ดวงใจชีค
บทที่2.
หลังจากที่ออกมาจากออฟฟิศณัชชาก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาอู่ซ่อมรถที่เธอเอาน้องเต่าไปซ่อมไว้ และเมื่อมีคนรับสายณัชชาก็กรอกเสียงใสๆของตัวเองตอบโต้กับอีกฝ่ายทันที
"ฮัลโหล อู่เฮียก๊วงใช่ไหมคะ?"
(ใช่)
"หนูคือเจ้าของรถเต่าที่เอาเข้าไปซ่อมเมื่อเช้านี้นะเฮีย"
(เออ...ว่าไง!?)
ืเสียงห้วนห้าวที่ดังสวนมา ทำให้ณัชชาชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น ก่อนที่เท้าเล็กๆจะก้าวเดินต่อไปยังฟุตบาตที่อยู่ติดกับถนน
"รถเสร็จวันนี้ไหมเฮีย?"
ณัชชายังคงสนใจอยู่กับคู่สนธนาปลายสาย ในขณะที่เท้าหยุดนิ่งอยู่ริมถนน
(วันนี้ไม่ทันหรอก หม้อน้ำรั่ว คลาชเสีย เบรคก็ค้าง ไหนจะช่วงล่างที่ต้องเปลี่ยนยกชุดอีก อั๊วะให้ช่างมันเปลี่ยนเบรคคลาสกับถ่ายน้ำมันเครื่องให้แล้ว ตอนนี้กำลังรออะไหล่ช่วงล่างอยู่กว่าจะได้เปลี่ยนก็คงจะตอนเย็นนั่นแหล่ะ)
"อ่า...ทำไมมันเยอะจังอ่ะเฮีย แล้วนี่เฮียใส่อะไรเข้าไปแล้วมั่ง เอาออกมาก่อนได้ไหม?"
ณัชชาพูดเสียงอ่อย และคิดในใจว่าถ้าเธอเปลี่ยนทุกอย่างตามที่เฮียก๊วงบอกมาทั้งหมด เงินเดือนของเธอทั้งเดือนคงไม่เหลือสักบาทแน่ๆ
(ตกลงลื้อจะให้อั๊วะเอาออกใช่ไหม เฮ้ย!ไอ้ไข่!)
ประโยคหลังเฮียก๊วงหันไปตะโกนเรียกลูกน้องของเขา และประโยคต่อมาก็ทำให้ณัชชาร้อนรน เริ่มจะยืนไม่ติดพื้น
(ไอ้ที่มึงใส่ๆเข้าไปในรถเต่าอ่ะ เอาออกให้หมดเลย ลูกค้าเขาไม่...)
"โอ๊ยเฮีย! ไม่ต้องๆ!"
ณัชชารีบพูดแทรกจนลิ้นของเธอแทบจะพันกัน เพราะกลัวว่าเฮียก๊วงจะสั่งให้เอาอะไหล่ที่ใส่เข้าไปในน้องเต่าของเธอออกมาจริงๆ
(ตกลงลื้อจะเอายังไงวะ เดี๋ยวให้เอาเข้าเดี๋ยวให้เอาออก มันเสียเวลารู้ไหม รถที่อู่ไม่ได้มีแค่รถลืัอคันเดียวนะ)
ได้ยินแบบนี้ณัชชาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
"ใส่แล้วก็ใส่ๆไปเถอะเฮีย แต่หนูฝากรถไว้ที่อู่เฮียก่อนนะ หนูต้องไปทำงานที่อื่นหนึ่งอาทิตย์ กลับมาแล้วถึงจะเข้าไปเอารถ"
(นี่ลื้อคงไม่ได้คิดจะเบี้ยวอั๊วะใช่ไหม?)
"โอ๊ยเฮีย! หนูจะเบี้ยวไปทำไม รถก็จอดอยู่ที่อู่เฮียแท้ๆ ว่าแต่เฮียเถอะ ไม่ใช่ว่าเห็นหนูเงียบหายไปแล้วเอารถหนูไปจอดติดป้ายขายนะ ถ้าเป็นแบบนั้นหนูไม่ยอมนะเฮีย หนูเอาเรื่องเฮียแน่!"
(ลื้อนี่ก็พูดไม่คิดเนอะ อะไหล่ที่อั๊วะใส่ๆเข้าไปในรถลื้ออ่ะรวมๆกันแล้วมันแพงกว่ารถที่ลื้อเอามาซ่อมซะอีก...บ้าบอ)
ตรู๊ดดด~ตรู๊ดดด~ตรู๊ดดด
พูดจบเฮียก๊วงก็ตัดสายไป ปล่อยให้ณัชชาส่งยิ้มเจื่อนๆให้กับโทรศัพท์แทน
"เฮียก็พูดเวอร์ไปไหม อะไหล่นำเข้าจากนอกรึไงมันถึงได้แพงหูฉี่ขนาดนั้น"
ณัชชาบ่นพึมพำเบาๆก่อนจะยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม ขณะที่เท้าก็ก้าวเดินไปข้างหน้า และดูเหมือนเธอจะลืมไปว่าเส้นทางที่เธอก้าวต่อไปข้างหน้านั้นมันคือถนน!
ปริ๊นนนนนนน!
ทันทีที่ร่างเล็กของณัชชาก้าวลงไปบนถนน เสียงสัญญาณแตรรถก็ดังลั่นขึ้นมาทันที และเมื่อณัชารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนั้นยืนอยู่กลางถนนไปซะแล้ว แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้น ก็ตรงที่มีรถยนต์คันหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาที่เธอด้วยความเร็วคงที่!
"กรี๊ดดด! แม่จ๋าาา!"
ณัชชากรีดร้องลั่น อยากจะวิ่งหนีไปจากตรงนี้ แต่ติดตรงที่ขาของเธอดันก้าวไม่ออก! หรืออาการที่เรียกว่าขาแข็งนั่นแหล่ะ!
โอ๊ยย! มันจะมาแข็งอะไรกันตอนนี้ ณัชชาคิด อย่างคนขวัญเสีย ก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อรถแล่นเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในขณะที่เสียงบีบแตรและเสียงห้ามล้อของเบรคดังขึ้นแข่งกันจนประสาทสัมผัสของเธอแยกแยะไม่ออก!
"กรี๊ดดดดด!"
ณัชชาหลับหูหลับตากรีดร้องลั่นถนน ในใจของเธอคิดว่าระยะกระชั้นชิดแบบนี้ยังไงเธอก็หลบไม่พ้น
"เป็นอะไรไหมครับคุณหญิง?"
"!"
สำเนียงอังกฤษที่ดังขึ้นทำให้ณัชชาได้สติหลังจากที่นั่งปิดหูปิดตาอยู่กลางถนนมาได้สักพักก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ่นมาช้าๆ หญิงสาวหันมองรอบๆตัวก็พบว่ารถคันหรูที่เธอเห็นมันวิ่งตรงดิ่งมาหาเธอจอดอยู่ห่างจากร่างกายของเธอไม่ถึงคืบ!
นิดเดียว! แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง!
"คุณหญิง...เจ็บตรงไหนหรือไม่?"
ชายหนุ่มแปลกหน้าในชุดดิชดาชาที่ชาวคะวันออกกลางสวมใส่เอ่ยถามณัชชาเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาได้รับยังคงเป็นความเงียบอีกเช่นเคย
ดูจากท่าทางแล้วหญิงสาวตรงหน้าคงจะช็อคจนสติหลุดลอยไปแล้ว ชายหนุ่มคิดในใจ
ยังไม่ทันที่คามีนจะได้คำตอบจากหญิงสาวตรงหน้า ประตูรถคันหรูก็ถูกเปิดออกมาอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงสง่าของชีคอัสมาลที่ก้าวลงมาจากรถ
"เป็นยังไงบ้าง'คามีน'?"
เสียงทุ้มของชีคอัสมาลดังขึ้น ก่อนจะหันเหสายตาไปมองร่างเล็กของณิชาที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่หน้ารถด้วยสายตาเรียบเฉยหากแต่คมกริบ
"ฉันว่าคุณหญิงคนนี้เธออาจจะกำลังช็อค!"
'คามีน'คนสนิทและองครักษ์ของชีคอัสมาลกล่าว
"นายเข้าไปดูเธอสิว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า บางทีหัวเธออาจกระแทก"
อัสมาลว่า ขณะที่สายตาคมมองสบตากลมโตที่ดูคล้ายจะเหม่อลอยของหญิงสาวนิ่งนาน
เมื่อได้รับคำสั่งคามีนก็ขยับเข้าไปใกล้ณัชชาทันที และก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ณัชชาได้สติลุกพรวดพราดขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงโวยวายดังลั่น
"ขับรถภาษาอะไรกัน ไม่เห็นรึไงว่ามีคนกำลังจะข้ามถนน นี่ถ้าเบรคไม่ทันฉันไม่แบนเป็นกล้วยทับอยู่ใต้ท้องรถเฮ็งซวยของพวกคุณเรอะ!?"
ณัชชาขึ้นเสียงใส่เป็นชุด แทบไม่เว้นช่องว่างให้ตัวเองได้หยุดพักหายใจ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองชายชาวต่างชาติทั้งสองคนอย่างขุ่นเคือง และเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ณัชชาก็พ่นคำพูดรัวเร็วราวกับไฟแลบใส่อีกชุดใหญ่ หากแต่คราวนี้เธอพูดเป็นภาษาอังกฤษเพราะเข้าใจว่าสองคนนี้พูดและฟังภาษาไทยไม่ได้
"อ่อ...เมื่อกี้พูดภาษาไทยคงฟังไม่รู้เรื่องสินะ งั้นจะพูดใหม่ มองปากณิชานะคะ!"
หญิงสาวพูดค้างไว้แค่นั้น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อจัดเต็มในประโยคต่อมา
"ขับรถภาษาอะไรกัน จะรีบไปพบญาติที่ไหนรึไง ถ้าเบรคไม่ทัน หรือเบรคเสียพวกคุณคิดกันไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตของฉันทั้งชีวิตต้องมาจบลงเพราะความประมาทของพวกคุณแท้ๆ"
ทั้งอันสมาลและคามีนขมวดคิ้วมุ่นที่ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ต่อว่า ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาต่างหากที่ต้องต่อว่าเธอด้วยเหตุที่ว่าเธอเดินข้ามถนนมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้ และอีกอย่างเธอก็ยังไม่ถึงกับเป็นอะไรอย่างที่โวยวายออกมาเลยสักนิด
"หนอย! พูดขนาดนี้ยังยืนเฉย ขอโทษสิ ขอโทษเป็นไหม บ้านเมืองที่พวกคุณจากมาเขาไม่มีธรรมเนียมขอโทษเวลาที่ตัวเองทำผิดกันรึไง!?"
คราวนี้อัสมาลหน้าแดงก่ำ ความโกรธแล่นริ้วขึ้นมาบนใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำลุกลามไปถึงลำคอ ลำพังตัวเองถูกต่อว่าอัสมาลไม่คิดจะใส่ใจ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับใช้คำพูดลามปามไปถึงบ้านเกิดเมืองนอนของเขา เห็นทีจะทนเฉยไม่ได้ ถ้าอยู่ที่ฟาร์ซิสผู้หญิงคนนี้ถูกลงโทษไปแล้วที่บังอาจใช้ถ้อยคำรุนแรงท้าทายอำนาจของเขา
"น้อยๆหน่อยเถอะแม่คนอวดดี คนที่ต้องขอโทษควรจะเป็นเธอมากกว่า ข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือ ซ้ำยังกล่าวโทษผู้อื่นทั้งที่ตัวเองก็ผิด หรือนี่คือสิ่งที่บ้านเมืองของเธอสอนมา"
ณัชชาอ้าปากพะงาบๆ หาเสียงของตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายต่างถิ่น ต่างชาติ ต่างภาษา จะปากร้ายได้ขนาดนี้
"พูดแบบนี้ก็สวยสิ เห็นกันอยู่พวกคุณขับรถเกือบจะชนฉัน ผู้ชายอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษแค่ความจริงก็ยอมรับไม่ได้"
ณิชาเถียงคอเป็นเอ็น ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ขณะนั้นคามีนที่ยืนมองคนนั้นทีคนนั้นทีอยู่เงียบๆก็เริ่มถอยหลังไปหนึ่งก้าว เมื่อรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ของอัสมาล หากแต่ใบหน้าคมกับมีรอยยิ้มถูกใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนกล้าขึ้นเสียงใส่ชีคอัสมาลเลยสักคน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับกล้าทั้งที่ตัวเล็กเท่า...
เท่าอะไรนะ...
ลูกหมาใช่ไหม ที่คนไทยมักใช้พูดกัน...
หึ! ดูท่าทางชีคอัสมาลจะเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อซะแล้วล่ะสิ คามีนคิดในใจอย่างขำๆ
"มันจะมากไปแล้วนะ!"
อัสมาลคำรามลั่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด ร่างสูงเดินเข้าหาร่างเล็กของณิชาอย่างคุกคาม ตั้งใจจะสั่งสอนแม่ตัวดีให้รู้สึกและสำนึกว่าอย่าริเล่นกับไฟ แต่ติดที่คามีนเดินเข้ามาขวางไว้
"ใจเย็นๆก่อนท่านชีค สุภาพบุรุษเขาไม่รังแกผู้หญิงกันหรอกนะ"
คามีนเอ่ยปรามท่านชีคของเขาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ และพยายามกลั้นขำเอาไว้เต็มที่จนอัสมาลต้องตวัดสายตาคมดุมองอย่างขุ่นขวาง แต่เจ้าตัวก็หาได้รู้สึกใดๆไม่
"มีมีอะไรตลก!?"
อัสมาลกระชากเสียงถามอย่างหัวเสีย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนสนิทที่รู้ใจ และยังเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคงสั่งปลดตำแหน่งองครักษ์ที่ไอ้หมอนี่ดำรงอยู่และสั่งขังคุกขี้ไก่ไปนานแล้ว เพราะมันชอบกวนอารมณ์เขาแบบนี้ไง
"ฉันว่านายควรใจเย็น แล้วกลับเข้าไปนั่งตากแอร์เย็นฉ่ำในรถเถอะ ทางนี้ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง"
"แน่ใจว่านายจะจัดการได้คามีน นายก็เห็นว่าเธอปากร้ายขนาดไหน เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงอะไรปากคอร้ายกาจแบบนี้"
อัสมาลค่อนขอดไม่หยุด ดวงตาคมจ้องมองร่างเล็กที่ยืนหน้าเชิดชูคอตั้งตรงอย่างอวดดีตลอดเวลานั่นตาขวาง
"เอาน่า นายอย่าลืมสิว่าที่นี่ประเทศไทย และเธอคนนี้ก็เป็นผู้หญิงไทยไม่ใช่ผู้หญิงในฟาส์ซิสที่จะต้องเชื่อฟังผู้ชายอย่างเราทุกอย่าง"
คำพูดของคามีนทำให้อารมณ์โกรธที่ประทุเดือดของอัสมาลซาลงแทบจะทันที เพราะมันจริงอย่างที่คามีนพูด แม่คนอวดดีปากกล้าคนนี้เป็นผู้หญิงไทย และที่สำคัญมารดาของเขาก็เป็นคนไทยเหมือนกันกับเธอ และเบาก็ูกอบรบสั่งสอนมาตลอดว่าต้องให้เกียรติผู้หญิงที่เป็นเพศเดียวกับมารดา
"นายจัดการก็แล้วกัน แต่ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องก็เอาเงินฟาดหัวเธอซะ จะได้จบๆไป"
พูดจบอัสมาลก็เดินกลับไปขึ้นรถ แต่ไม่วายเหลือบสายตามามองคนตัวเล็กด้วยสายตาดุดันอีกครั้ง
'เอาเงินฟาดหัวอย่างนั้นเหรอ?'
คามีนคิดอย่างขำๆ เขาไม่คิดจะทำแบบนั้น ดูจากลักษณะท่าทางของผู้หญิงคนนี้แล้ว ถ้าเธอต้องการเงินเธอคงร้องโอดโอยและเรียกร้องค่าเสียหายไปแล้ว แต่เมื่อกี้คามีนได้ยินเธอทวงถามคำขอโทษจากชีคอัสมาล ถ้าอย่างนั้นเขาจะลองขอโทษเธอดูก็แล้วกัน
"ขอโทษแทนเจ้านายของผมด้วยนะครับคุณหญิง เขาก็เป็นแบบนี้แหละอารมณ์ร้อนไปหน่อย แต่จริงๆแล้วเขาก็ได้ไม่ผิดอะไร เพราะคนที่ขับรถเป็นผมต่างหาก"
คามีนเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล และระวังคำพูดอย่างยิ่ง เผื่อจะมีคำใดไปสะกิดต่อมโมโหของหญิงสาวเข้าอีก
และเมื่อหญิงสาวยังคงเงียบคามีนก็กล่าวต่อ
"ผมต้องขอโทษอีกครั้งที่ขับรถไม่ระวัง ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ ขอคุณหญิงได้โปรดอภัยให้ด้วย"
คำพูดรื่นหูต่างจากผู้ชายคนเมื่อกี้ลิบลับทำให้ณัชชาใจเย็นลง อีกทั้งเมื่อมีสติเธอก็คิดได้ว่าความจริงแล้วตัวเองก็มีส่วนผิดที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรืออย่างที่ผู้ชายคนเมื่อกี้ต่อว่าจริงๆ
"ช่างมันเถอะค่ะฉันเองก็ต้องขอโทษที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเหมือนกัน"
คามินยิ้มออกมาทันที เป็นอย่างที่เขาคิด ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจอะไรนักหรอก เธอก็แค่โมโหตกใจและขวัญเสียเท่านั้น
"เอาเป็นว่าเราหายกันก็แล้วกันค่ะ คุณกับฉันต่างคนต่างก็ไม่ระวังด้วยกันทั้งคู่"
ณัชชาพูดพร้อมกับฉีกยิ้มให้ชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างขอลุแก่โทษ
"แล้วนี่คุณหญิงกำลังจะไปไหน ถ้าไม่รังเกียจให้ผมไปส่งไหมล่ะ ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษด้วย"
คำเชิญชวนเรียกรอยยิ้มแหยให้ปรากฏบนใบหน้าของณัชชาทันที ก่อนที่เธอจะมองเลยไปยังรถคันหรูที่ติดฟิล์มสีดำตลอดทั้งคัน โดยไม่รู้ว่าคนในรถก็กำลังจับตาจ้องมองเธออยู่เหมือนกัน
"ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไปเองได้"
ณัชชาปฏิเสธ ส่วนหนึ่งเพราะเขายังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ อีกส่วนหนึ่งคือณัชชากลัวผู้ชายหุ่นหมีตัวใหญ่เท่าตึกในรถจะจับเธอบีบคอเอาน่ะสิ
"ถ้าอย่างนั้นผมจะเรียกแท็กซี่ให้"
คามีนเสนอตัวอย่างเต็มใจ หากณัชชาก็ปฏิเสธอีก
"ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง!"
นั่งแท็กซี่จากตรงนี้ไปยังที่พักของเธอไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะ เสียดายเงินแย่ หญิงสาวคิดในใจ
"ฉันนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปดีกว่าค่ะ"
เพิ่งจบณัชชาก็วิ่งปรู๊ดข้ามถนนไปยังวินมอเตอร์ไซค์ฝั่งตรงข้ามทันที ในขณะที่คามีนมองตามร่างเล็กไปด้วยความรู้สึกทึ่งในความว่องไวของเธอ แต่ก็อดตำหนิในใจไม่ได้ เพราะแบบนี้ไงถึงได้ทะเล่อทะล่าข้ามถนนมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ยังดีอยู่หน่อยครั้งนี้ถนนโล่งเธอเลยรอดไปได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้ามีครั้งหน้าล่ะใครจะรู้ หากหญิงสาวยังประมาทเลินเล่ออยู่แบบนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป...
Ranadda : เขียน