น้าพิมเนื้อหอมมากมีผู้ชายมากหน้าหลายตามาชอบแต่น้าพิมก็เลือกคุณชนะทิศ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไรสักนิดถ้าหากนี้เป็นความสุขของน้าพิมฉันก็ยินดีเสมอ
“ทำไมแพงต้องเก็บของด้วย?” ถามกลับในสิ่งที่สงสัย “แพงอยู่ที่นี่ได้ น้าพิมไปเถอะ”
“ไม่ได้” น้าพิมวางหนังสือลงในกระเป๋า จับจ้องฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย “น้าจะปล่อยให้แพงอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้เด็ดขาด”
“...”
“น้าเป็นห่วงแพงเลยปรึกษาเรื่องนี้กับคุณชนะทิศแล้วเขาก็ตกลงที่จะต้อนรับแพง” ฉันไม่ได้อยากไปเป็นก้างขวางคอพวกเขาหรอกนะ ถ้าหากฉันอยู่ที่นี่ได้ฉันก็อยู่เพราะบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของน้าพิมที่ซื้อไว้นานแล้ว อีกอย่างฉันอยู่ที่นี่ก็มีความสุขมากและถ้าต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นฉันคิดว่าฉันไม่โอเค
“แพงเกรงใจ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “น้าพิมมีความสุขกับคนที่ตัวเองรักแล้ว แพงไม่อยากไปเป็นก้าง”
“แพงไม่ใช่ก้าง” น้าพิมเอื้อมมือมาวางซ้อนทับฝ่ามือฉันบนหน้าตัก “ถ้าแพงไม่ไป น้าก็จะอยู่ที่นี่”
“น้าพิม...” แบบนั้นคุณชนะทิศจะมองฉันยังไงล่ะ? ตัวปัญหาหรือเปล่า ทั้งที่เขาเองก็ใจดีเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือด้วยฉันคิดแบบนั้นนะยามที่เห็นเขาใส่ใจน้าพิมและฉันมาเสมอที่คบหากันจนถึงวันที่จะพาไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน
“ตกลงตามนี้ น้าไม่ไป” พูดจบก็เอาของออกจากระเป๋าทันทีโดยไม่ลังเล
“โอเคค่ะ” ตอบกลับจนน้าพิมชะงักมือที่กำลังหยิบหนังสือออก เธอหันมามองฉันพลางส่งยิ้มให้ “แพงไปด้วยก็ได้”
แม้ว่าใจจริงจะไม่ได้อยากไปก็เถอะ ทำยังไงได้ล่ะน้าพิมเล่นหักคอกันแบบนี้ ฉันก็แย่น่ะสิ!
“ไปที่ใหม่ แพงอาจจะดีขึ้น” ฉันมองน้าพิมที่เอื้อมมือมาบีบบ่าฉันเพื่อให้กำลังใจ “เริ่มใหม่อีกสักครั้งนะ พะแพง”
ต่อให้ย้ายที่ใหม่ถ้าหากหัวใจของฉันมันยังจมดิ่งอยู่ ต่อให้ย้ายไปอีกสักร้อยที่ฉันก็ยังเป็นแบบนี้เหมือนเดิม... เป็นคนที่ไร้ซึ่งสีหน้าและความรู้สึกอย่างที่น้าพิมเป็นกังวล อาการของฉันหมอเคยบอกว่ามันคืออาการของคนที่เก็บตัวเองด้วยจากเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่พบเจอ ฉันต้องไปหาหมอเพื่อรับยาคลายเครียดมากินเสมอ แต่ดีที่ฉันไม่ได้มีความคิดอยากจะทำร้ายตัวเองหรือปลิดชีพเพียงเพราะว่าเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอ
น้าพิมคอยบอก คอยสอนให้ฉันเข้มแข็งมาเสมอและเวลามันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอที่จะเผชิญกับโลกภายนอก ฉันบอกตัวเองเสมอว่าต่อให้เจอกับอะไรที่เลวร้ายมากกว่าที่เคยเจอ ฉันก็จะเฉยเมยกับมันเหมือนกับว่าคือเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ชีวิตคนเรามันก็เท่านี้ล่ะ...
เพราะมีเรียนช่วงบ่ายฉันกับน้าพิมจึงได้นั่งรถตู้ของบ้านคุณชนะทิศเพื่อตรงไปยังบ้านของเขา ซึ่งฉันก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่แต่น้าพิมนี่สิออกจะดีใจจนเห็นถึงสีหน้าและแววตาที่เด่นชัด ฉันจับมือน้าพิมไว้ก่อนจะส่งยิ้มให้แบบเบาบาง
“คุณชนะทิศมีลูกชายด้วย แต่เห็นบอกว่าออกไปอยู่คนเดียว บ้านก็เลยเงียบเหงา” เพราะแบบนี้หรือเปล่าถึงได้อนุญาตให้ฉันมาอยู่ที่นี่กับน้าพิมด้วย รถตู้เคลื่อนตัวมาถึงประตูหน้าบ้านที่มีลวดลายสวยงาม ขนาดพื้นที่บ้านใหญ่โตเอาการจนฉันหรี่สายตามองบ้านที่เปรียบเปรยง่ายๆ เลยคงจะเป็นคฤหาสน์มากกว่านะ
“เชิญเข้ามาด้านในก่อนนะคะ คุณท่านกำลังทำงานอยู่เดี๋ยวก็ลงมาค่ะ” ป้าแม่บ้านที่เชิญเราสองคนเข้าไปนั่งในห้องรับแขกก็จัดเตรียมเครื่องดื่มมาให้เราสองคนน้าหลานนั่งรอคุณชนะทิศ สายตาของฉันก็มองไปรอบห้องรับแขกจึงได้เห็นกรอบรูปขนาดใหญ่ซึ่งเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งสวยมากเหมือนกับนางงาม ด้วยความสงสัยจึงหันไปสบตากับน้าพิมที่ดูเหมือนจะรู้ความต้องการของฉัน
“ภรรยาเก่าของคุณชนะทิศน่ะ” พอน้าพิมพูดแบบนี้ฉันก็ยิ่งไม่พอใจเลยนะ มีเมียอยู่แล้วทำไมถึงพาน้าพิมมาด้วย? นี่อย่าบอกนะว่าน้าพิมจะต้องมาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียน้อยน่ะ “อย่าเพิ่งเข้าใจแบบนั้นนะพะแพง”
“แล้วมันยังไง?” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เขามีเมียแล้ว”
“ภรรยาของคุณชนะทิศเธอเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว” รู้สึกหายใจโล่งอกมากที่อย่างน้อยน้าพิมก็ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียน้อยอย่างที่คิดไว้ เมื่อนั่งรอคุณชนะทิศนานพอควรฉันก็ลุกขึ้นถามป้าแม่บ้านจะเข้าห้องน้ำ บ้านหลังใหญ่โตกว้างขวาง