บทที่1.คุณหญิงประกาย พงษ์ไพศาสกิจ

1555 คำ
บทที่1.คุณหญิงประกาย พงษ์ไพศาสกิจ “ดอกปีบ...ไปตามพ่อหลานชายตัวดีของฉัน ให้มาพบฉันสักหน่อยซิ! ใจคอจะปล่อยให้ย่าแก่ๆ รออยู่อย่างเดียวดายโดยไม่คิดจะเหลียวแลเลยรึยังไงหะ” เสียงแหบเครือของหญิงสูงวัยบอกกาสะลอง เด็กรับใช้ใกล้ชิดที่คุณหญิงประกายรับเลี้ยงมาแต่เยาว์วัย “ค่ะ...คุณท่าน” เธอรับเสียงหวาน กระถดตัวถอยหลัง ออกไปจากห้องนอนโอ่อ่า เธอหยัดกายลุกขึ้นยืน ถอนหายใจเฮือกๆ ด้วยความหนักใจ เมื่อคิดถึงเขา... เปรม เจนาส พงษ์ไพศาสกิจ หลานชายเพียงคนเดียวของคุณหญิงประกาย เขาเข้มแข็งองอาจ รูปงามประหนึ่งเทพบุตรในนิทาน และเพราะความสามารถ เขาประสบความสำเร็จในถนนนักธุรกิจได้อย่างงดงาม โดยไม่ได้อาศัยชื่อเสียงของพงษ์ไพศาสกิจเป็นฐาน มันเป็นเรื่องราวแต่หนหลัง ที่กาสะลองเกิดไม่ทัน... ประชัน พงษ์ไพศาสกิจบุตรชายคุณหญิงประกายได้ภรรยาตอนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โดยที่ไม่ได้รับการเห็นชอบจากครอบครัว เขาปกปิดเรื่องภรรยาเป็นความลับ มารดาของเปรมถูกรังเกียจ และไม่ยอมรับจากครอบครัวฝ่ายชาย เธอจำใจหอบลูกน้อยกลับบ้านเกิด หลังถูกขับไล่และไม่ได้รับการเหลียวแล พิทีเซียจากไปพร้อมเด็กชายแรกเกิดที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เธอหายไป...จากชีวิตสามี และแม่สามีผู้หยิ่งยโส ประชันแต่งงานใหม่ในเวลาไม่นานกับผู้หญิงที่ทางครอบครัวเขายอมรับ...โสภาพรรณสาวคือผู้หญิงคนใหม่ เธออยู่ในสังคมเดียวกัน เป็นไฮโซลูกหลานคนมีสกุล... ครอบครัวใหม่ของบิดามีความสุขดี เขาลืมเด็กชายตาดำๆ ที่เป็นบุตรเสียสนิทใจ ภรรยาใหม่กำเนิดบุตรเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน แต่ดูเหมือนฟ้าดินจะกลั่นแกล้งคุณหญิงประกาย... เมื่อหลานใหม่กำเนิดขึ้นมามีแต่ผู้หญิงล้วนๆ พรรณนารายและเพลินตา งดงามสมวัย แต่ไม่สามารถสืบทอดกิจการอันยิ่งใหญ่ของบิดาได้ กิจการค้าขายที่ต้องใช้ทักษะสูง การแข็งขันที่ต้องอาศัยชั้นเชิงและความสามรถในสนามธุรกิจ พงษ์ไพศาลกิจจำเป็นต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง...ประจวบเหมาะกับข่าวคึกโครม ของนักธุรกิจหนุ่มต่างแดนที่มาทำธุรกิจในเมืองไทย เจนาสกรุ๊ปเปิดตัวอย่างอลังการ...เขาขยายกิจการเดินเรือ มาเปิดทางเลือกใหม่ให้กับประเทศไทย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หนุ่มหล่อผิวเข้ม นัยน์ตาคมดุปานดวงตาพญาเหยี่ยว รูปร่างสูงใหญ่สมชายชาตรี วิสัยทัศน์เฉียบแหลม และเปลี่ยมไปด้วยพละดึงดูดทางเพศ “ดอกปีบจะไปตามคุณเปรมได้ยังไงกันคะคุณท่าน! คุณท่านตามเองนับสิบครั้ง พ่อเจ้าประคุณยังไม่สนใจเลย...คนอะไรใจดำชะมัด! ปล่อยญาติผู้ใหญ่ให้คอยอยู่ได้” กาสะลองบ่นพึมพำด้วยความหนักใจ ดวงตาหม่นเศร้า สงสารผู้อุปการคุณสุดหัวใจ เธอจึงพยายามทำตามคำขอร้องประกายด้วยความตั้งใจจริง “ย่าผิดไปแล้วเปรม ย่าขอโอกาสแก้ตัวได้ไหมลูก” เสียงแหบเครือรำพันด้วยความอ่อนล้า นัยน์ตาฝ้าฟางเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เมื่อนึกถึงนัยน์ตาดำขลับของเด็กชายวัย12 ปี ที่มองท่านด้วยแววตาตัดพ้อ อดีต10ปีกว่าที่ผ่านไปแล้ว… “ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอเคยเป็นเมียประชันมาก่อนหรือเปล่า? เธอจะเอาเด็กคนนี้มาเรียกร้องอะไรกับฉันหรือแม่พิทีเซีย ฉันขอไม่รับรู้เรื่องราวแต่หนหลังของพวกหล่อนหรอกนะ ตอนนี้... ในเวลานี้...ประชันเขามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ถ้าอยากได้ค่าเสียเวลา ฉันจะจ่ายให้เธอเอง แต่ฉันไม่ขอรับลูกของเธอเป็นหลานหรอกแม่คุณ เหตุการณ์มันผ่านไปนาน นานจนต่อไม่ติดแล้วล่ะ ฉันก็ไม่อยากให้ประชันกับโสภาพรรณเขาหงุดหงิดใจ” คุณหญิงประกายพูดเสือกไสไล่ส่ง เมื่อจู่ๆ ก็มีผู้หญิงต่างชาติ หอบเด็กชายตาดำๆ มาแสดงตัวเป็นภรรยาอีกคนของบุตรชายท่าน แววตาเด็กน้อยนั่นตัดพ้อผู้เป็นย่า เขาจ้องท่านอย่างจริงจัง เหมือนกับจะประทับไว้ในความทรงจำ “แต่...” “ไม่มีแต่หรืออะไรทั้งนั้นนะแม่พิทีเซีย เธอรับเช็คนี่! แล้วก็พาลูกของเธอกลับบ้านไปซะ ฉันช่วยได้แค่นี้ล่ะ” “ขอบคุณในความกรุณาค่ะคุณหญิง แต่ดิฉันไม่ขอรับ” “อย่าทำเป็นหยิ่งไปเลย เธอไม่ร่ำรวยมาจากไหน รับๆ ไปเสียจะได้มีสตางค์เลี้ยงลูกของเธอ” “ขอบคุณอีกครั้งค่ะสำหรับความกรุณา ดิฉันมาหาคุณประชัน ไม่ได้ต้องการอะไรติดมือกลับไปหรอกนะคะ แค่อยากให้เจนาสได้เจอพ่อของเขาแค่นั้น” “ถ้าหากต้องการแบบนั้นคงจะไม่ได้หรอก ประชันไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอจะมาเพื่อพบเขาทำไม ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้” “ดิฉันแค่อยากให้เจนาสได้เจอคุณประชันค่ะคุณหญิง เราสองคนไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรจากครอบครัวของท่านเลยสักนิด” พิทิเซียกล่าวเสียงเด็ดเดี่ยว คุณหญิงทอดตามอง หญิงสาวตรงหน้าท่านยังงดงามแม้จะผ่านการมีบุตร แต่ผิวพรรณและการแต่งกายดูสะอาด เด็กชายตัวเล็กนั่งกุมมือมารดาแน่น ดวงตาของเขามองท่านด้วยแววตาตัดพ้อ เค้าโครงหน้าของเด็กนั่นมาทางบุตรชายของท่าน แต่ได้ความคมเข้มจากแม่ไปเยอะ จึงทำให้เด็กชายดูเข้มแข็งและองอาจ อนาคตคงจะหล่อเหลาไม่เบา “ฉันคงให้เธอกับลูกเจอประชันไม่ได้หรอกนะ ครอบครัวของลูกชายฉันจะมีปัญหาถ้าอยู่ๆ ก็มีลูกและเมียโผล่ขึ้นมาแบบนี้” “ค่ะ...ดิฉันรู้ ดิฉันขอลาเลยแล้วกันค่ะคุณหญิง เจนาสลาคุณย่าซิลูกเราจะกลับบ้านกันแล้ว” “แม่ครับแล้วพ่อผมล่ะครับ ผมยังไม่เจอพ่อเลย?” เสียงเล็กๆ แย้งเมื่อยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ “กลับกันเถอะเจนาสคุณพ่อติดธุระ เรากลับบราซิลกันก่อน ที่นั่นมีคุณตาคุณยายรออยู่นะ” “ทำไมครับแม่? พ่อเขาไม่ต้องการพบผมใช่ไหม! ผมเรียนเก่งไม่ดื้อไม่ซนตามที่แม่ต้องการแล้ว ทำไมพ่อถึงไม่รักผม เหมือนที่แม่รักล่ะครับ” เด็กชายถามอย่างไม่เข้าใจ “เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่าลูก พ่อเขาติดธุระเลยมาหาเจนาสไม่ได้ เอาไว้วันหลังเราสองคนค่อยมากันใหม่เนอะ” “เหรอครับ! แต่ผมว่าไม่ใช่ ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการเรา ผมก็จะไม่ต้องการเขาเหมือนกัน ผมไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาเหยียบแผ่นดินเกิดของพ่อ บราซิลคือบ้านเกิดของผม กลับกันเถอะครับแม่!” “เจนาส! คุณพ่อรักลูกนะแต่ว่า...” “ไม่มีแต่ครับแม่ ถ้าพ่อรักผม พ่อจะต้องเป็นฝ่ายไปตามหาผมเอง ผมจะไม่มาตามหาพ่อหรือครอบครัวของพ่ออีก ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการเรา ผมก็ไม่ต้องการใครเหมือนกัน” เด็กชายพูดเสียงเฉียบขาด ดวงตาคมมองคุณหญิงประกาย จนท่านต้องเบือนใบหน้าหลบ เมื่อดวงตาคู่นั้น แฝงแววตัดพ้อจนคุณหญิงสะท้อนในใจ คุณหญิงวัยชราครุ่นคิดถึงความหลัง แววตาตัดพ้อของเด็กชายยังติดอยู่ในความทรงจำเสมอ ท่านพยายามสลัดออกไปจากใจ ก็ไม่เคยหลุด มันคงค้างอยู่ในหัวใจเรื่อยมา ความรู้สึกผิด เพราะต้องกีดกันสายเลือดบุตรชายที่คุณหญิงไม่ยอมรับตอนนั้น สาวต่างชาติต่าง ไร้สกุลถือโอกาสจับบุตรชายของท่าน ปล่อยตัวเองให้ตั้งครรภ์จนทำให้ประชันบุตรชายพลาด เขาต้องรับผิดชอบทั้งเด็กและแม่ด้วยความจำใจ พงษ์ไพศาลกิจมีหน้าตาทางสังคม ท่านจะไม่ยอมให้สิ่งใดๆ มาทำร้ายชื่อเสียงที่สั่งสมกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ‘พงษ์ไพศาลกิจ’ ต้องไม่เสียชื่อในรุ่นที่คุณหญิงประกายเป็นคนนั่งแท่นบัญชาการ ความหลังในกาลก่อนที่ติดอยู่ในซอกหลืบของความทรงจำ และคุณหญิงประกายรู้สึกผิดมาตลอด ท่านต้องคอยประคับประคองไม่ให้เสื่อมเสียไปในรุ่นของตัวเอง ท่านจึงจำต้องตัดไฟแต่ต้นลม เป็นการตัดปัญหาในภายภาคหน้า แม้จะเสียดายสายเลือดของบุตรชาย แต่จำเป็นต้องตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หากครอบครัวของโสภาพรรณรับรู้ ท่านไม่อยากได้ยินข้อครหาจากใครๆ ให้บุตรชายต้องพลอยเสียชื่อไปด้วย ดังนั้นท่านจึงปกปิดอดีตไว้ให้ลึกที่สุด แสร้งไม่รู้ไม่ชี้หากมีใครถามถึง สาลี่ถอยหลังกลับ มองตามร่างเล็กๆ ของเด็กชายกับผู้หญิงต่างชาติ สงสารชะตากรรมของทั้งสองคน ที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ชายเหลาะแหละแบบบุตรชายของเจ้าของบ้าน เด็กตัวเล็กๆ น่าสงสารที่เกิดมาท่ามกลางความไม่พร้อมของพ่อแม่เมื่อยังอยู่ในวัยเรียน นางได้แต่ปลง และก้มหน้าก้มตากลับไปทำงานตามหน้าที่ตัวเอง ได้แต่แอบสงสาร และเป็นห่วงเด็กชายที่จากไปพร้อมความผิดหวัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม