ตอนที่ 1สิ้นชีวิต

1939 คำ
"แม่ชีเจ้าอี้เฟย ตายเพราะถูกโจรป่าปล้นขณะกำลังเดินทางไปบำเพ็ญเพียรที่หุบเขาหลิงซาน ความดีมีไม่มากพอที่จะขึ้นสวรรค์ ความชั่วไม่ได้กระทำพอที่จะตกนรก ดังนั้นจงอาศัยที่หมู่บ้านหลังความตายจนกว่าจะถึงวาระไปเกิดใหม่" สิ้นคำประกาศของยมฑูตขาว ยมฑูตดำก็ยื่นสิ่งหนึ่งให้นางดื่ม "นี่คือน้ำแกงลืมทุกข์ ดื่มซะเจ้าจะได้หลุดพ้นจากทุกข์และความอาทรทั้งหลายที่ยังรบกวน มันออกจะร้อนสักหน่อยดังนั้นให้เจ้ารีบดื่มแล้วกลืนลงคอทันที" เสียงต่ำน่ากลัวของยมฑูตเอ่ยขึ้น เจ้าอี้เฟยมองน้ำแกงที่ยมฑูตดำยื่นให้แล้วยื่นมือรับถ้วยน้ำแกงสีดำที่ทำจากดินเผาเคลือบเงาวาววับ นางดื่มน้ำแกงโดยไม่เอ่ยวาจาใดๆ ความร้อนกระจายกัดกร่อนไปทั่วโพรงปากทันทีที่สัมผัส มันทำให้นางทรมานจนอยากจะพ่นออกมา แต่กระนั้นเจ้าอี้เฟยก็ยังวางใบหน้านิ่งเฉยราวกลับได้กลืนน้ำแกงลงคอไปแล้ว การตายของนางในครั้งนี้น่าแปลกที่นางกลับสามารถปล่อยวางได้อย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะการศึกษาพระธรรมจึงทำให้จิตใจสงบนิ่งได้เพียงนี้ "ข้าจะส่งเจ้าไปยังหมู่บ้านวิญญาณ จงอาศัยอยู่ที่นั่นจนกว่าจะถึงวาระที่เจ้าสามารถไปเกิดได้ ส่วนความเป็นอยู่ของเจ้าก็ขึ้นอยู่กับบุญที่เจ้าได้ทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต" ยมฑูตขาวกล่าวพลางร่ายมนต์ออกมาสองสามประโยค สิ้นเสียงของยมฑูตขาว นางก็พบว่าวิญญาณลอยละลิ่วเหมือนถูกพายุพัดกระหน่ำ ครั้นรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตนเองได้ปรากฎกายอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชุดแม่ชีที่ติดกายมาในตอนตายหายไปแล้ว ตอนนี้เจ้าอี้เฟยอยู่ในชุดขาวสะอาดตาเฉกเช่นวิญญาณอื่นๆ นางมองผ่านประตูทางเข้าไปด้านใน พบว่าในหมู่บ้านแห่งนี้คราคร่ำด้วยวิญญาณนับร้อย อีกทั้งยังมีโรงเตี๊ยมและร้านขายของอยู่ข้างทางดั่งเช่นในโลกมนุษย์ เจ้าอี้เฟยถุยน้ำแกงที่อยู่ในปากทิ้งอย่างรวดเร็ว ความร้อนและความทรมานยังกระจายอยู่เต็มปาก เลือดสดๆ ไหลออกมาเจ้าอี้เฟยบ้วนเลือดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดเลือดในปากก็หยุดไหล นางไม่รู้ว่าน้ำแกงจะทำให้เกิดสิ่งใดขึ้น แต่การไม่กินน่าจะดีที่สุด นางไม่อยากลืมท่านพี่เจี๋ยหลุน นางต้องตามหาเขาให้พบ นางต้องได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาแม้ความตายก็ไม่อาจพรากเขาไปได้ เมื่อครั้นยังมีชีวิตในขณะที่นางกำลังทำความสะอาดหอคัมภีร์เก่าแก่อยู่นั้น เจ้าอี้เฟยบังเอิญพบตำราโบราณโดยบังเอิญ เรื่องราวในหนังสือเป็นเหมือนคำตอบที่นางเฝ้าหามานาน นางรับรู้ถึงโลกหลังความตายและโลกอนาคต สิ่งที่นางใฝ่ฝันและเป็นความหวังคือนางจะไปหาเจี๋ยหลุนที่นั่น คัมภีร์เล่นนั้นแม้บอกสิ่งใดไม่มากแต่ก็เพียงพอที่จะสร้างความหวังให้แก่นาง แม้ตอนนี้จะตายแล้วแต่สิ่งที่ติดค้างก็มีพลังอันแรงกล้าให้ค้นหาวิธีการต่อไป ในเมื่อท่านพี่เจี๋ยหลุนมาหานางได้ แน่นอนว่าย่อมมีวิธีไปหาท่านพี่ได้เช่นกัน ต่อให้นางตกลงไปในนรกนางก็จะตะกายขึ้นมาเพื่อตามหาเขาคนที่นางรักให้ได้ "วิญญาณที่มาใหม่ จงมาต่อแถวเข้าหมู่บ้านเพื่อสำรวจบุญที่ติดตัวของเจ้าทีละคน จะได้รู้ว่าตนเองต้องอาศัยอยู่เรือนใดก่อนไปเกิดใหม่" เจ้าอี้เฟยเดินไปต่อแถวเพื่อผ่านประตูเข้าสู่หมู่บ้านหลังความตายทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น เมื่อถึงลำดับของตนเองที่จะต้องเข้าไปภายใน ทันใดนั้นก็ปรากฎร่างผีสาวใบหน้าซีดเซียวขวางนางไว้ "น้องสาวท่านนี้โปรดหยุดก่อน" นางกล่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับใช้กระจกส่องที่ใบหน้าของเจ้าอี้เฟย "พี่สาวท่านกำลังทำสิ่งใด" เจ้าอี้เฟยเอ่ยถามอย่างสงสัย "ข้ากำลังตรวจยอดบุญของเจ้า ยิ่งมีบุญเยอะยิ่งแลกเป็นเงินได้เยอะ เจ้าจะได้ที่พักดีและอาหารดีตาม ข้าเป็นผู้คุมกฎของที่นี่" นางกล่าวพร้อมทำตาโตเมื่อเห็นบุญของเจ้าอี้เฟย "บุญข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะพี่สาว" "เจ้าเป็นผู้มีวาสนา สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้สบายจนกว่าจะไปเกิดใหม่เลยล่ะ บางคนบุญน้อยหากใช้บุญหมดก็ต้องทำงานเพื่อแลกอาหารและที่พัก หรือบางคนก็ใช้บุญแลกเงินทั้งหมดเพื่อซื้อยาเข้าฝัน ไปเข้าฝันญาติให้ทำบุญมาให้แต่นั้นก็เสี่ยงเกินไปเพราะบุญที่คนอื่นทำมาให้เราจะได้รับเพียงแค่หนึ่งในร้อยส่วนเท่านั้น หากได้รับน้อยอาจไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายค่ายาเข้าฝันไป" "พี่สาวรู้เรื่องราวของดินแดนหลังความตายทั้งหมดเลยหรือ" เจ้าอี้เฟยถามอย่างสนใจ นางสังเกตุว่ามีผู้คุมกฏหลายคนที่คอยส่องบุญและจัดแจงที่พักให้วิญญาณที่เข้ามาใหม่ "แน่ล่ะ ข้ามีบุญเยอะถึงได้มาเป็นผู้คุม ต้องขอบคุณสหายข้าที่ทำบุญมาให้เยอะจนข้าเลื่อนขั้นมาเป็นผู้คุมได้เช่นนี้ แต่ก่อนข้าก็เป็นเพียงวิญญาณธรรมดาเท่านั้น สหายของข้าที่อยู่ในแดนมนุษย์เป็นคนไม่ธรรมดาเสียจริง" ผู้คุมกฏกล่าวอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงใบหน้างดงามของสหายผู้นั้น แล้วเอ่ยต่อไปว่า "ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้า เจ้ามีนามว่าอะไร" ผู้คุมกฎถามพลางเก็บกระจกส่องบุญไว้ในอกเสื้อ "ข้าแซ่เจ้านามว่าอี้เฟยเจ้าค่ะ แล้วพี่สาวเล่าเจ้าคะ" เจ้าอี้เฟยพยายามทำตัวสนิทสนมไม่แน่ว่าผู้คุมกฎผู้นี้อาจรู้เรื่องที่นางต้องการ "ข้าชื่อซินหรง อยู่ที่นี่มานานแล้วและเพราะข้าเลื่อนขั้นเป็นผู้คุมกฏได้จึงไม่ต้องไปเกิดเหมือนพวกเจ้า" ซินหรงกล่าวอย่างภูมิใจ "ท่านคือซินหรงหรือเจ้าคะ" เจ้าอี้เฟยยกมือทาบอก ในใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นนางถามต่ออย่างรวดเร็ว "ท่านคือสหายในโลกวิญญาณของพี่สาวข้าโจวเจ้าเว่ยหรือไม่เจ้าคะ ข้าได้ทำบุญให้ท่านมามากเมื่อครั้นเป็นแม่ชี พี่สาวขอให้ข้าสวดมนต์ให้ท่านทุกคืน แม้ข้าจะเป็นแม่ชีได้ไม่นานแต่ก็เฝ้าภาวนาสวดให้ท่านตามคำสั่งพี่สาวไม่มีบกพร่อง" "โอ้เจ้าคือแม่ชีผู้นั้นนั่นเองที่ส่งบุญมาให้ข้า ข้าซินหรงขอคุกเข่าขอบคุณเจ้า" ซินหรงคุกเข่าดั่งคำพูด เพราะคำสวดมนต์ของแม่ชีนางจึงได้รับผลบุญอย่างรวดเร็วและสามารถเลื่อนขั้นมาเป็นผู้คุมได้ "พี่ซินหรงท่านได้โปรดลุกขึ้น ที่ข้าทำเพราะท่านได้ช่วยเหลือพี่สาวข้าไว้ในยามที่นางไม่มีผู้ใดรู้จักในดินแดนนี้ อีกทั้งนอกจากข้าแล้วยังมีข้าราชบริพารจำนวนมากที่ทำบุญให้ท่าน คงเพราะเหตุนี้ท่านถึงสามารถเลื่อนขั้นได้อย่างไรเล่า ทั้งหมดไม่ใช่เพราะข้าเป็นเพราะพี่เจ้าเว่ยต่างหาก" เจ้าอี้เฟยรีบบอกปัดไม่ได้รับความดีไว้ผู้เดียว "ถึงจะเป็นเช่นนั้น จิตใจบริสุทธิ์ของเจ้าก็ช่วยข้าไว้มาก บุญคุณนี้ข้าย่อมตอบแทนจนกว่าเจ้าจะสามารถไปเกิดได้ รับรองว่าข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นกังวลแม้แต่น้อย" ซินหรงนำทางเจ้าอี้เฟยไปยังเรือนพัก เจ้าอี้เฟยสำรวจรอบเรือนพักเห็นว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่พร้อม ซินหรงหายไปแล้วไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกับสาวใช้หน้าตาซีดเซียวผู้หนึ่ง "บุญของนางใกล้จะหมดแล้วแต่ยังไม่สามารถไปเกิดได้จึงต้องทำงานเพื่อแลกกับที่พักและอาหาร ข้าเลยนำมาให้เจ้า เจ้าสามารถใช้นางได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ" ซินหรงกอดอก "คุณหนูเจ้าคะโปรดรับข้าไว้ด้วยเจ้าค่ะ ข้าชื่อ ข้าชื่อเอ่อ เอ่อ อ้อ ข้าชื่อเสี่ยวอู๋เจ้าค่ะ.." สาวใช้ผู้นั้นยิ้มกว้างเมื่อจดจำชื่อของตนเองได้แล้ว "ทำไมนางจำชื่อตนเองไม่ได้ล่ะพี่ซินหรง" เจ้าอี้เฟยถามอย่างงงงวย "เจ้าไม่ต้องแปลกใจหรอก ยิ่งอยู่ที่นี่นานเท่าใดเจ้าก็จะเริ่มจำสิ่งใดไม่ได้เพราะฤทธิ์ของน้ำแกงลืมเลือนที่เจ้ากินเมื่อตอนตายใหม่ๆนั่นแหละ และเมื่อใดลืมทุกสิ่งก็แสดงว่าถึงเวลาที่เจ้าจะได้ไปเกิดแล้ว วิญญาณที่นี่ถึงต้องห้อยป้ายชื่อของตนเองไว้อย่างไรเล่า เดี๋ยวข้าจะนำป้ายชื่อของเจ้ามาให้" ซินหรงกล่าวอย่างมีน้ำใจ "พี่ซินหรง ข้ามีเรื่องร้อนใจอยากถามท่านบางอย่าง" เจ้าอี้เฟยจับมือของซินหรงไว้ก่อนที่ร่างของนางจะหายแว๊บไป "เรื่องใดหรือ" ซินหรงกล่าวอย่างใจดี พาเจ้าอี้เฟยมานั่นตรงเก้าอี้พลางรินน้ำชาให้ เจ้าอี้เฟยมองหน้าเสี่ยวอู๋ ซินหรงมองตามจึงเอ่ยขึ้นว่า "เสี่ยวอู๋เจ้าออกไปก่อนหากข้าไม่เรียกใช้ไม่ต้องมา ด้านข้างมีเรือนเล็กๆ เจ้าอาศัยอยู่ที่นั่นคอยปรนนิบัติคุณหนูอี้เฟยให้ดี" "ขอบคุณท่านผู้คุมกฎ ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ" เสี่ยวอู๋ยอบกายอ่อนน้อมก่อนก้าวเท้าออกไปจากห้อง "เจ้ามีสิ่งใดสงสัยถามได้ทั้งนั้นไม่ต้องเกรงใจ ข้ายินดีช่วยเหลือเจ้าทุกอย่าง" ซินหรงกล่าวเบาเบา "ข้าอยากไปพบท่านพ่อท่านแม่เพื่อกล่าวลาไม่ให้ท่านต้องกังวลเจ้าค่ะ" "ได้สิข้าจะนำยาเข้าฝันมาให้เจ้าแต่ยาเข้าฝันไม่สามารถใช้ได้บ่อยครั้ง หนึ่งปีเจ้าจะสามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้ง" "ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ ข้าเพียงกังวลว่าท่านพ่อท่านแม่จะโศกเศร้าเพราะข้าตายจนเกินไป" "เหตุใดเจ้ายังกังวลเรื่องพ่อแม่ ในเมื่อเจ้าดื่มน้ำแกงลืมเลือนแล้วตามธรรมดาเจ้าต้องไม่มีจิตใจอาวรณ์ผู้ใดแล้วนี่ หรือว่าเจ้า" ซินหรงอ้าปากค้าง "เจ้าค่ะข้าไม่ได้ดื่มหรือหากดื่มก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น" "เหตุใดเจ้าถึงรอดพ้นสายตาท่านยมฑูตเล่า" "คงเป็นเพราะข้าอยู่ในอาภรณ์ของแม่ชีตอนตาย ท่านยมฑูตจึงไม่ได้เคร่งครัดนักเจ้าค่ะ" "นับเป็นโชคของเจ้า หากถูกจับได้วิญญาณเจ้าจะถูกจองจำ เจ้ารู้หรือไม่มันทรมานเพียงใดเขาจะทรมานเจ้านับสิบปีก่อนจะให้ดื่มน้ำแกงอีกครั้ง แม้ตอนนั้นเจ้าจะมีบุญมากมายเท่าใดก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้" "ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ แต่ข้ามีเรื่องทุกข์ใจและติดค้างไม่สามารถดื่มน้ำแกงได้จริงๆ ท่านจะช่วยข้าได้หรือไม่เจ้าคะ" เจ้าอี้เฟยจับมือซินหรงพร้อมจ้องมองใบหน้าขาวราวกระดาษของนางด้วยดวงตาใสแจ๋ว "เจ้าว่ามาหากข้าช่วยได้ข้ายินดี"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม