Sinful Passion :: CHAPTER 2 [100%]

1726 คำ
เพื่อนทั้งสองคนของผมบ้านมีอิทธิพลพอควร แต่คนที่มากกว่าเห็นจะเป็นไอ้รามที่ไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นกับมันสักเท่าไหร่อาจจะเพราะว่ามันเป็นน้องชายห่างๆ ของเฮียแซค เจ้าของคลับที่เราไปนั่งด้วยกันบ่อยๆ เขาเป็นคนที่อยู่ในมุมมืดที่เรียกได้ว่า ‘ถ้าไม่อยากตาย อย่าคิดเล่นกับเฮียแซค’ ถ้าตัดเฮียแซคไป คนอย่างไอ้รามก็ไม่มีใครกล้าเล่นงานด้วยเอาจริง ส่วนไอ้ลี้เทียน พ่อกับแม่เป็นตระกูลคนจีนมีห้างทองอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ แถมยังมีพี่ชายที่สุขุมและเอาเรื่องมาก เพราะโดนบังคับเสมอให้ต้องมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน ด้วยความที่มันเป็นพวกต่อต้านเลยหาเรื่องออกมาอยู่คอนโดแบบเดียวกับผม แต่เพราะว่าหยิ่งจองหองไม่รับเงินจากพ่อแม่ตัวเอง ทำให้บางวันหรือบางเดือนมันมาขอยืมเงินผมกับไอ้รามเสมอ แต่มันมีงานอดิเรกคือชอบแข่งรถ แข่งได้ก็ได้เงินก้อนโตมาใช้พวกผมก็เหลือถึงมันแค่เศษเงินเท่านั้น “วันนี้แดกเหล้าคอนโดกูกัน” ไอ้เทียนเป็นฝ่ายพูดนำขึ้นขณะที่เดินออกมาจากคลาสเรียนในช่วงหกโมงเย็น “มีฟุตบอลนัดหยุดโลก โอเคปะ?” “ได้ดิ” ผมตอบตกลงก่อนจะหันไปมองไอ้รามที่กำลังคุยสายกับใครอยู่ไม่รู้ แต่สีหน้าดูออกเลยว่าหงุดหงิดไม่น้อยทีเดียว “แวะมินิมาร์ทซื้อเหล้า” “วันนี้ห้ามนอนกับหญิงนะครับ ห้องกูไม่พอ” ไอ้เทียนยักคิ้วก่อนจะกระโดดขึ้นรถของตัวเองไปซึ่งพวกเราก็ขับตามกันไปจนถึงหน้ามินิมาร์ทที่อยู่เยื้องจากคอนโดไอ้เทียนไม่ไกลสักเท่าไหร่ “พอไหมพวกมึง?” “พอ” ผมตอบไอ้เทียนที่หิ้วตะกร้าให้ดู ก่อนจะหรี่สายตามองหาไอ้รามที่หายไปอยู่ตรงล็อกที่ผมกับไอ้เทียนจำต้องเดินไปกอดอกมองด้วยสีหน้าสงสัย “มึงทำอะไรของมึง?” ไอ้รามหันมามองสบตากับผมก่อนจะหยิบห่อผ้าอนามัยหลายห่อลงตะกร้า “แอลฝากซื้อ” “เมียมึงเมนส์มาอ่อ” “อือ” มันตอบโดยไม่มองพวกผม ซึ่งไอ้เทียนก็ทำหน้ามึนงงก่อนจะหัวเราะออกมา “เห็นแบบนี้ก็แคร์เมียนี่หว่า" อันที่จริงผมก็รู้นะว่าไอ้รามมันแคร์แอลมาก แม้จะทำตัวเจ้าชู้กินไปเรื่อย ชอบบอกว่าเมียน่ารำคาญแต่สิ่งที่มันไม่เคยขัดได้เลยคือคำขอร้องของแอลที่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันสามารถทำให้ได้หมด “แล้วทำไมเมียขอให้เลิกเจ้าชู้ ทำไมทำไม่ได้วะ?” ผมถามด้วยความสงสัย จึงเรียกสายตาของไอ้ราม “เรื่องส่วนตัว” “อ๋อ” ลากเสียงยาวก่อนจะมองร่างสูงที่เดินไปหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์พลางหยิบยาสตรีเบนโลแบบขวดติดมือไปด้วย “เอาไปทำไม?” “แอลจะกิน ปวดท้อง” “ไม่ซื้อยาให้กิน?” ไอ้เทียนที่จ่ายเงินค่าเหล้าอยู่ถามขึ้น “มันช่วยได้เหรอวะ แค่ช่วยเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ” “มึงนี่รู้ลึกเหมือนคนมีเมียเลยนะไอ้เทียน” ด้วยความมั่นไส้เลยหันไปจิกกัดไอ้เทียนที่เบ้ปาก พลางจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วไอ้รามที่กำลังจะขึ้นรถก็หันมามองพวกผมสองคน “ไปหาเมียเถอะครับคุณรามเกียรติ์” “อือ เดี๋ยวมา” ตอบแค่นั้นก็ขับรถผ่านหน้าผมสองคนไป จากนั้นผมกับไอ้เทียนก็มานั่งเชียร์บอลกันจนจบคู่ ผมก็มองนาฬิกาที่ข้อมือซึ่งบ่งบอกว่าห้าทุ่มกว่าแล้ว จึงหันไปตบบ่าไอ้เทียนที่หันมามองผม “มึงจะกลับแล้วจริงดิ” “เออ” เป็นจังหวะที่ประตูหน้าห้องเปิดขึ้น ไอ้รามที่เดินทำหน้าเนือยๆ สวนผมเข้ามาเปิดกระป๋องเบียร์แล้วกระดกดื่มพลางมองผมอีกครั้ง “กลับแล้ว” ได้แต่พยักหน้ารับและโบกมือให้กับเพื่อนทั้งสองคน รถของผมก็แล่นสู่ท้องถนนที่ตอนนี้โล่งอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเพราะไม่เคยได้อยู่บ้านหลังนี้มานาน ผมจึงมึนงงไม่น้อยเมื่อลุงเข้มรอเปิดประตูให้ผมทั้งที่ใบหน้าของท่านง่วงนอนเต็มแก่แล้ว เมื่อลงจากรถผมก็ถอนหายใจสบตากับท่าน “ทีหลังไม่ต้องรอเปิดประตูให้ผมนะ ผมเปิดเองได้ครับ” “ไม่เป็นไรครับคุณไฟ ผมยินดี” “แต่ผมไม่ยินดีครับ ลุงเข้มอายุมากแล้วควรพักผ่อนครับ” ตอบกลับไปแค่นั้นลุงเข้มก็ฉีกยิ้มให้ผมก่อนจะขอตัวกลับไปนอนต่อ ซึ่งพอก้าวเท้าเข้ามาในบ้านก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่ตีนบันไดเนื่องจากไฟในบ้านยังเปิดอยู่ “ปกติแกกลับเวลาแบบนี้เสมอเลยเหรอ?” ผมหันไปมองโซนรับแขกที่เป็นอีกจุดเยื้องบันไดทางขึ้นไป จึงได้เห็นว่าพ่อและน้าพิมนั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว ทว่าสีหน้าของพ่อทำให้ผมเอี้ยวตัวจากบันไดมาเท้าเอวตรงหน้าเขา “ปกติ” ตอบกลับด้วยสีหน้ายียวน ทว่าพ่อกลับยกมือยีจมูกตัวเอง “แกกินเหล้า?” “โอ๊ย! กินมานานแล้ว บุหรี่ก็สูบด้วย” ไม่ว่าเปล่าก็ล้วงเอาซองบุหรี่ Marlboro Menthol ซองขลิบสีเขียวขึ้นมาพร้อมกับไฟแช็ก ผมก็เดินไปทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างตรงเก้าอี้นุ่มแต่ตีขอบด้วยโลหะทาสีทอง หยิบเอาออกมามวนหนึ่งคีบไว้ที่ริมฝีปากจากนั้นก็จุดไฟแช็กพ่นควันไปทั่วจนพ่อมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ “มีอะไรจะถามอีกไหม?” “แก...” “ใจเย็นนะคุณชนะทิศ” เป็นน้าพิมที่ห้ามปรามพ่อที่พร้อมจะขึ้นเสียงก่นด่าใส่ผม “คุณไฟทานอะไรมาหรือยังคะ?” “ยังเลยครับ” ตอบกลับพลางลูบท้องตัวเองไปมา “หิวมากเลย” “งั้นเดี๋ยวน้าเข้าไปอุ่นโจ๊กให้ทานนะคะ” พูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้าครัวไป ส่วนผมก็ทิ้งท้ายด้วยการเบ้ปากใส่แผ่นหลังเล็กๆ พลางมองขึ้นไปยังชั้นบนจึงได้เห็นว่าคนที่ตบหน้าผมกำลังเดินลงมา “พะแพง” พ่อเรียกรั้งร่างบอบบางที่สวมชุดนอนเป็นกางเกงขายาววอร์มสีดำกับเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาว ในมือถือแก้วอะไรสักอย่างไว้เพื่อนำไปเก็บที่ครัวแต่พ่อก็เรียกรั้งเธอไว้ซะก่อน “นั่งก่อนสิ อามีเรื่องจะคุยด้วย” พะแพงมองสบตากับผมแต่ก็เลือกที่จะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อไม่สบตากับผมโดยตรง จากนั้นพ่อก็หันมาสบตากับผมที่ยังคงพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก “แกหยุดสูบบุหรี่ก่อนได้ไหม?” “ทำไมต้องหยุดอะ” เลิกคิ้วขึ้นพลางยังพ่นควันเพื่อกวนประสาทพ่อ “โอเค” เพราะสูบจนหมดมวนแล้วผมจึงมองหาที่ทิ้งก้นบุหรี่ แต่ที่บ้านไม่มีใครสูบเลยผมเลยโยนทิ้งบนพื้นและเดินไปใช้ปลายเท้าขยี้จนแหลกเนื่องจากยังสวมรองเท้าผ้าใบอยู่ “เรียบร้อย มีอะไรว่ามาครับ” พ่อส่ายหน้าไปมาราวกับเอือมระอากับผมเต็มที แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกรี้ยวกราดเหมือนที่เคยเป็นมา อาจจะเพราะว่าผมมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตามที่ท่านต้องการแล้วก็ได้ “นี่พะแพง หลานสาวของน้าพิม” “รู้” ตอบกลับพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “พะแพง นี่พี่ไฟนะ ลูกชายของอาเอง” ดูเหมือนพ่อต้องการอะไรบางอย่างถึงได้แนะนำผมกับพะแพงให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ทำไมผมจะดูไม่ออกกันล่ะว่าพ่อต้องการอะไร “เรียกพี่ไฟนะ จะได้ไม่ห่างเหินกัน ยังไงตอนนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” ดูเหมือนคนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเห็นจะเป็นพะแพงที่สบตากับผม พลางจิกนิ้วลงกับหน้าขาตัวเอง สีหน้าแลดูเป็นกังวลทว่าดูเหมือนจำต้องยอมในสิ่งที่พ่อร้องขอเธอจึงสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้าในครั้งนี้ “ได้ค่ะคุณอา” “ยินดีเลยครับ น้องพะแพง” ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อน้าพิมเดินออกมาจากครัวพร้อมกับถาดอาหารที่มีโจ๊กกับน้ำเปล่า เธอวางมันลงบนโต๊ะจนผมยกมือพนมไว้กลางอก สบตากับเธอด้วยสีหน้าออดอ้อน “ขอบคุณนะครับน้าพิม” “ไม่เป็นไรค่ะ ทานเยอะๆ นะคะ” น้าพิมดูเหมือนจะดีใจที่เอาใจผมได้ แต่เปล่าเลย... นี่มันแค่เริ่มเท่านั้น “ว่าแต่คุยอะไรกันเหรอคะ?” “ผมอยากให้เด็กทั้งสองคนรู้จักกันในฐานะพี่น้องน่ะ ไหนๆ ก็อยู่บ้านเดียวกันแล้ว ไม่อยากให้ห่างเหิน” “อ๋อ พะแพงโอเคนะ?” เธอไม่ตอบอะไรก่อนจะขอตัวลุกขึ้นเดินเข้าครัวไป ผมจึงได้เห็นสายตาของน้าพิมที่มองแผ่นหลังของหลานสาวไปด้วยท่าทางที่เป็นห่วงเป็นใย “อย่าถือสาน้องเลยนะคะ เป็นแบบนี้มานานแล้ว” “เหรอครับ” ไม่อยากเชื่อหรอกนะ แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะฟังหรอกว่าเธอจะเป็นยังไงมาก่อน มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะต้องรู้เลยสักนิด “งั้นก็ต้องสนิทกันเร็วๆ นะครับ น้องจะได้หาย” “ไม่หายหรอกค่ะคุณไฟ” น้าพิมเอ่ยคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นกังวลให้ผมฟัง “น้าพยายามแล้ว ก็เหมือนเดิม” รอยยิ้มของผมผุดขึ้นขณะที่ยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากซัดโจ๊กจนหมดถ้วย “เดี๋ยวผมจะทำให้น้องกลับมาเหมือนเดิมเองครับ” ไม่ว่าพะแพงจะเป็นยังไง แต่ผมจะทำให้เธอ... ลิ้มรสความรู้สึกเจ็บปวด เมื่อนั้นผมคิดว่าเธออาจจะหายจากอาการหยิ่งผยองนี้ก็ได้ :: FAI TALK END ::
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม