ตอนที่ 6 / 3

1726 คำ
อัคราไม่ได้ตามแพรพิศเข้ามานั่งในบ้านด้วย ดังนั้นตอนนี้มีแค่แพรพิศคนเดียวที่อยู่ภายในบ้านของเธอ เขาคิดว่าปล่อยให้สตรีต่างวัยได้คุยกันตามลำพังจะดีกว่า เผื่อเรื่องที่พวกเขาคุยเป็นเรื่องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว                                                            ชายหนุ่มนั่งรอแพรพิศที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ ท่าทางเขากับสนุขบ้านนี้จะสนิทกันเร็ว เจ้าด่าง เจ้าหางด้วน และเจ้าแม่มะลิถึงได้พากันนั่งลิ้นห้อย ล้อมรอบชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้เขาไปไหนอีก                              เธอละสายตาจากชายหนุ่ม แล้วหันกลับมามองภายในบ้าน ที่ยังเหมือนเดิม ตั้งแต่จากบ้านหลังนี้ไป แม่ก็ให้ป้าแก้วกับลุงสมัยดูแลทั้งบ้านและสวน สวนที่ขับรถผ่านเข้ามาตั้งแต่แรกนั้นทั้งหมดเป็นสวนของเธอ                                                                                               ตอนนี้ป้าแก้วเดินขึ้นไปหยิบอะไรสักอย่างที่ชั้นบน กลับลงมาก็เอาสิ่งนั้นมายื่นให้เธอรับไปดู                                                  " บัญชีธนาคารของหนู ที่แม่หนูเปิดไว้ให้ เวลาเราเก็บอะไรในสวนขายไป เราก็แบ่งเงินส่วนหนึ่งฝากไว้ในบัญชีนี้ให้หนูด้วย ตามที่ตกลงกับแม่ของเราไว้"  แพรพิศรับบัญชีมาเปิดดู ตั้งแต่ปีที่เธอจากบ้านจนมาถึงตอนนี้ บัญชีหลายหน้ามีแต่รายการฝากเงินสดเข้าตลอด จนล่าสุดเธอมีเงินสะสมในบัญชีนี้ถึงหกหลักแล้ว แม้จะเป็นสัญญาปากเปล่าที่ไม่ได้ตกลงกันเป็นเอกสาร แต่ป้าแก้วก็ยังคงซื่อสัตย์กับสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับแม่ของเธอเสมอ เธอยิ้ม ก่อนจะถามเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าจะปรึกษาเธอ "แล้วเรื่องอะไรที่ป้าบอกว่าอยากจะคุยกับหนูล่ะ"                                           "มีคนมาติดต่อขอซื้อสวนของหนู เห็นบอกว่าอยากเก็บไว้ทำรีสอร์ทหรือโฮมสเตย์เพราะ สวนนี้มีคลองถึงตลอด เขาว่าจะให้ยี่สิบหกล้าน"   "คะ!" เธออุทานอย่างตกใจ "แล้วที่ป้าถาม เพราะอะไรคะ หรือป้าไม่อยากดูแลบ้านและสวนให้แพรแล้ว"                                         "ป้าก็ครึ่งๆ กรางๆ คือ เขาบอกว่าถ้าหนูแพรยอมขายให้เขา เขาจะแบ่งค่านายหน้าให้ป้า ถ้าป้ามีเงินก้อนก็จะไปซื้อที่ทางทำมาหากินใหม่ แต่ถ้าหนูไม่อยากขาย ป้าก็จะอยู่ดูแลกันไปก่อน ก็คือ ป้ายังไงก็ได้น่ะ เอ้า"                                                                                     แพรพิศตบบนมือแห้งเหี่ยวของอีกฝ่ายแล้วเอ่ย "ป้ากับลุงหมัยทำสวนดูแลสวนให้แพรไปก่อนนะคะ แพรยังไม่มีความคิดจะขายอะไรหรอก อยากเก็บไว้ก่อน มันเป็นที่ดินของตากับยาย"                         อีกฝ่ายรีบพยักหน้ารับ ด้วยความเข้าใจ                             ส่วนแพรพิศก็แค่คิดต่ออีกว่า ถ้าเธอไม่กลับมาเยี่ยมบ้านวันนี้ เธอก็ยังไม่รู้ว่า ที่ดินผืนนี้มีค่าร่วมกันถึงยี่สิบหกล้านเชียว เมื่อออกจากบ้านเธอมาเป็นเวลาเกือบบ่าย เขาและเธอก็ขับรถหาที่แวะทานอาหารกลางวันกันก่อนจะกลับ                                         นึกแล้วแพรพิศก็แปลกใจขึ้นมา ว่าช่วงเวลาวันหยุด เขาไม่ไปใช้เวลากับคนรักของเขาหรือ แล้วชนิภาหายไปไหน เพราะสัปดาห์ที่ผ่านก็ไม่ได้แวะไปหาชายหนุ่มที่บริษัทด้วย                                                         แต่แพรพิศก็ไม่ได้ถามถึงความสงสัยพวกนี้ เพราะต้องคอยฟังเขาแนะนำและดูตามที่เขาชี้ให้เธอดูทางต่างๆ ไปด้วย                                   จนเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสองโมง... อัคราให้เธอแวะพักทานมื้อเที่ยงที่สวนอาหารแห่งหนึ่งที่มีต้นไม้ร่มรื่นในร้านก่อน                         และเมื่อก้าวลงจากรถ วันนี้เธอรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าอากาศมันร้อนกว่าเมื่อวานชอบกล หรือว่าเธอขับรถระยะไกลภายใต้แสงแดดจ้า ทำให้เธอเกิดอาการเหนื่อยล้าขึ้นมา แม้จะรู้สึกไม่ค่อยดี แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ปริปากบ่น เมื่อได้มานั่งใต้ต้นไม้ร่มรื่นบวกกับพัดลมไอเย็นก็ทำให้เธอรู้สึกสบายตัวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่มีอาการพะอืดพะอม ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนตอนอยู่ในรถอีกแล้ว                                                        ในขณะที่แพรพิศสั่งรายการอาหารมาสามสี่อย่าง แต่เขากลับสั่งแค่กาแฟดำมาดื่มเท่านั้น   เธอเงยหน้าจากเมนูขึ้นมาถามเขาอย่างสนใจว่า "คุณอัครไม่หิวหรือคะ"                                                                             "ไม่ เธออยากทานอะไรก็สั่งมาก็แล้วกัน"                           จากนั้นเธอก็ก้มดูรายการเมนูเครื่องดื่มเย็นๆ ต่อ                 ขณะนั้นอัคราก็จ้องเธอด้วยแววตานิ่งงัน พลางนึกถึง เรื่องการสอนขับรถให้เธอ ทีแรกเขาก็คิดว่าจะให้คนขับรถมาสอนเธอ แต่ก็คิดว่าไม่เหมาะ เพราะบางอย่างสถานการณ์ต้องอยู่ใกล้ชิดกันมาก เธออาจจะอึดอัดกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่สนิทกัน และวันนี้เขาพามานอกเมืองถึงขนาดนี้ หากให้คนอื่นมากับเธอสองต่อสองก็กลัวจะเป็นอันตรายกับเธอเช่นกัน อัคราจึงเป็นคนสอนเธอขับเอง และวันนี้ก็เลือกทางที่ไม่ค่อยมีรถมากนัก ให้เธอฝึกขับระยะไกลไปเรื่อยๆ บางครั้งก็ให้คำแนะนำกรณีเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาขณะอยู่บนท้องถนนไปด้วย                                          และเมื่อรายการอาหารที่หญิงสาวสั่ง ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เธอก็เริ่มลงมือทานไปเงียบๆ ในขณะที่เขาก็จิบกาแฟไปเรื่อยๆ รอจนเธอใกล้อิ่มนี่แหละ เขาจึงลองถามบางเรื่องขึ้นมา                                             "ตั้งแต่เธอกลับมา เธอเคยอยากรู้ความเป็นไปของคนที่บ้านนั้นบ้างมั้ย ฉันหมายถึง...บ้านของคุณพ่อเธอ"                            ถามออกแล้วก็เห็นอากัปกิริยาของหญิงสาวเด่นชัดขึ้น เธอชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองเขาคล้ายค้นหาว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงมาถามเธอเช่นนี้ ก่อนจะรวบช้อนและส้อมเข้าไปด้วยกัน เหมือนคนไม่มีอารมณ์จะทานข้าวต่อ                                                                                        อัครายังคงมองเธอด้วยสายตานิ่งงันเช่นเดิม เธอก็ยิ่งอึดอัด เขาหมายถึงอะไร หมายถึงความเป็นไปของใครบ้าง                                     "ว่าไง เธอเคยอยากรู้ว่าคนที่บ้านของคุณพ่อเธอเป็นอย่างไรกันบ้างมั้ย" ถามแล้วก็ยกกาแฟมาจิบ สายตายังจังเธอนิ่งเหมือนนกเหยี่ยวที่จับเหยื่อขังเอาไว้ในกรงเล็บแหลมคมแล้วก็ไม่มีทางจะปล่อยให้เหยื่อหลุดไปง่ายๆ       "แพรจะไปอยากรู้เรื่องของพวกเขาทำไมล่ะคะ ในเมื่อพวกเขาเองก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องของแพรสักหน่อย" เธอตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เบือนหน้าหนีหลบสายตาชวนอึดอัดของเขา                                     และแน่นอนเธอโกหกเขา จริงๆ เธอติดตามความเป็นไปของคนบ้านนั้นอยู่ โดยเฉพาะน้องสาวผู้ที่มีแต่ความเพียบพร้อมรายล้อมตัว แต่ทำไมอัคราถึงต้องมาถามเธอด้วย                                                           "ไม่ เลยสักนิดหรือ" อัครายังไม่หยุดถาม คล้ายเขากำลังจี้ถามให้ตรงจุด ทำให้แพรพิศสะบัดหน้ามามองเขาด้วยแววตาก้าวร้าวอย่างอดไม่ได้   "ไม่ค่ะ! คนพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรให้แพรต้องกลับไปสนใจ ตั้งแต่ที่พวกเขาเฉดหัวแพรและแม่ออกจากบ้านนั้นมา แพรก็ไม่ได้อยากรู้ ว่าพวกเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรอีก"                                                        อัครารับฟัง เขาสัมผัสได้ว่าแพรพิศมีความเคียดแค้นชิงชังคนบ้านนั้นมาก เธอหายใจแรงขึ้น บ่งบอกว่าเต็มไปด้วยความโกรธ แววตาทอประกายความเจ็บปวด                                                  "แม่ของแพร ทำทุกอย่างเพื่อจะให้คุณช่วยดูแลแพรต่อ จนต้องเสียสละชีวิตไป แม่แพรลงทุนมาก...มากเกินไปแล้ว" ใช่มากเกินจนเธออยากจะให้คนพวกนั้นได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเหมือนแม่ เหมือนเธอบ้าง        "ฉันก็แค่ถามดู เธออย่าอารมณ์เสียเลยนะ ทานข้าวต่อเถอะ"            จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนท่าทีลง ไม่รุกเร้าชักถามอีก แพรพิศหันมามองเขาอย่างไม่วางตา ตอนนี้ เธอไม่มีอารมณ์จะทานข้าวต่อแล้วล่ะ  แล้วจู่ๆ เธอก็พรั่งพรูความเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง                "วันที่เราสองคนออกจากบ้านหลังนั้นมา เราสองคนแม่ลูกรู้สึกโดดเดี่ยวมาก โดยเฉพาะแม่ผู้ที่แบกรับทุกสิ่งทุกอย่าง แม่จะรู้สึกอย่างไร เมื่อรู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้ไม่นาน แล้วลูกสาวล่ะจะอยู่กับใคร นั่นคือเหตุผลที่แม่ต้องบากหน้ามาหาคุณ มายัดเยียดแพรให้คุณช่วยดูแลต่อ ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่ได้มีส่วนที่ต้องมารับผิดชอบแพรด้วยซ้ำ แต่คุณไม่ต้องห่วง ตอนนี้แพรความเข้าใจความกล้ำกลืนของคุณที่ต้องทนเลี้ยงลูกของคนอื่นได้แล้วค่ะ" หญิงสาวเอ่ย เสียงลดทอนความแข็งกร้าวไป ทำให้อัคราจับใจความได้ว่า เธอเข้าใจเขาในมุมของเขาแล้ว                             "ป่านนี้พวกเขาน่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าแม่ไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้แล้ว หรือถ้าหากรู้ก็คงไม่มาสนใจหรอก ว่าแพรจะมีชีวิตต่ออย่างไร จะไปตกระกำลำบากที่ไหน" แพรพิศเอ่ยอย่างเจ็บปวดกับคนที่มีชะตาชีวิตบนความไม่ต้องการของใคร                                                               โดยเฉพาะชายหนุ่มตรงหน้า ทุกวันนี้เขาก็ยังแสดงความห่างเหินเย็นชากับเธอได้อย่างคงเส้นคงวาเสมอ ที่เขารับดูแลก็คงไม่พ้นเรื่องของมนุษยธรรมเท่านั้น                                                                         บังเอิญเขาดันมีจิตใจที่ดีกว่าคนที่ทำให้เธอเกิดมาแค่นั้น                  อัครามองหญิงสาว แววตาทอประกายอ่อนลง ยิ่งโต เธอยิ่งเข้าใจความลึกล้ำภายในจิตใจของมนุษย์ได้ดีขึ้น และคงเห็นแล้วว่าในมุมของเขา ควรรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ นั่นแหละสุดท้ายเขาก็ใจดำไม่พอที่จะส่งเธอให้กลับไปอยู่กับคนที่บ้านนั้นจนได้           
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม