เมื่อกลับมาถึงบ้านหญิงสาวก็ทวงสัญญากับคนตัวโตทันที เขาไม่อาจเฉไฉได้อีกจึงต้องเริ่มต้นเล่าเรื่องราวในอดีตให้หญิงสาวฟังบ้าง ซึ่งเธอก็ตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะเล่าแววตาเป็นประกาย
"พี่ชอบสาวน้อยอยู่ครหนึ่งครับ ฟังแล้วอย่างอนพี่ก็แล้วกัน"
"ไม่งอนค่ะ ไม่งอน ทุกอย่างเป็นแค่อดีตไปแล้วนี่คะ"
เรื่องราวมันเริ่มต้นจากวันที่เด็กหญิงพิชชาลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ มารดาของเขาอยากจะซื้อของใช้ของเด็กแรกเกิดไปให้กับมารดาของหญิงสาว นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าเด็กหญิงพิชชาใกล้ๆ
“ขอบใจมากนะ ความจริงไม่ต้องลำบากหาซื้อของมาให้ก็ได้นะจ๊ะ แค่มาเยี่ยมยัยหนูของเพชรก็พอแล้ว ขยับมาดูน้องใกล้ๆสิลูก ชื่ออะไรนะเรา”
“เธียรครับ” หนุ่มน้อยตอบกลับยิ้มๆ
“อืม รูปหล่อชื่อก็เพราะ โตขึ้นคงมีสาวๆมาห้อมล้อมแน่ๆ” แพรเพชรอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“น้องตัวเล็กจังเลยครับ” ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนตัวน้อยควรค่าแก่การทะนุถนอมเอาไว้ด้วยความรัก
“ใช่จ้ะ น้องเพิ่งเกิด”
"ขอจับน้องหน่อยได้ไหมครับ"
"ได้สิจ๊ะ"
"น้องจำมือเธียรครับคุณแม่" ทันทีที่เธียรทรรศน์ยื่นมือออกไปสาวน้อยก็กำนิ้วมือของคนเป็นพี่แน่น จนผู้ใหญ่หัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากที่พูดคุยกันอีกหลายประโยคมารดาของชายหนุ่มก็ขอตัวพาลูกชายกลับก่อน กษิดิศที่หอบหิ้วของบำรุงมาให้ภรรยาก็คิ้วขมวดทันทีเมื่อเห็นว่ามีคนเอาของมาเยี่ยมภรรยาและลูกน้อย
“ใครมาหรอ” กษิดิสถามออกไปเสียงเข้ม
“…” แพรเพชรเงียบกษิดิศจึงเดินไปดูของที่วางอยู่ใกล้ๆ แล้วก็เหมือนมีประกายไฟเกิดขึ้นเมื่อมีชื่อธวัฒน์และครอบครัวบนการ์ดอวยพรใบน้อยนั่น
“ไอ้ธวัฒน์มันกล้ามาเหยียบถึงที่นี่เลยหรอ” กษิดิศถามออกไปเสียงดัง
“ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ อย่าโวยวายสิคะ" ถ้าคนตัวโตยังไม่หยุดโวยวายคงได้ถูกคุณพยาบาลเข้ามาตำหนิแน่ๆ
"หึ"
"เขาไม่ได้มาหรอกค่ะ ภรรยากับลูกชายของเขามาเยี่ยมลูกสาวของเราต่างหาก” แพรเพชรตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ หล่อนไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว
“ข้ออ้าง มันอยากจะมาใจจะขาดน่ะสิ แต่ทำได้แค่ส่งเมียมันมา เมียมันนี่ก็กระไร รู้ว่าผัวชอบก็ยังจะเสนอหน้ามาให้อีก”
“เลิกโวยวายแล้วก็มองความจริงได้ไหมคะ ว่าเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง พวกเราก็โตๆกันแล้วต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวพี่อย่าไปนึกถึงอะไรที่ทำให้ต้องเจ็บปวดเลยค่ะ” แพรเพชรเริ่มที่จะหมดความอดทน วันนี้วันดีแท้ๆ แต่คนตัวโตก็ทำให้เสียเรื่อง
“โธ่เว้ย!” กษิดิศโมโหกวาดข้าวของบนตะลงไปบนพื้น บ้างก็แตกหัก บ้างก็เลอะพื้นห้องไปหมด”
“พี่เคยมีหัวใจบ้างหรือเปล่า” แพรเพชรถามออกไปน้ำตาคลอ
“ก็เพราะมีหัวใจไงล่ะถึงได้โดนหักหลังซ้ำๆแบบนี้” หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลลากยาวมาจนหลายเดือนผ่านไป แพรเพชรก็ยังไม่มีโอกาสได้ย่างก้าวออกไปใช้ชีวิตอิสระนอกชายคาบ้านเพราะความหวาดระแวงของผู้เป็นสามี เธอไม่เคยได้พบหน้าครอบครัวของธวัฒน์อีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้มีโอกาสพาลูกสาววัยกำลังน่ารักออกไปซื้อของด้วยกัน
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะเพชร”
“คุณพ่อขา พีชยังไม่ได้ซื้อของเล่นเลย” เธียรทรรศน์อดสงสารคนตัวน้อยไม่ได้ที่โดยคนเป็นพ่อจำกัดความเป็นอิสระในชีวิต เขาส่งยิ้มบางๆกลับไปให้สาวน้อยที่กำลังโบกมือบ๊ายบาย
“สงสารก็แต่หนูพีช แม่ไม่รู้เลยว่าอนาคตของหนูพีชจะเป็นยังไง” มารดาของชายหนุ่มบอกกับลูกชายน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ” หนุ่มน้อยถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
“แม่ได้ข่าวมาว่าแม่ของหนูพีชเขาไม่ค่อยสบาย เจอศึกหนักทั้งกายทั้งใจแบบนั้นใครจะไปทนไหว” ใจ ศึกหนักทางใจคืออะไรนั่นคือสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของหนุ่มน้อยจนกระทั่งโตพอที่จะเข้าใจปัญหาครอบครัวจึงได้รู้ว่าบิดาของสาวน้อยมีภรรยาและลูกน้อยคนใหม่อีกหนึ่งคน แน่นอนว่าเธอคงไม่ได้รับความเอาใจใส่เช่นเดิมแน่
ปัจจุบัน
“น่าสงสารเด็กคนนั้นนะคะ พี่เธียรพอจะรู้ไหมคะว่าปัจจุบันเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง” หล่อนอยากจะรู้ความเป็นไปของสาวน้อยคนนั้นมากๆ
“มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากครับ”
“โล่งอกไปที ขอให้เด็กคนนั้นเจอคนที่ใจดีกับแกเยอะๆเลยค่ะ” ยิ่งฟังเธอก็ยิ่งรู้สึกสงสาร ชีวิตของเด็กคนนั้นไม่ต่างจากชีวิตของเธอเลย
“พี่ก็หวังให้เป็นอย่างนั้นครับ พี่หวังให้เขามีความสุขในทุกๆวัน”
"ค่ะ"
"นอนเถอะครับ พี่ไม่อยากให้พีชต้องไปคิดมากเรื่องอะไรมากมายหรอกนะครับ"
"ค่ะ"
"เก่งมากครับเด็กดี"
"เด็กดีที่ไหนกันคะ เด็กดีต้องคนนี้ค่ะ" หญิงสาวจับมือแกร่งของสามีมาวางที่หน้าท้องแบนราบของตัวเอง ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก ความสุขแล่นเข้ามาในหัวใจจนเขารู้สึกว่าหัวใจกำลังพองโต
"ฝันดีค่ะ"
"ฝันดีครับ" ชายหนุ่มขยับผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างทั้งเขาและเธอ หญิงสาวขยับเขาไปนอนสวมกอดคนตัวโตอย่างต้องการความอบอุ่น