ดวงใจชีค
บทที่5.
"ค้นกระเป๋าเธอ!"
สิ้นเสียงคำสั่งที่ดังออกมาเป็นภาษาอารบิกเข้มจัดและห้วนสั้น จากนั้นชายฉกรรจ์สองคนก็เดินเข้ามาหาณัชชาทันที คนหนึ่งยื้อแย่งกระเป๋าเป้ของณัชชาไปรื้อค้น ส่วนอีกคนจับต้วณัชชาไว้ไม่ให้เธอตามไปแย่งกระเป๋าเป้คืน การกระทำแสนอุกอาจและไร้มารยาทนั้นทำให้ณัชชาโกรธจนควันแทบจะออกหู หันไปมองคนออกคำสั่งที่ตัวโตเท่าหมีใหญ่เท่าตึกอย่างเอาเรื่้อง
"ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย อยู่ๆมาค้นกระเป๋าของฉันทำไม!?"
เสียงเล็กๆตวาดแหว พยายามจะเข้าไปยื้อแย่งกระเป๋าของตัวเองคืน แต่ถูกคนตัวใหญ่อีกคนจับล็อคแขนเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ ไม่รู้ว่าคนบ้านนี้เมืองนี้เขากินอะไรเป็นอาหารหลัก ทำไมมันถึงได้ตัวใหญ่กันนัก เธอคิดอย่างนึกฉุน
"ฉันควรต้องถามเธอต่างหากแม่คนอวดดีว่าเธอทำอะไร!?"
ชีคอัสมาลถามกลับเสียงดุดัน พร้อมกับกระชากร่างเล็กบอบบางเข้ามาใกล้ แรงกระชากทำให้ณัชชาเจ็บร้าวต้นแขนจนน้ำตาซึม
"ฉันทำอะไร!?"
ณัชชาย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ
"ก็แค่ถ่ายรูป ทำไม...บ้านเมืองนี้เขามีกฏห้ามถ่ายรูปกันรึยังไง?"
"หุปปากแสนอวดดีของเธอเดี๋ยวนี้!"
อัสมาลตวาดลั่นทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง โอยย...อยู่ใกล้แค่นี้จะเสียงดังไปไหนเนี่ย?
"ที่นี่ไม่มีกฏห้ามถ่ายรูป แต่เธอไม่ทีสิทธ์ถ่ายรูปฉัน!"
"ทำไม คุณยิ่งใหญ่มาจากไหนไม่ทราบ!?''
ณัชชายังคงยอกย้อน จ้องหน้าอันสมาลอย่างเอาเรื่อง โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังพูดและเผชิญหน้าอยู่กับใคร
และก่อนที่ศึกจ้องตาจะกลายเป็นศึกนองเลือด ชายฉกรรจ์ที่ค้นกระเป๋าของณัชชาก็เดินเข้ามาพร้อมกับซองสีน้ำตาลในมือ
"ท่านชีคครับ"
ชายผู้นั้นยื่นซองสีน้ำตาลให้อัสมาล ในขณะที่ณัชชาก็พยายามยื้อแย่งคืนมา แต่ถูกอัสมาลขวางไว้ ก่อนจะผลักร่างเล็กออกห่างให้คนของเขาจับไว้เหมือนเดิม แล้วยื่นมือไปรับซองสีน้ำตาลมาเปิดดู
"นี่อะไร!?"
อัสมาลเอ่ยถามเสียงเครียด เมื่อพบว่าสิ่งของข้างในมีรูปถ่ายของเขารวมทั้งประวัติคร่าวๆอยู่ด้วย
"อะไรล่ะ!?"
ณัชชาย้อนถาม เพราะเธอเองก็ยังไม่เคยได้เปิดดูของในซองนั่นเลยสักครั้งตั้งแต่ได้มันมาเพราะมัวแต่ยุ่งๆอยู่ รู้แค่เพียงว่าในนั้นเป็นรูปถ่ายและประวัติของท่านชีคที่เธอเดินทางมาทำสกู๊ปครั้งนี้เท่านั้น
"รูปถ่ายกับประวัติของฉัน..."
อัสมาลพูดเสียงเข้ม ดวงตาวาวโรจน์น่ากลัวจนณัชชาสะดุ้งสุดตัว มองอัสมาลตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างคาดไม่ถึง ประหนึ่งว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีเขาและเขี้ยวรวมไปถึงหูงอกออกมาจากร่างกาย
คุณพระ! นี่เขาจะบอกว่าเขาคือท่านชีคผู้ปกครองเมืองนี้ และเป็นคนที่เธอเดินทางมาทำสกู๊ปในครั้งรี้อย่างนั้นหรือ สมองของณัชชาเหมือนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูยังไงอายุอานามของเขาไม่น่าจะเกินสามสิบห้าปีจะมีตำแหน่งใหญ่โตขนาดนี้
"ใครส่งเธอมา?"
"อะไร...?"
ณัชาชางงหนักคูณสอง เมื่ออยู่ๆอัสมาลก็เอ่ยคำถามที่ทำให้เธอสับสนหนักเข้าไปอีก
"เป็นนักข่าวใช่ไหม หน่วยข่าวไหนส่งเธอมา แล้วรู้อะไรเกี่ยวกับฟาร์ซิสบ้าง?"
เหมือนถูกค้อนทุบหัวจนสมองมึนงงสับสนถึงขั้นเบลอ
บ้าไปกันใหญ่แล้ว!
เธอไม่ใช่นักข่าว ไม่ได้มาจากสำนักข่าวหรือหน่วยงานไหน แต่เป็นนักเขียนต่างหากเล่า!
"ฉันไม่ใช่นักข่าวซะหน่อย!"
ณัชชาปฏิเสธเสียงหลง และแน่นอนว่าอัสมาลไม่เชื่อ เขาเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นและความคิดที่เป็นใหญ่ของตัวเองมากกว่า
"หลักฐานหนาแน่นขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธอีก?"
อัสมาลคำรามในลำคอ มองหญิงสาวอย่างเกรี้ยวกราด
"ฉันไม่ได้ปฏิเสธ แต่พูดความจริงต่างหาก"
ณัชชาแก้คำพูดของอันสมาล ความจริงก็คือความจริง และความจริงก็คือเธอไม่ใช่นักข่าวอย่างที่เขากล่าวหา แต่ชีคอัสมาลก็ไม่คิดที่จะฟังคำพูดของหญิงสาวแม้แต่นิดเดียว
"ทหาร!"
อัสมาลเรียกกลุ่มชายฉกรรจ์เขาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจ ตอนนี้ณัชชารู้แล้วว่าพวกเขาคือทหารที่ตามมาอารักษ์ขาท่านชีคของพวกเขานี่เอง
"ครับท่านชีค"
"เอาตัวผู้หญิงคนนี้กลับไปที่วัง!"
สิ้นคำสั่งชีคอัสมาลก็หันหลังเดินกลับไปยังรถหุ้มเกราะที่จอดอยู่ตรงมุมตึกทันที
"เฮ้ย! จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ปล่อยฉันนะ พวกคุณไม่มีสิทธ์ทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันจะฟ้องสถานฑูต ปล่อยฉันไปนะ ปล่อยเซ่!"
ณัชชาโวยวายออกมาเสียงดังลั่น และคำว่าสถานฑูตก็ทำให้เท้าที่กำลัวก้าวเดินอย่างมั่นคงของอัสมาลชะงักและหยุดทันที ก่อนที่ร่างสูงจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวด้วยท่าทีคุกคาม
"กว่าเธอจะหลุดรอดไปฟ้องสถานฑูต ฉันว่าเธอคงกลายเป็นศพไปแล้วล่ะมั้งคุณนักข่าว"
อัสมาลกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
"โหดร้ายป่าเถื่อน แล้วจะให้บอกอีกสักกี่ครั้งกันว่าฉันไม่ใช่นักข่าว ฉันเป็นนักเขียนต่างหาก"
ณัชชาแก้ต่างให้ตัวเองอีกครั้ง แต่ในความคิดของอัสมาล คำว่าว่านักข่าวกับคำว่านักเขียนไม่ได้ห่างไกลกันเลยสักนิด
"ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร เธอก็มีความผิดอยู่ดี"
อัสมาลแค่นยิ้ม
"ตรงไหนไม่ทราบ!?"
ณัชชาถาม ไม่เข้าใจสักนิดว่าตัวเองทำผิดอะไร เธอเพิ่งจะเดินทางมาถึงฟาร์ซิสยังไม่ทันถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แบบนี้แล้วเธอจะเอาเวลาที่ไหนไปทำความผิดอย่างที่ท่านชีคคนนี้กล่าวหา
"หึ!"
อัสมาลแค่นยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ
"ความผิดของเธอมีแน่อยู่แล้ว อย่าได้คิดแก้ตัวเลย มันฟังไม่ขึ้น พาเธอไปได้แล้ว!"
ประโยคหลังอัสมาลหันไปสั่งทหารภายใต้การปกครองของเขาส่วนตัวเองก็ก้าวขึ้นรถไปปล่อยให้ณัชชาถูกทหารของตัวเองพาไปขึ้นรถจี๊ปอีกคันที่จอดอยู่ใกล้ๆกัน จากนั้นขบวนรถของชีคอัสมาลก็เคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้นโดยมีจุดหมายปลายทางคือวังหลวงของเมืองฟาร์ซิสที่พำนักอาศัยของชีคอัสมาล
.....................
"ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ปล่อย!"
เสียงแหลมปรี๊ดของหญิงสาวต่างชาติทำให้นายทหารเวรที่อยู่ยามตามจุดต่างๆของห้องโถงใหญ่นั้นแสบแก้วหูไปตามๆกัน
ณัชชาสูดลมหายใจลึกๆเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์กรุ่นโกรธที่ลุกโชนภายในอก เธออยากให้ทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน แต่ไม่ว่าจะหลับและลืมตาขึ้นมาอีกกี่ครั้งทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
วังแบบอาหรับวิจิตรสวยงามตามแบบฉบับตะวันออกกลางแท้ๆ ทุกซอกทุกมุมในห้เงโถงใหญ่ล้วนถูกประดับด้วยทอง มีกลิ่นกำยานส่งกลิ่นหอมกำจายสร้างเสน่ห์และมนต์ขลังให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้ม
ใช่!
มันควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้าหากเธอเข้ามาเหยียบที่นี่ในฐานะอื่น ไม่ใช่นักโทษอย่างที่ชีคอัสมาล อับดุลลา อัล มาติน คนนั้นกล่าวหา!
"ปล่อยฉันไปนะคุณชีค!"
ณัชชารีบพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นร่างสูงของชีคอัสมาลก้าวเข้ามาในห้องโถงที่เขาใช้กักตัวเธอไว้
"เธอยังไปไหนทั้งนั้น"
อัสมาลตอบเสียงเรียบ เดินผ่านหญิงสาวเข้าไปนั่งยังเก้าอีประจำตัวของเขา ไม่สนใจต่อท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจของณัชชาเลยสักนิดเดียว
"จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งกันคุณชีคว่าฉันไม่ใช่นักข่าว ฉันเป็นแค่นักเขียนธรรมดาๆเท่านั้น"
"ถ้าเป็นแค่นักเขียนจริง ทำไมเธอถึงได้มีรูปถ่ายของฉัน ไหนจะประวัติส่วนตัวนั่นอีก คำแก้ตัวของเธอฟังไม่ขึ้น"
อัสมาลถามหญิงสาวกลับ ยอมรับว่าคำแก้ตัวของผู้หญิงคนนี้อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่เขาก็ไม่อยากจะไว้ใจ สถานการณ์ในฟาร์ซิสตอนนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และอาจจะมีข่าวรั่วไหลออกไปจนทำให้สื่อต่างๆพากันเข้ามาหาข่าวเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองก็ได้
"ฉันถูกส่งตัวมาเพื่อทำสกู๊ปเกี่ยวกับท่านชีคแห่งตะวันออกกลาง ซึ่งก็คือคุณ แล้วมันจะแปลกอะไรเล่า"
ณัชชาพูดอย่างนึกฉุน ไม่เข้าใจเลยว่าคนที่หน้าตาดูเหมือนจะฉลาดปราดเปรื่องไปซะทุกเรื่องอย่างเขา กับไอ้เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมถึงคิดไม่ได้
"ถ้าคุณไม่เชื่อ ติดต่อไปที่สำนักพิมพ์ของฉันสิ เว้นก็แต่ว่าคุณจะไม่กล้า"
ณัชชาว่า จ้องหน้าชีคหนุ่มอย่างท้าทาย
"มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่กล้า!?"
อัสมาลถามกลับเสียงขุ่นขวาง
"ก็เพราะว่าคุณกลัวจะเสียหน้าไง ที่จับฉันมากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้โดยที่ฉันไม่มีความผิดแบบนี้"
"น้อยๆหน่อยเถอะ ที่นี่ฉันเป็นใหญ่ จะจับเธอหรือใครๆมาขังไว้อีกสักสิบคนก็ไม่มีใครกล้าว่าหรือเอาเรื่องฉันได้หรอก ฉันจะให้คนติดต่อไปยังสำนักพิมพ์ที่เธอว่าก็ได้ แต่เธอต้องอยู่ที่นี่จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะคลี่คลาย"
"คุณมันบ้าอำนาจ ป่าเถื่อน และเลือดเย็นที่สุด ฉันเกลียดคุณ!"
"จำคำพูดของเธอในวันนี้ให้ดีล่ะ เพราะถ้าเธอเกิดหลงรักฉันขึ้นมา คนที่น่าสมเพชก็คือเธอ"
"บอกตัวเองเถอะท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่ เพราะไอ้ที่คุณจับฉันขังไว้แบบนี้น่ะ คนอื่นเขามองว่าคุณน่ะมีใจให้ฉัน!"
ณัชชาเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ แรงมาเธอก็แรงกลับ อย่าหวังว่าเธอจะยอมง่ายๆ จะใหญ่คับฟ้าแค่ไหนก็เถอะ เธอจะสู้สุดใจเลย
"มีใจอย่างนั้นเหรอ...เข้าท่าดีนี่ ถ้าคิดว่าฉันจะมีใจให้ งั้นเธอก็เข้าไปอยู่ในฮาเร็มและเป็นผู้หญิงของฉันซะเถอะ เธอจะได้คู่ควรกับคำว่ามีใจ!"