จักกันตั้งแต่มัธยมปลาย แล้วก็สอบได้ที่เดียวกันคณะเดียวกันด้วย แต่พอต่างคนต่างทำงานนาน ๆ จะได้เจอกันส่วนมากก็วันเกิดของใครสักคน และหนึ่งในนั้นก็คนที่พี่บอกว่าเขาคบผู้หญิงนั่นแหละ" "เหรอคะ เอ่อ แล้วทุกวันนี้พวกพี่เขาก็ยังไม่มีใครเปลี่ยนไปใช่มั้ยคะ" ชัชญาพยักหน้าเมื่อนึกถึงคู่ของเพื่อน ถึงเพื่อนเธอมันจะดูงี่เง่าในบางครั้ง แต่มันก็นิสัยดีส่วนแฟนเพื่อนก็ดีหน่อย ที่อีกคนไม่เจ้าชู้และก็เหมือนจะตามใจเพื่อนเธอพอสมควร "ดีจังเลย อย่างน้อยพี่ก็มีเพื่อนสนิทให้เห็นเป็นตัวอย่าง ว่าความรักแบบนี้มันก็ยืนยาวได้เหมือนกันว่ามั้ยคะ" คนเป็นพี่อมยิ้มก่อนจะพยักหน้า "มันก็คงแล้วแต่คนนั่นแหละค่ะ ถ้าเจอคนดีก็โชคดีไป หลายคนที่พี่เห็นเลิกรากันไปมีคนใหม่ก็มีให้เห็นเยอะเหมือนกัน" "แต่ถ้าพี่เลือกน้องโยคนนี้ มันจะไม่เป็นแบบนั้นเลยนะ" ชัชญาหัวเราะมองคนที่พรีเซ้นต์ตัวเองแทบจะทุกเรื่องก็ว่าได้ "เรื่องนำเสนอตัวเองนี่ ไม่มีใครเกินจริง ๆ เลยนะเราเนี่ย" ฮ่ะ ๆ "ก็เสนอแค่กับพี่คนเดียวแค่นั้นละค่ะ โยบอกแล้วไงว่าแค่อยากเป็นคนสำคัญในใจใครสักคนก็พอ และคน ๆ นั้นโยก็อยากให้เป็นพี่" คำพูดบอกความรู้สึกอันซื่อตรงที่ได้ฟัง มันสามารถทำให้หัวใจคนฟังฟองฟูไปได้เหมือนกันนะ ชัชญามองเจ้าเด็กที่อายุห่างกันห้าปีก่อนจะอมยิ้ม "พี่ให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแล้ว ก็ใช้มันแสดงให้พี่เห็นสิคะ ว่าเด็กอายุยี่สิบเอ็ดคนนี้จะไม่ทำให้พี่เสียใจน่ะ" คำพูดที่ได้ยินมันเหมือนมีเสียงดังคลิ๊คขึ้นข้างหู เหมือนมีสัญญาณบ่งบอกว่าคนนี้แหละที่รอคอย "แน่นอนค่ะโยจะใช้และรักษาโอกาสนี้แสดงให้เห็นว่า ถึงโยจะยังไม่โตเต็มที่แต่โยจะไม่ทำให้พี่ต้องอายใคร ที่เลือกเด็กคนนี้เป็นแฟน" จะเขินก็ใช่จะหมั่นไส้ก็ไม่เชิง กับคนที่นั่งตัวตรงพูดออกมาต่อหน้ากัน เฮ้อ ดีนะที่โต๊ะมันห่างกัน หวังว่าคงไม่มีใครสนใจฟังบทสนทนาของเราสองคนหรอกนะ ชัชญามองไปรอบ ๆ ที่ร้านมีคนเริ่มมานั่งสั่งของกินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่ได้อายที่จะมีคนรักเป็นผู้หญิงด้วยกัน ขอแค่คน ๆ นั้นไม่ทำให้เธอเสียใจก็พอ      ไม่ว่าจะตั้งใจหรือเพราะวางใจจนเริ่มชินพอตื่นนอนมาอีกทีก็เป็นแบบนี้ เดี๋ยวน้องกอดพี่ ไม่ก็พี่เข้าไปซุกกอดน้อง แต่ครั้งนี้ไม่มีคำล้อให้เขินอาย นอกจากคำอ้อนให้พี่หมั่นเขี้ยวแต่เช้า "ถ้าได้ตื่นมาในอ้อมกอดกันแบบนี้ทุกเช้าคงจะดี อือ ๆ อุ่นจัง" อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นพร้อมกับขยับโยกเบา ๆ "ลุกได้แล้วค่ะ ไปจัดการหน้าที่ตัวเองเลย" ชัชญาจับคางคนที่กอดรัดกันส่ายไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว นอนกอดกันมันก็อุ่นดีหรอกนะแต่มันก็เขินอยู่ดีแหละ เจ้าเด็กยอมปล่อยคนเป็นพี่ออกจากอ้อมกอด รอยยิ้มของความสุขเกลื่อนบนใบหน้ายามมองตามไม่ว่าพี่จะทำอะไร เราสองคนกินมื้อเช้าง่าย ๆ อย่างเคย ก่อนจะลงมือทำหน้าที่ของตัวเอง พี่ซักผ้าน้องทำความสะอาดห้อง และถึงเวลาก็เรียกบริการลุงจ่าศักดิ์ให้ไปส่งเหมือนเดิม โฮ่ง ๆ เสียงทักทายของเจ้าโปเต้วิ่งเข้ามาต้อนรับ และครั้งนี้โยธกาก็ไม่ลืมเอาอาหารโปรดของมันติดมือมาด้วย "ให้กินแค่ครึ่งห่อก็พอนะคะ กินมากเคยตัว" คนเป็นพี่เอ่ยบอก เมื่ออีกคนเอาขนมห่อใหญ่ที่ขนมาหลายถุง ไปแกะให้สุนัขของเธอ "น้องโยมาแล้วค๊า ขอกอดหน่อย" ร่างสูงปรี่เข้าไปกอดยายกับแม่ก่อนลูกสาวตัวจริงเสียอีก ชัชญาได้แต่ส่ายหน้ายิ้มกับความขี้อ้อนน่าหมั่นไส้นั่น "ขนอะไรมาเยอะแยะละนั่น" ยายปิ่นชี้ที่ถุงใบใหญ่ "ของฝากโปเต้ทั้งนั้นเลยค่ะ หนูเอามาจากบ้าน มันเป็นขนมที่หนูก็ชอบกินด้วยแหละ" "อ่าว สรุปคนชอบขนมหมา หรือหมามันชอบขนมคนละเนี่ย หึ" ฮ่า ๆ คำเย้าของคนสูงวัยก็เรียกเสียงหัวเราะฮาของเจ้าเด็ก ที่ดันชอบขนมแบบเดียวกันกับหมาซะแล้ว "แถวนี้มีตลาดนัดมั้ยคะ" โยธกาถามขึ้น เมื่อเป็นเวลาพักผ่อนของผู้ใหญ่ทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนบ้าน "มีค่ะ มีทุกวันเสาร์ ตรงหน้าหมู่บ้านไม่ไกลจากนี่เท่าไหร นั่งวินไปสิบห้าบาท" "งั้นเย็นนี้เราไปเดินกันนะคะ" คนพี่พยักหน้าก็ไม่เคยที่จะไม่ตามใจอีกฝ่ายสักที ตอนนี้ถึงได้มาเดินเลือกเสื้อผ้าอยู่นี่ไง "พี่ แบบนี้น่ารักมั้ย" น้องหยิบเสื้อยืดราคาร้อยเก้าเก้าสีเทามาให้ดู มันก็เสื้อยืดคอกลมธรรมดา แค่มีสกรีนตัวหนังสือคำว่าLove ตรงด้านหลังแค่นั้น ส่วนด้านหน้าก็มีรูปหัวใจเล็ก ๆ ตรงอกซ้าย "ก็สวยดี เราชอบสีนี้อยู่แล้วนี่" "อืม เสียดายที่มันไม่ใช่คอวีน่ะ" เห็นน้องบ่นแบบนั้นเธอก็นึกว่าจะไม่เอา ที่ไหนได้ดันไปเลือกอีกตัวที่เหมือนกันแต่เป็นสีขาว มาโชว์ให้เธอดูแล้วยิ้มกริ่ม "หนูเอาสองตัวนี้พี่" ชัชญาอยากจะกลอกตามองบน เสื้อคู่มาแล้วจ้า เห็นสภาพตัวเองในอนาคตอยู่รำไร ว่าจะโดนเจ้าเด็กตัวสูงอ้อนจนไม่อยากขัดใจตามเคย หลังพากันเดินเลือกซื้ออยู่หลายร้าน น้องก็ได้เสื้อกับกางเกงมาเกือบสิบตัว ก่อนจะพากันไปเดินซื้อกับข้าวมื้อเย็น ชัชญาเดินไปร้านประจำที่เคยซื้อบางอย่าง "กินมั้ย" พี่หันมาถามและน้องก็พยักหน้า มันคือเต้าฮวยนมสดที่มีพวกผลไม้สามสี่อย่างโปะหน้าด้วย "เอาห้าถ้วยค่ะ เจ้านี้พี่กินประจำอร่อยดี แม่กับยายก็ชอบด้วย" เมื่อได้ของกินหลายอย่างก็พากันกลับ วิถีชีวิตของบ้านนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ทานมื้อเย็นเสร็จก็มาเตรียมของสำหรับทำขนม จากนั้นก็อาบน้ำเข้านอนแต่หัววัน ก็เพิ่งรู้ว่ายายกับแม่ไม่ติดละคร ท่านจะเปิดดูแค่ช่วงข่าวแค่นั้น ตื่นเช้ามาอีกวันโยธกาก็หยิบจับอะไรคล่องมากขึ้นแล้ว จึงช่วยทำให้การแคะขนมใส่กล่องวันนี้เสร็จเร็วขึ้น "ทุ่นแรงยายไปเยอะเลยนะเนี่ย เก่ง ๆ" คนสูงวัยเอ่ยชมเมื่อออเดอร์ชุดแรกเสร็จตั้งแต่หกโมง ก่อนที่จะปล่อยให้สองสาวไปทำบุญใส่บาตรอย่างครั้งก่อน เมื่อขนมตามออเดอร์ครบหมดก็เป็นการทานมื้อเช้า และจบมื้ออาหารโยธกาอาสาล้างถ้วยชาม เพราะคนเป็นพี่ไปซักผ้าที่เราไปเดินซื้อมาเมื่อวาน แต่คราวนี้ใช้เครื่องปั่นเอาไม่นานก็เสร็จ   และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะทำขนมกลับไปฝากคนที่บ้านอีกครั้ง ด้วยเมนูขนมถ้วยหน้าผสมมะพร้าวอ่อน และที่ทำให้เจ้าเด็กอมยิ้มไม่หุบ ก็คงเพราะพี่คอยป้อนขนมแสนอร่อยนี่แหละ   "พี่ทำให้โยหลง จนเรียกว่าโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะเนี่ย" คนเป็นพี่ยกยิ้มจะว่าเธอตั้งใจเอาใจเด็กก็ไม่ผิดหรอก แถมยังตั้งใจที่จะใช้ช้อนร่วมกันแบบรู้ตัวนี่แหละ "ก็ดีค่ะ หลงแบบไม่มีสายตาไปมองใครอีกเลยนั่นยิ่งดี" โยธกาหัวเราะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม