ล่า.. Chapter 5

1839 คำ
ทั้งเฮนรี่และไซมอนต่างพยายามชะเง้อมองเนินเนื้อที่โผล่มาอย่างวับแวม แต่น่าเสียดายที่เจ้านายเขารีบก้มหน้าลงซบเสียก่อน ศีรษะทุยจึงบดบังเนินเนื้อขาวผ่องที่ปรารถนาที่เชยชมร่วมกับเจ้านาย จ๊วบ “อื้ม” ดวงตาคมเข้มปิดลงอย่างเคลิบเคลิ้ม ปลายยอดถันมันกำลังแข็งเป็นไตสู้ มันช่างนุ่มละมุนลิ้นอะไรเช่นนี้ ดารัณหวีดร้องครืดคราดใต้ฝ่ามือ ดวงตาเบิกถลนด้วยความตื่นกลัว หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดดับลง ... ปัง! ดารัณยกฝ่ามือขึ้นปิดปาก เธอเห็นชายชาวต่างชาติโดนธีร์เทพยิงแบบเต็มๆตา ชายคนนั้นนอนแผ่หลาบนผืนทราย รสาหวีดร้องขึ้น แต่เธอยังคงยืนทื่อไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเปล่งเสียงใดๆออกมาได้ “ไปกันเร็ว” ธีร์เทพรีบจูงมือลากตัวเธอไป “ไม่ๆๆธีร์ กลับไปช่วยเค้าพาเค้าไปส่งโรงพยาบาลก่อน” เธอพยายามรั้งไว้จนเท้าจิกฝังทรายเป็นทางลากยาว “จะบ้าเหรอรัณ ไปให้ตำรวจจับเหรอ สภาพแบบนั้นไม่มีทางรอดหรอก ไปเร็ว” ระหว่างนั่งรถกลับนั้นเธอและเขาทะเลาะกันมาตลอดทาง เธอหวาดกลัวและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก “เธอมันใจร้อนวู่วามกินไป” “แล้วไง ก็มันจะทำร้ายเธอนะรัณ” “ทำไมต้องถึงขั้นฆ่าแกงกันด้วยเล่า” เธอแหกปากร้องออกมาด้วยความโมโห กำปั้นเล็กทุบตีแผ่นหลังเขาเพื่อระหายความโกรธ “โธ่เว้ย กูก็ทำเพื่อมึงไง!” ธีร์เทพเบรกกะทันหันจนใบหน้าชนกับแผ่นหลังกว้าง “เฮ้ยใจเย็นดิวะ” กลุ่มรถเพื่อนของเขาจอดข้างๆ “เราจะเอาไงดีวะ” “หนีสิ ไปมอบตัวให้พ่อมึงจับเข้าตะรางหรือไง” “แล้วจะไม่มีคนเห็นเราใช่มั้ยวะ” “ไม่มีโว้ย กูว่าเราแยกกันตรงนี้เถอะ กูจะพารสาไปสงบสติอารมณ์ก่อน” “โอเค ตกลงว่าวันนี้เราไม่ได้ทำอะไรนะ” “เฮ้ย แต่ที่พักเราก็ใกล้ที่เกิดเหตุนะเว้ย เจ้าของโรงแรมก็ต้องมีข้อมูลดิ” “เรื่องนี้กูจัดการเอง พวกเราแยกย้ายกันกลับเหอะ” ธีร์เทพเสนอ ขณะที่เธอชะงักกับสิ่งที่ได้ยินทุกคนปรึกษาหารือกัน พวกเขาทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยอมรับว่าเธออึ้งกับเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบ มันเป็นเรื่องใหญ่และเลวร้ายที่สุดในชีวิตเธอ ปิดเป็นความลับหรือ ชีวิตต่อไปนี้เธอคงหวาดผวาและรู้สึกผิดไปตลอดแน่ “เราเลิกกันเถอะ” ดารัณตัดสินใจเอ่ยคำตัดขาดขณะที่เขาพาเธอมาถึงหน้าบ้าน “ไม่มีทางรัณ ธีร์ไม่ยอมเลิก เชื่อเถอะว่ารัณจะไม่เดือดร้อนแน่นอนเชื่อใจเรานะ” “เห้อ ธีร์ ธีร์ไม่เข้าใจ เราว่ามันหนักหนาเกินไปเกินรัณจะรับได้ไหวแล้ว” “ค่อยคุยกัน แต่ตอนนี้รีบเข้าไปในบ้านเราก่อน” เขาเอ่ยพลางหันรีหันขวางก่อนพาเธอเข้าไปในเขตรั้วบ้านขนาดใหญ่ เรียกว่าเป็นคฤหาสน์เสียมากกว่า เพราะมันใหญ่โตมโหฬารเหมือนกับที่เคยเจอในละครหลังข่าว เธอกวาดมองไปรอบๆความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เท้าเหยียบลงบนเมืองกรุงครั้งแรกก็ไม่ปาน ร่างบางนั่งตัวลีบบนโซฟาหรู เธอได้ยินเสียงพ่อของธีร์เทพกำลังดุด่าลุกชายดังลั่น นอกจากนั้นยังมีเสียงเล็กและเบาของผู้เป็นแม่ที่พยายามทำหน้าที่เป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ยให้การสนทนาดำเนินต่อไปได้ ผ่านไปสักพัก เสียงทะเลาะกันเงียบลงจนเธอสงสัย ร่างบางแอบย่องไปส่องมองห้องทำงานของพ่อเขาที่อยู่ถัดออกไป และบังเอิญประตูไม่ได้ปิดพอดี เธอเห็นร่างท้วมใหญ่ของผู้พ่อกำลังเดินวนไปมาขณะกำลังติดต่อหาคนรู้จักคนแล้วคนเล่าเพื่อหาทางช่วยปกปิดสิ่งที่ลูกชายก่อ ส่วนคนแม่นั้นอยู่ในชุดนอนกรุยกรายกำลังลูบหลังลูกชายตนเอาไว้ “รู้มั้ยว่าแม่เสียใจมากแค่ไหนที่เราทำตัวแบบนี้ เห้อ คราวนี้ต้องตั้งใจเรียนให้จบ ห้ามเกเรก่อเรื่องไม่ดีอีกเด็ดขาดนะ เพื่อนเลวๆก็อย่าไปคบมัน เลิกคบค้าสมาคมกับไอ้พวกเด็กแว้นนั่นได้แล้ว ไหนจะพาสก๊อยเข้าบ้านอีก โอ๊ย แม่รับไม่ได้” “แม่ ดารัณไม่ใช่สก๊อย เธอเรียนอยู่ปีสามแล้วแม่ เธอเป็นคนดี เรียนเก่งมากด้วย แม่ก็รู้ว่าผมไม่เคยพาผู้หญิงเข้าบ้านเลยแต่ดารัณเธอพิเศษสำหรับผมจริงๆครับ” ดารัณมองสีหน้าและแววตาของเขาที่ออกโรงป้องเธอ ความเกลียดชังในตัวเขาจึงจางลง คำว่าให้โอกาสจึงแทรกเข้ามาในจิตใจโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้เอ่ยขอด้วยซ้ำ แต่เธอพร้อมจะให้โอกาสหากเขาพร้อมจะกลับใจเป็นคนดีไม่มีนิสัยอันธพาลเช่นนี้อีก เมื่อรู้สึกว่าละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของครอบครัวเขาเกินไป เธอจึงรีบถอยกลับไปนั่งรอที่เดิมและผล็อยหลับลงโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า “อื้อ” ดารัณสะดุ้งตื่นขณะอยู่ในอ้อมกอดเขา “ธีร์ ปล่อยรัณ” “นอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับ” ร่างสูงอุ้มพาเธอไปยังห้องนอน “ไม่ๆๆ” เธอรีบแย้ง ต่อให้คฤหาสน์หลังนี้จะสวยงามน่าอยู่สักแค่ไหนเธอจะไม่มีทางนอนค้างอ้างแรมบ้านผู้ชายเด็ดขาด เธอไม่รับข้อเสนอที่เขาจะเป็นฝ่ายขับรถไปส่งที่หอพักโดยเลือกนั่งแท็กซี่กลับแทน วันต่อมาข่าวการตายอย่างปริศนาของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเกิดเป็นข่าวใหญ่โตทั่วประเทศ เธอกระวนกระวายจนไม่สามารถออกไปทำตัวปกติได้จึงขาดเรียนในวันนั้น เดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นคล้ายคนบ้า และมั่นแน่แก่ใจว่าชีวิตต่อจากนี้ไม่มีทางจะสงบสุขหรอกถึงจะไม่ถูกสาวถึงก็ตาม แต่ในใจคงร้อนรุ่มกระวนกระวายด้วยความรู้สึกผิดแบบนี้ไปตลอด ผ่านไปสองวันเธอและรสาแทบนั่งไม่ติดเมื่อการตายของสายชล ศิณะ และวรุธดูมีเงื่อนงำน่ากลัว ทั้งสองไม่เป็นอันหลับอันนอนสืบเสาะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มมีอิทธิพลที่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ง่ายดาย กระทั่งไปค้นเจอกลุ่มอาชญากรรมรายใหญ่ระดับประเทศและมีเครือข่ายสมาชิกทั่วโลก พวกเธอภาวนาว่าชายที่เสียชีวิตนั้นจะไม่รู้จักหรือเป็นหนึ่งในจำนวนหมื่นคนที่เป็นสมาชิกแก๊งค์มาเฟียในรัสเซีย “พวกนั้นเหมือนเสือที่น่าเกรงขาม พอได้รวมตัวกันแล้วเหมือนไฮยีน่าที่รุมทึ้งเหยื่อก็ไม่ปาน น่ากลัว เลือดเย็น ไร้ความปราณี หากใครคิดจะเป็นศัตรูจะถูกแหกเป็นชิ้นๆ ดูแค่ละข่าวสิ โอ๊ยฉันกลัว ส๊าธุ ขออย่าให้เป็นอย่างที่พวกเรากลัวเลย” รสายกมือสั่นเทาพนมขึ้นเหนือศีรษะด้วยความหวาดกลัว ‘รสา เราไปมอบตัวกันเถอะนะ’ .. ‘ไปมอบตัวกัน’ .. ‘เราหนีความจริงไม่พ้นหรอก’ .. ประโยคทั้งหลายเหล่านี้เป็นเพียงเสียงสะท้อนมาจากจิตใต้สำนึกจากห้วงลึกในใจของดารัณ แต่เสียดาย ที่เป็นได้แค่ฝัน เธอกำลังฝันถึงเหตุการณ์เก่าๆอีกแล้ว ในฝันเธอกล้าไปมอบตัว และพบว่าตนสบายใจขึ้นมาก แต่เสียดายที่ความจริงเธอเองก็ขี้ขลาดจนไม่กล้าเสนอสิ่งที่ถูกที่ควรทำนั้น ไม่อย่างนั้น รสาคงไม่ตาย เธอก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้ “อานอชชินชูระ!” เสียงนั้นแทรกซ้อนเข้ามาในฝันอีกที เสียงที่เธอแสนหวาดกลัว ภาพของชายคนนั้นที่กำลังทำหน้าขึงขั และตะคอกใส่เธอเสียงดัง เธอฝันถึงเสียงเหล่านั้นมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ เป็นภาษารัสเซียนฟังไม่ได้ศัพท์ของชายคนนั้นก่อนที่จะถูกธีร์เทพเข้ามาช่วยเธอและปลิดชีวิตเขาด้วยกระสุนหนี่งนัด เธอสะดุ้งตื่นผวาและไม่เคยได้นอนหลับสนิทสักคืน มันตามหลอกหลอนเธอมาจนทุกวันนี้ ดารัณพยายามบอกตัวเองว่านี่คือฝัน เธอพยายามดิ้นหนีจากเงื้อมมือใหญ่ของชายคนนั้น และย้ำเตือนในใจว่านี่แค่ฝัน มันคือฝันนะดารัณ ตื่นได้แล้ว แต่ยิ่งส่ายหน้าหนี ชายคนนั้นยิ่งตะคอกใส่หูเป็นเสียงสะท้อนดังขึ้น ดังขึ้น “อานอชชินชูระ! ..อูนิโยมาราโก! ..นิคากิยา!” เสียงใหญ่ตะคอกอย่างดุดัน พร้อมถลึงตาใส่เธอ ดวงตาเขาแดงฉานเรื่อยๆ จนกลายเป็นหยดเลือดไหลย้อยลงมาตามกรอบหน้า “กรี๊ดดดดดดด” ดารัณหวีดร้องขณะดีดกายผึงขึ้นนั่ง หัวใจเต้นตุบตับราวกับจะหลุดจากอก “ฟู่ว ฝันอีกแล้ว” ฝ่ามือเล็กทาบวางบนอก เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นตามกรอบหน้า แต่ไม่สิ! เหตุการณ์ก่อนที่เธอจะหลับหรือหมดสติไปล่ะ? เธอจำได้แล้ว ว่ากำลังถูกไอ้เถื่อนหน้าเหี้ยมนั่นลวนลาม ดารัณรีบก้มมองตัวเองพบเสื้อผ้ายังดีอยู่ และไม่รู้สึกว่าตรงหว่างขาจะเจ็บปวด แต่ไม่สิ เธอถูกสวมเสื้อผ้าและชุดชั้นในตัวใหม่ สิ่งนี้แหละที่ทำให้เธอสับสนและไม่มั่นใจ เธอกำลังนั่งอยู่บนรถลีมูซีนคันใหญ่ที่กำลังวิ่งไปด้วยความเร็วปกติหันมองไปรอบๆไร้เงาไอ้เถื่อน เธอถอนใจโล่งอกอีกครั้งก่อนโพล่งถามทำลายความเงียบ “นี่ พวกแกจะพาฉันไปไหน” เธอร้องถามชายฉกรรจ์สองคนที่นั่งบนเบาะด้านหน้า แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เหมือนตัวเองกำลังคุยกับหุ่นขี้ผึ้งร่างยักษ์ก็ไม่ปาน เธอไม่รอช้ารีบขยับกายไปนั่งชิดขอบกระจกมองดูทางรอบนอกเผื่อมีโอกาสหนีจะได้รู้จักทางหนีทีไล่ แต่ดูแล้วคงไม่น่ารอด เพราะวิวสองข้างทางเป็นป่าทึบที่แสนน่ากลัวและไม่คุ้นสายตาเอาเสียเลย สังเกตสภาพภูมิอากาศมีหมอกปกคลุมหนาทึบ ต้นสนสูงใหญ่เรียงรายกระจายกันตามหน้าผา รถแล่นไปตามเนินเขาและหุบเขาสลับกันขึ้นลงจนเธอเกือบสำรอก ทำไมปลายทางมันดูลึกลับขนาดนั้นนะ พวกมันจะพาเธอไปไหน? คงไม่คิดจะเอาเธอมาโยนทิ้งหน้าผาหรอกนะ ถ้าจะตายคงตายตั้งแต่อยู่บนเรือแล้วสิ อาจจะเพราะเธอยังมีประโยชน์ในการเป็นตัวล่อให้ธีร์เทพออกมาเขาจึงได้ไว้ชีวิตกระมัง “สู้ต่อไป เข้มแข็งเข้าไว้ยัยรัณ” เธอพยายามปลอบใจตัวเองทั้งที่ลึกๆนั้นกลัวแทบขาดใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม