เมืองซีอาน
นครซีอาน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ซีอานเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโลกเมืองหนึ่ง ความหมาย ความสงบสุขทางตะวันตก เป็นเมืองหลวงของมณฑลฉ่านซี ในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์จีน
ในอดีตซีอานได้เป็นเมืองหลวงของ 13 ราชวงศ์รวมทั้ง โจว ฉิน ฮั่น และถัง ซีอานยังเป็นเมืองปลายทางของเส้นทางสายไหม มีประวัติอันยาวนานมากกว่า 3,100 ปี โดยชื่อเดิมว่า ฉางอาน ซึ่งมีความหมายว่า "ความสงบสุขชั่วนิรันดร์" ซีอานเป็นเมืองที่เจริญและใหญ่ที่สุดในส่วนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนและเป็น 1 ใน 10 เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศจีนเช่นกัน
ภูมิอากาศของภูมิภาคนี้อบอุ่น มีฝนตกมาก มีปริมาณฝนเทียบได้ใกล้เคียงกับภูมิภาคด้านใต้ของประเทศจีนในปัจจุบัน ดังนั้นประชากรที่นี่จึงค่อนข้างมาก ทางตะวันออกของซีอาน ห่างไปประมาณ 6 กิโลเมตร ได้มีการค้นพบแหล่งโบราณคดีปั้นพัวที่มีอายุกว่า 6,500 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมหย่างเฉาในยุคหินใหม่ ฮ่องเต้ของราชวงศ์โจว ตะวันตกได้สร้างเมืองหลวง 2 เมือง ทางตะวันตกของซีอาน
รถแท็กซี่ตรงเข้ามาจอดอยู่หน้าตึกซึ่งเป็นอาคารชุดมีความสูงขนาดแปดชั้น และหยุดนิ่งเมื่อถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกระโปรงรถทางด้านหลังถูกปลดล็อกเผยให้เห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวรวมไปถึงตำรามากมายของผู้เป็นเจ้าของ
ร่างเล็กของหญิงสาวนางหนี่งขนาดความสูงประมาณ 165 เซนติเมตร ก้าวลงจากรถแท๊กซี่คนดังกล่าวก่อนจะแหงนคอมองอาคารชุดตรงหน้า ซึ่งตั้งอยู่ในเขตที่พักอาศัยย่านเศรษฐกิจสำคัญของเมืองซีอาน ซึ่งเธอสามารถนั่งรถเมล์ไปทำงานที่โรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักแห่งนี้มากนัก
จ้าวย่าเจิน คุณหมอหมาดๆ จบแพทย์มาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังที่สุดของกรุงปักกิ่งและยังได้คะแนนสูงสุดจนได้เกียรตินิยมเหรียญทองมาครอบครอง หญิงสาวเป็นนักเรียนทุนในการเรียนแพทย์ระดับปริญญาตรีและโทซึ่งในเวลานี้ผลการเรียนของจ้าวย่าเจินที่ทำคะแนนไว้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เธอสามารถเลือกบรรจุลงที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ตามต้องการ
ซึ่งด้วยคะแนนดังกล่าวจนได้ระดับเหรียญทองมาครอบครองบรรดาคนใกล้ชิดจึงคิดว่า หญิงสาวจะต้องเลือกโรงพยาบาลชื่อดังที่สุดในกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นของรัฐบาลเพื่อเข้ารับการบรรจุ แต่ว่าสิ่งที่เธอเลือกกลับเหนือความคาดหมายของผู้คน เพราะจ้าวย่าเจินกลับเลือกบรรจุที่โรงพยาบาลภายในเมืองซีอานแทนที่จะเป็นเมืองใหญ่ในกรุงปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้
หญิงสาวเป็นเด็กกำพร้าเติบโตมาจากสถานสงเคราะห์ ดิ้นรนใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ตามลำพัง ไม่ล่วงรู้ว่าพ่อผู้ให้กำเนิดเป็นใคร
แม่ของเธอมีนามว่าจ้าวซูเหยา ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนและถูกนำส่งโรงพยาบาลในขณะที่กำลังอุ้มลูกน้อยไว้แนบอก ด้วยท่าทีที่เต็มไปอาการตื่นตระหนก โชคดีที่ทารกในอ้อมกอดนั้นไม่เป็นอะไรเพราะคนเป็นแม่ปกป้องลูกน้อยเอาไว้เต็มที่ แต่ถึงกระนั้นแม่ของเธอก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เด็กทารกผู้น่าสงสารคลอดออกมาโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อที่แท้จริง ในขณะที่คนเป็นแม่ก็เสียชีวิตลงทันทีจากอุบัติเหตุดังกล่าวแม้แต่หน้าลูกก็ไม่มีโอกาสเห็น
ด้วยเหตุนี้เด็กทารกจึงได้รับการตั้งชื่อตามแซ่ของคนเป็นแม่โดยคณะแพทย์และพยาบาลได้ออกใบเกิดให้เด็กทารกคนนี้ให้เป็นหลักฐานและตั้งชื่อตามที่แม่ของเธอได้สั่งเสียเอาไว้ก่อนสิ้นลม
ด้วยเหตุนี้จ้าวย่าเจิน จึงเติบโตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของรัฐบาลมาโดยตลอด ด้วยใบหน้าที่น่ารักน่าชังทำให้มีครอบครัวมากมายจากต่างประเทศต้องการรับเด็กทารกไปอุปการะ
แต่แล้วเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นกับครอบครัวที่ต้องการรับจ้าวย่าเจินไปเลี้ยงและทุกครอบครัวล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเดินทางออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งทุกครอบครัวที่รับอุปการะจ้าวย่าเจินไปนั้นจะต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย จนไม่สามารถเดินทางมารับทารกน้อยผู้นี้กลับไปเลี้ยงดูได้เลยแม้แต่ครอบครัวเดียว
เพราะทุกครอบครัวต่างจบชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาด้วยกันทั้งหมด จนทำให้ภายในสถานสงเคราะห์ดึงรายชื่อของจ้าวย่าเจินออกจากสารบบของเด็กกำพร้าที่ต้องการบ้านอุปการะเพราะมาจากสาเหตุดังกล่าว
และเลี้ยงทารกน้อยภายใต้การดูแลของรัฐบาลจนเติบโตและเมื่ออายุ 18 ปี เด็กสาวบรรลุนิติภาวะสามารถเลือกไปใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังด้วยตัวเอง
ซึ่งก้าวแรกของการออกไปใช้ชีวิตนอกเขตสถานสงเคราะห์นั่นก็คือ หอพักแพทย์ในมหาวิทยาลัยที่จ้าวย่าเจินสามารถสอบชิงทุนของรัฐบาลได้ศึกษาวิชาแพทย์จนถึงระดับปริญญาโท ซึ่งใช้เวลาเรียนถึงแปดปีเลยทีเดียวจนสามารถจบแพทย์ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทได้มาพร้อมกันในวัย 24 ปี
ด้วยเหตุนี้จ้าวย่าเจินจึงเลือกที่จะมาใช้ทุนแพทย์ที่เธอได้รับจากรัฐบาลที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนด้านโรคสมองแห่งนครซีอาน บรรจุเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัด ซึ่งหญิงสาวเชี่ยวชาญที่สุดคือการผ่าตัดทางกายภาพทุกอย่างโดยเฉพาะสมอง ด้วยเหตุนี้ทำให้แพทย์จบใหม่ในระดับเหรียญทองของหญิงสาวจึงได้รับเงินเดือนถึง 11,500 หยวนซึ่งมากกว่าแพทย์ปกติทั่วไปที่ได้รับเงินเดือนประมาณ 7,000 หยวนเท่านั้น
และอาคารชุดใจกลางเมืองซีอานแห่งนี้เพิ่งสร้างใหม่ได้ไม่นาน เป็นสวัสดิการของแพทย์ที่เพิ่งบรรจุเข้ารับราชการในกระทรวงสาธารณสุขของจีน ซึ่งรัฐบาลให้บ้านพักกับแพทย์เพื่ออยู่อาศัยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ชำระเพียงค่าส่วนกลางและค่าน้ำค่าไฟเท่านั้นตลอดระยะเวลาที่จะยังรับราชการและต้องทำงานใช้ทุนคืนรัฐบาลเป็นจำนวนถึงสิบปีเลยทีเดียว