= EP03 =
ฉัน... อยากไปจากที่นี่วันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้เลย
แต่สิ่งที่ทำได้คือการต้องจำใจอยู่ที่นี่ต่อ แม้จะมีปีศาจร้ายอยู่ก็ตามที ฉันนอนคว่ำลงบนเตียงนอนที่แสนนุ่มสบาย ทว่าหัวใจของฉันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย วันนี้ความคิดของฉันถูกโจมตีไปด้วยการกระทำที่แสนเลวทรามของเขา ไม่อยากเอ่ยชื่อเขาหรือแม้แต่จะเรียกเขาให้ดูสนิทสนม ทว่ามันเป็นสิ่งที่คุณชนะทิศต้องการและเขาคือผู้มีพระคุณที่ฉันไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่เชื่อฟังได้เลยสักนิด ถ้าหากฉันไปจากบ้านหลังนี้น้าพิมจะต้องถามแน่ว่ามีปัญหาอะไร
ฉันไม่อยากให้น้าพิมต้องเสียใจทั้งที่ท่านมาอยู่ที่นี่กับคุณชนะทิศแล้วมีความสุขมาก ฉันไม่อยากทำลายความรู้สึกนั้นเลยสักนิด แต่จะให้ฉันทำยังไงดีล่ะ? หนีไม่พ้นแล้วจริงๆ สินะพะแพง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองประตูไม้บานใหญ่ด้วยสีหน้าและท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เพราะหลังประตูถ้าหากไม่ใช่น้าพิมแล้วคือเขา... ฉันจะทำยังไงดี สายตามองหาของที่สามารถจัดการเขาได้แต่ก็ไม่มีเลย ไม่อยากเปิดแต่ถ้าไม่เปิดเขาอาจจะทำให้เรื่องมันบานปลายมากกว่านี้ก็เป็นได้
“เปิดสักที รอนานแล้วนะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความงอแงทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคอ สายตาเลื่อนมองไปยังแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยสักกับมัดกล้าม เนื่องจากเขานุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวสีเลือดหมูตัวเดียวมาเคาะประตูหน้าห้องฉันในยามดึกดื่นแบบนี้
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณไฟ”
“หือ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเท้ามือกับขอบประตูโถมตัวลงมาจนฉันเซถอยหลังนิดหน่อย “พ่อพี่บอกว่ายังไงครับ”
“...”
“ให้เราสองคนสนิทกันเหมือนพี่น้อง เพราะฉะนั้นพะแพงต้องเรียกพี่ไฟสิ”
จะมาไม้ไหนกันแน่? ฉันได้แต่คิดคำพูดนี้อยู่ในใจ เม้มริมฝีปากตัวเองขณะจับจ้องดวงตาคมที่มองอยู่ไม่วางตา
“พี่ไฟมีอะไรคะ” เพราะไม่อยากให้เขาย้ำคิดให้ฉันพูด จึงตัดบทด้วยการเรียกเขาไปแบบนั้น
“น่ารักมาก” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นเขี้ยวเขาก็ถอนหายใจออกมา “เรื่องวันนี้พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ทำตัวแย่ๆ ใส่แพง”
“...” ขอโทษเหรอ? นี่เขากำลังคิดจะเล่นอะไรกันอยู่ ฉันขมวดคิ้วอย่างมึนงงจนเขายิ้มอ่อน
“พี่แค่...” ยืดตัวตรงก่อนจะขยับเข้ามาใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า พลางใบหน้าหล่อเหลาก็เคลื่อนมายังข้างใบหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนแต่กลิ่นเหล้าบุหรี่เจือจางแม้ว่าจะอาบน้ำแล้วก็ตาม “อดใจไม่ไหวเวลาได้กลิ่นแพง”
“แพงไม่ใช่ผู้หญิงของพี่” ตอบกลับพลางยันอกแกร่งให้ถอยห่าง “อย่าทำแบบนั้นกับแพงอีก”
“โอเคครับ” ยกมือทั้งสองขึ้นอย่างยอมแพ้ “พี่อยากพูดกับแพงแค่นี้ล่ะ”
“...”
“ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้พี่ไปส่งที่มหาลัยนะ” ฉันที่กำลังจะส่ายหน้าแต่พี่ไฟก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้อีกครั้ง “พ่อพี่สั่ง พี่ขัดไม่ได้ แพงเองก็ด้วยนะ”
เอาคำพูดของคุณชนะทิศมาขู่กันหรือไง? พี่ไฟรู้ดีใช่ไหมว่าฉันไม่มีทางขัดคำพูดของพ่อเขาได้ เมื่อปฏิเสธไม่ได้จำต้องทำตามอย่างที่กล่าวมา ก่อนจะปิดประตูพี่ไฟก็ดันประตูไว้จนฉันเงยหน้าสบตากับเขา
“พะแพงสวยมากเลยนะ” ฉันไม่รู้หรอกนะว่านี่คือคำลวงหรือคำพูดที่แค่จะยุติสงครามระหว่างกัน ทว่า... มันกลับเล่นงานหัวใจของฉันมากพอควร จึงแสร้งทำไม่สนใจและปิดประตูลงท่ามกลางหัวใจที่ค่อยๆ เต้นแรงขึ้น แม้ว่าจะไม่มากมายแต่ฉันกลับรู้สึกได้ว่ามันเต้นแรงเพราะเขา
เช้านี้ฉันก็ออกมาช่วยน้าพิมกับป้าแต้วจัดเตรียมอาหารเช้าเพราะมีเรียนต่อสิบโมง ยกกาแฟมาให้คุณชนะทิศที่ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีงานสำคัญต้องเข้าบริษัท เขาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แถมยังพ่วงด้วยมีโรงแรมอยู่ที่ทางเหนือด้วย เห็นว่าจะขยายใหญ่โรงแรมจึงได้ติดต่อหาซื้อพื้นที่บริเวณนั้นอยู่ ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากนักหรอกนะและไม่คิดจะอยากรู้ด้วยซ้ำไป “หาว...”
ร่างสูงที่สวมชุดนักศึกษาแบบไม่เป็นระเบียบยกมือปิดปากมาแต่ไกลก่อนจะดึงเก้าอี้ข้างคุณชนะทิศพลางทิ้งตัวนั่งลงก่อนจะเงยหน้าสบตากับผู้เป็นพ่อที่เบนสายตามองอย่างไม่พอใจ
“ถ้าแกมาอยู่ที่บ้าน เหล้ากับบุหรี่แกต้องเพลาๆ ลงบ้าง”
“เพลาได้ไง ติดไปแล้ว” ตอบกลับก่อนจะมองน้าพิมที่ยกถ้วยข้าวต้มไปวางไว้ พี่ไฟหยิบช้อนขึ้นมาเตรียมตักกิน
เคร้ง
“จิ๊!”
“เดี๋ยวน้าเก็บให้ค่ะ” ด้วยความที่น้าพิมยังเดินไปไม่ไกลเท่าไหร่ จึงอาสาเก็บและเปลี่ยนช้อนคันใหม่ให้
“ขอบคุณนะครับ” พี่ไฟฉีกยิ้มให้กับน้าพิม แต่ไม่ทันที่น้าพิมจะเดินไปนั่งที่ตัวเองดีเลยพี่ไฟก็ทำช้อนตกลงอีกแล้ว จนฉันขมวดคิ้วมองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “โธ่เว้ย มืออ่อนแรงอะไรแบบนี้วะ!”
“ก็กินน้อยไปสิเหล้าน่ะ” คุณชนะทิศบ่นพึมพำ น้าพิมก็ก้มลงเก็บช้อนและเปลี่ยนให้ใหม่อีกครั้ง ฉันคิดว่ามันจะจบแล้วนะแต่แล้วว่าก็เกิดเหตุการณ์เดจาวูอีกครั้ง
เคร้ง
“เฮ้อ ขอโทษนะครับน้าพิม ช้อนผมตกอีกแล้วอะ”
“ไอ้ไฟ!”
“ใจเย็นๆ นะคะคุณชนะทิศ คุณไฟอาจจะไม่มีแรงจริงๆ ก็ได้ค่ะ” ฉันลุกขึ้นก่อนจะดึงต้นแขนน้าพิมไว้พลางก้มลงหยิบช้อนและเดินเข้าครัวไปหยิบอันใหม่ส่งให้พี่ไฟ
“มือพี่อ่อนแรงมากเลยครับ” รับช้อนจากมือฉันและทำหน้าไม่สบายใจ “ตักข้าวกินไม่ได้แน่เลย”