ตอนที่ 13/2

1698 คำ
อิงเยว่ไม่อยากมาเถียงกับแม่ถึงเวลาค่อยหาวิธีนำมาให้พ่อแม่ใช้อีกที ตอนนี้เธอจึงรับคำแม่ไปก่อน จากนั้นจึงไปที่ห้องครัวใหญ่ของบ้านเพื่อทำกับข้าว แม่เธอก็ตามหลังมาอีกที ซึ่งที่ห้องครัวป้าสะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่กำลังจุดไฟและต้มข้าวกันอยู่ เธอจึงไปช่วยทำเครื่องกินกับข้าวต้มซึ่งมีผัดผักบุ้ง ผักดอง ปลาเค็มทอด ส่วนอาหารของเหอตี้วันนี้เขาบอกว่าจะไปหากินในเมืองและไม่ต้องทำเผื่อเขา ทำอาหารและจัดโต๊ะเสร็จ ทุกคนก็เริ่มเตรียมตัวมากินข้าวเพื่อออกไปทำงานของแต่ละคน เด็กๆ ในบ้านยังนอนไม่ตื่น ลูกชายพี่ใหญ่ลู่เหวิน ชื่อ ลู่จื้อ แม้จะ 3 ขวบแล้วแต่ก็ไม่ค่อยซนส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ในห้องหรือไม่ก็ลานหน้าบ้านส่วนลูกสาวคนเล็ก ชื่อ จิวหลิน ที่ได้ 1 ขวบแล้วแต่ยังเดินไม่คล่องนักไม่ค่อยซนนักให้นั่งเล่นตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นเธอติดตุ๊กตาผ้าที่พี่สะใภ้ใหญ่ (ฉิน จิวลี่) เย็บให้สามารถนั่งเล่นได้ทั้งวัน แต่ลูกของพี่รองลู่คง เป็นลูกสาววัย 8 เดือน ชื่อ ลู่เฟิน แม้ยังไม่หย่านมแม่แต่ก็เริ่มคลานไปทั่ว พี่สะใภ้รอง (กุ้ย หนิงจู) ต้องคอยดูแลอยู่ตลอด จะได้ทำงานบ้านช่วงที่ลูกหลับบ้าง หรือไม่ก็ต้องให้คุณย่าคอยดู พี่ใหญ่และพี่รอง ทำคอกกั้นเด็กไว้ให้ทำให้เจ้าตัวเล็กทั้งสอง ซนได้แบบจำกัดพื้นที่ไปได้บ้าง เมื่อเตรียมตัวเสร็จทั้งอิงเยว่และหลี่เจี้ยน เหอตี้ก็มาถึงบ้านจ้าวพอดี จึงออกไปรอรถประจำทางเข้าไปที่ตัวเมือง เพื่อไปรอพ่อแม่ หวังที่ สถานีรถไฟ ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงตัวเมือง อิงเยว่ ขอตัวไปเอาของที่บ้านเพื่อนเพราะสั่งซื้อเอาไว้ เหอตี้และหลี่เจี้ยนจึงไปยืนรอตรงปากทางที่อิงเยว่บอก เข้าไปไม่นานอิงเยว่ก็ดึงเอาถุงขนมออกมา 3 ถุงและรีบเข้าระบบแลกซาลาเปาออกมา 5 ลูกด้วยเพราะรู้ว่า เหอตี้ยังไม่ได้ทานอาหาร แล้วจึงเดินกลับมาเหอตี้จึงรีบช่วยถือถุงในมือแทนเพราะดูน้ำหนักคงพอสมควรเขาไม่ได้ดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในเพราะคิดว่าเป็นของใช้ส่วนตัวของคู่หมั้นสาวถึงจะแปลกใจที่คู่หมั้นเดินเข้าไปว่าแทบจะไม่มีบ้านใครแต่เธอกับมีของออกมาเยอะแยะแต่ในเมื่อเธอไม่บอกเขาก็ไม่อยากถามให้มากความในเมื่อเธอไม่ได้เดือดร้อนหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใครก็ไม่มีปัญหาอะไร และจากนั้นก็เดินลัดเลาะไปที่สถานีรถไฟซึ่งอยู่ห่างจากท่ารถไกลพอสมควร ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งเค่อก็มาถึงสถานีรถไฟ เหอตี้เดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่ารถไฟจะมาจากเหอเปย์จะมากี่โมงเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่น่าเกินครึ่งชั่วยามนี้ เหอตี้เห็นว่าเริ่มสายแล้วชวนทั้งสองไปทานบะหมี่ข้างสถานีรถไฟ "อิงเอ๋อ อาเจี้ยน ไปทานบะหมี่กันก่อนไหม สายแล้วอีกสักพักรถไฟถึงจะมาถึง" " พี่เหอคะ ฉันได้ซาลาเปามาด้วยค่ะ ในถุงที่พี่ถือค่ะ เจ้านี้อร่อยมากนะคะ ถามอาเจี้ยนดูได้" " ครับพี่เขย ซาลาเปาที่พี่สาวซื้อมาอร่อยมาก " " พี่ซื้อมาหลายลูก อาเจี้ยนทานได้เลย" " ขอบคุณครับ อิงเอ๋อ " เหอตี้ หยิบถึงกระดาษที่ใส่ซาลาเปาออกมาและหยิบมาทานหนึ่งลูกและยื่นถุงที่เหลือให้ อิงเยว่ เธอจึงหยิบให้อาเจี้ยนหนึ่งลูกและแอบมองคู่หมั้นที่กำลังกินซาลาเปาไปด้วย "อร่อยไหมคะ " อิงเยว่ถาม " อืม อร่อยมากครับผมไม่เคยทานซาลาเปาที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย" " เห็นไหมพี่เขยสาม ผมบอกพี่แล้ว" " อืมพี่เชื่อแล้ว อาเจี้ยนก็ทานเยอะๆ เถอะถ้าไม่พอพี่จะให้พี่สาวไปซื้อให้ใหม่ดีไหม" " ลูกเดียวก็อิ่มแล้วครับ ลูกใหญ่ขนาดนี้" เหอตี้ ยิ้มอย่างมีความสุขทั้งสามนั่งทานที่ม้านั่งข้างทาง อิงเยว่ จึงขอตัวเดินไปหาน้ำดื่มเหอตี้บอกจะไปด้วยแต่เธอบอกไปคนเดียวได้เพราะอยู่ไม่ไกล เหอตี้แปลกใจเล็กน้อยที่เด็กสาวอายุแค่นี้ถึงได้ดูเป็นผู้ใหญ่เหมือนคนอายุมากกว่า 20 ปีเสียอีก อิงเยว่เดินออกมาไม่ไกลเห็นร้านขายพวกกาแฟโบราณและน้ำเต้าหู้ เธอจึงสั่งน้ำเต้าหู้ 2 แก้วและกาแฟให้คู่หมั้น 1 แก้วราคาแก้วละ 5 เหมา เธอจ่ายเงินไป 1.5 หยวนดีที่มีเงินเหลือที่เหลือติดตัวอยู่ 3 หยวน แล้วจึงซื้อแก้วในร้านระบบมา 3 ใบ ใบละ 10 แต้มเป็นแก้วทนร้อน เย็น ลายไม้สวยงามเพื่อจะได้ไม่ต้องนำแก้วกลับมาคืนอีกรอบ และยังซื้อน้ำผึ้งที่มีประโยชน์ทำให้สดชื่นและเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย ถึงจะแพงแต่ใช้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอ ราคาต่อขวดถึง 200 แต้ม เพื่อมาเติมในกาแฟและน้ำเต้าหู้ด้วย เธอถือแก้วเดินกลับมาหาทั้งสองคน เหอตี้เห็นอิงเยว่ เดินพ้นหัวมุมมาก็รีบลุกขึ้นเดินไปรับแก้วน้ำที่เธอถืออยู่ เพราะเขาทานซาลาเปาไปลูกหนึ่งก็อิ่มมากอย่างที่หลี่เจี้ยน บอกอย่างไม่น่าเชื่อทั้งที่อร่อยมากแต่ก็อิ่มมากเกินกว่าจะทานอีกลูกได้ เหอตี้ถือแก้วมา 2 ใบและยื่นน้ำเต้าหู้ให้อาเจี้ยน 1 แก้ว เขามองแก้วในมือและยอมรับว่าชอบแก้วน้ำในมือมากทั้งที่ใส่น้ำร้อนแต่กลับไม่ร้อนมือแม้แต่น้อย " อิงเอ๋อ เราต้องเอาแก้วไปคืนไหม แก้วเขาสวยมากเลย" " ไม่ต้องค่ะ แก้วนี้ฉันซื้อขาดมาเลยจะได้นำกลับไปใช้ที่บ้านได้ด้วย" " หือ แพงมากไหมครับ" "ไม่แพงค่ะพี่ดื่มเถอะกำลังร้อน ๆ " " ครับ หืม..หอมหวานกำลังดีเลย นะครับ" " ใช่พี่เขย นำเต้าหู้ก็อร่อยครับ"หลี่เจี้ยน. " อร่อยก็รีบดื่มค่ะ ว่าแต่ทานกันอิ่มแล้วใช่ไหมคะ เราไปรอคุณลุงคุณป้า ที่ท่ารถเถอะค่ะ" " อิ่มมากเลยครับ พี่สาว " " ถ้าอย่างนั้นไปรอตรงโน้นเถอะ คงใกล้ถึงเวลาแล้ว" เมื่อทั้งสามเดินมาถึงจุดนั่งรอ ผ่านไปประมาณ 1 เค่อ รถไฟก็มาเทียบชานชาลาทั้ง 3 จึงไปยืนรอที่ตรงทางที่ผู้โดยสารเดินลงมาจากรถไฟ ผ่านไปครึ่งเค่อ เหอตี้ที่คอยชะเง้อคอมองที่ผู้คนที่ลงมาจากรถไฟ จนเห็นคนคุ้นตาที่กำลังเดินออกมาจากผู้คนมาทางที่เขายืนอยู่ พ่อแม่หวังเห็นลูกชายตั้งแต่อยู่บนรถไฟแล้วแต่ให้คนอื่นเดินลงกันก่อนค่อยตามลงมาจะได้ไม่เบียดเสียดกัน " พ่อแม่ สวัสดีครับ พ่อแม่สบายดีนะครับ" " อืม สบายดีจ๊ะ ดูลูกสิสูงขึ้นและโตกว่าเก่ามากเลยนะคะคุณ" " ว่าไงเจ้าเสือ ไหนคนนี้ใช่ไหมลูกสะใภ้รองของพ่อกับแม่" พ่อหวังทักลูกชายและหันมาทางอิงเยว่ ที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ เข้าใจว่าพ่อแม่ลูกไม่ได้เจอกันหลายปีคงจะคิดถึงกันธรรมดา " ครับ นี่จ้าว อิงเยว่กับจ้าว หลี่เจี้ยนน้องชายเธอครับ อิงเอ๋อ อาเจี้ยน นี่พ่อแม่พี่ ครับ" " สวัสดีค่ะ/ครับ คุณลุงคุณป้าหวัง" " อืม สวัสดี นับว่าเจ้ารองตาถึงไม่เบา" " สวัสดีจ้ะ อิงเอ๋อ เจี้ยนเอ๋อ ไหนมาให้ป้าดูใกล้ๆ หน่อยสิจ๊ะ " มู่ตาล เรียกลูกสะใภ้มาใกล้ๆ และหยิบปิ่นปักผมหยกสีขาวมุกแกะลายหงส์ ประณีตออกมาและให้ เหอตี้ปักผมให้น้อง พร้อมยื่นกำไลหยกแกะลายหงส์คู่ให้อีก1คู่ " นี่เป็นของขวัญพบหน้านะจ๊ะ รับไว้ ตารองปิ่นปักผมให้น้องเสียสิ " " ครับ " เหอตี้หยิบปิ่นเดินมาเสียบที่ผมที่อิงเยว่ มัดรวบและถักเปียไว้หลวมๆ " ขอบคุณค่ะ คุณป้า" อิงเยว่ รับไว้เพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติผู้ใหญ่ให้ของต้องรับไว้ " พ่อแม่ครับผมจองโรงแรมไว้ให้แล้ว พ่อแม่มาเหนื่อยๆ ไปพักกันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวช่วงบ่ายค่อยไปหมู่บ้านก็ได้" " อืมก็ดีนะ พ่ออยากอาบน้ำมากเหมือนกัน" " คุณลุงคุณป้าทานซาลาเปารองท้องก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำให้ จะได้มีแรงกลับถึงที่พัก" อิงเยว่ยื่นถุงซาลาเปาให้ " อืมดีเหมือนกัน นั่งรถมาทานอะไรไม่ค่อยได้ อืม หอมจังเลย ขอบใจนะจ๊ะ อิงเอ๋อ เด็กดี" แม่หวังยื่นให้สามีลูกหนึ่งก่อนจะทาน และจากนั้นก็ทานไม่หยุดเกือบหมดลูกจึงหยุดเพราะทานต่อไม่ไหว อิงเยว่นำน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้ง มาให้ทั้ง 2 ท่านได้ดื่ม แค่นั้นพ่อแม่หวังก็ดูจะสดชื่นและมีกำลังเพิ่มขึ้นทันตา พ่อหวังมองน้ำที่อิงเยว่ ให้ดื่มและชำเลืองมองที่หน้าของว่าสะใภ้รองนิดหนึ่ง เขารู้สึกได้ถึงเลือดลมที่วิ่งอยู่ในร่างกาย ถ้าเป็นสมัยโบราณเรียกว่าลมปราณสินะ เขาเคยศึกษาอยู่บ้างแต่ไม่ได้จริงจังอะไรแม้จะกังขาแต่ไม่ได้สอบถามอะไรเพราะดู เธอก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจคงต้องรอดูต่อไป 🙏🙏 ขอบคุณที่ติดตามจ้า♥️♥️ # ขอโทษที่ลงช้าค่ะ 🙏🙏
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม