ชีวิตในต่างแดน

1158 คำ
ภาคินได้เตรียมบ้านหลังใหญ่ไว้ให้ลลนาในย่านคนรวยของกรุงลอนดอน บ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่โอ่อ่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวมาก เนื่องจากหมู่บ้านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนมีฐานะ มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและเข้มงวด ทำให้ลลนาสามารถรู้สึกปลอดภัยและสบายใจได้อย่างเต็มที่ ตัวบ้านเองมีการตกแต่งอย่างหรูหราและครบครัน ภายในห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติและลมเย็นจากสวนหลังบ้าน สวนดอกไม้ที่ภาคินให้คนมาจัดแต่งไว้อย่างสวยงามนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่ผลิบานในทุกฤดูกาล มีมุมพักผ่อนหลายมุมที่ลลนาสามารถนั่งจิบชาอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจ ที่พิเศษที่สุดคือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังบ้าน ขอบสระล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีและดอกไม้ที่หอมกรุ่น สระนี้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี น้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นพื้นสระได้ชัดเจน ช่วงเย็นๆ ลลนาสามารถลงเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลาย หรือเลือกนอนอาบแดดที่เก้าอี้ริมสระ พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว บ้านหลังนี้ไม่เพียงแค่เป็นที่พักอาศัย แต่ยังเป็นสถานที่ที่ลลนาสามารถพักผ่อนและเติมเต็มความสุขในชีวิตได้อย่างเต็มที่ ซึ่งภาคินได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างดี เพื่อให้ลลนาได้สัมผัสกับความสะดวกสบายและความสุขในทุกๆ วันของการอยู่ที่นี่ “พี่มินนี่ไม่อยู่ที่นี่กับหนูเหรอคะ?” ลลนาเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา พลางมองไปที่บ้านหลังใหญ่ที่ภาคินเตรียมไว้ให้ มินนี่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสดใส “ม่ายยยยค่ะ! พี่อยู่ที่อพาร์ทเม้นท์กับหนุ่มหล่อแซ่บๆ ค่ะ” เธอยักคิ้วให้เป็นเชิงหยอกล้อ “แต่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ที่นี่มีแม่บ้านคอยดูแลทุกอย่าง พี่จัดเตรียมไว้ให้หมดแล้ว หนูจะได้ไม่ต้องลำบากอะไรเลย” ลลนาพยักหน้าเข้าใจ แม้จะรู้สึกโล่งใจที่มินนี่ดูแลจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเงียบเหงาในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ มินนี่พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงนะ ลิส มีอะไรโทรหาพี่ได้เลยนะที่รัก” เธอยิ้มให้กำลังใจ ลลนา หรือที่เธอเรียกว่า “ลิส” รู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย แม้จะยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างแดน แต่คำพูดของมินนี่ก็ช่วยปลอบโยนเธอได้ไม่น้อย "ขอบคุณค่ะ พี่มินนี่" ลลนาตอบกลับเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ซ่อนความคิดหลายอย่างไว้ภายใน …………………………………………………………………………………….. ที่มหาวิทยาลัย ลลนากลายเป็นจุดสนใจของใครหลายๆ คน ด้วยความสดใสและเสน่ห์ที่มีในตัว เธอมักจะมีเพื่อนๆ รายล้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสาวที่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว หรือหนุ่มๆ ที่หลงใหลในความน่ารักและบุคลิกที่เป็นกันเองของเธอ ลลนาใช้ชีวิตในแบบที่เธอชอบสุดๆ ไม่ปล่อยให้ความกังวลหรืออดีตมาฉุดรั้งเธอไว้ เธอเข้าร่วมทุกปาร์ตี้ที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัย และเป็นที่รู้จักในฐานะสาวที่สนุกสนานและไม่เคยขาดสีสันในชีวิต แม้จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยกิจกรรม แต่ลลนาก็ยังไม่ลืมเรื่องการเรียน เธอสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว ทั้งการเรียนที่เคร่งครัดและการใช้ชีวิตที่อิสระเสรี เธอได้เรียนรู้ที่จะเปิดใจกับเพื่อนใหม่ๆ ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และแม้จะมีหนุ่มๆ มากมายเข้ามารายล้อมจีบเธอ แต่ลลนาก็ยังคงเลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เธอพอใจ โดยไม่เร่งรีบที่จะตอบรับความรักของใคร แต่ภาพที่ถูกส่งไปยังห้องทำงานของภาคินกลับเล่าเรื่องราวอีกแบบหนึ่ง ภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าลลนากำลังใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง รายล้อมไปด้วยผู้ชายมากหน้าหลายตา บางภาพเผยให้เห็นเธอกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางบรรยากาศของปาร์ตี้สุดเหวี่ยงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรื่นเริง ภาคินนั่งอยู่ในห้องทำงาน แสงจากหน้าต่างส่องเข้ามาอย่างเลือนราง เขากำรูปเหล่านั้นไว้แน่นในมือ ดวงตาเข้มขรึมของเขาจ้องมองภาพในมือโดยไม่พูดอะไร สีหน้าบึ้งตึงบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ขณะที่เขาพยายามควบคุมอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออกอย่างแผ่วเบา เมื่อเขาเห็นว่าสสาวิตรีเข้ามา ภาคินรีบเก็บรูปถ่ายลงในลิ้นชักอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขายังคงมีแววเครียดอยู่ แม้จะพยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ภายใน แต่สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน สาวิตรีสังเกตเห็นท่าทางของภาคินและสงสัย “คุณภาคินคะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นห่วง ขณะที่มองไปที่ลิ้นชักที่เพิ่งถูกปิดลง ภาคินหันไปมองสาวิตรี ดึงตัวเองออกจากความคิดที่วุ่นวาย “ไม่มีอะไรหรอกสาวิตรี” เขาตอบเสียงเรียบ แต่ไม่อาจปิดบังความเครียดที่ซ่อนอยู่ในดวงตาได้ “แค่บางสิ่งที่ต้องจัดการ” สาวิตรีเดินมานั่งลงบนตักกว้างของภาคิน โอบแขนรอบคอเขาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความใกล้ชิด เธอหอมแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน “คือว่าคุณพ่อคุณแม่เริ่มถามแล้วน่ะค่ะ” เธอเว้นระยะคำพูดอย่างมีความหมาย “พวกท่านเห็นฉันขลุกอยู่แต่กับคุณ พวกท่านคิดว่าาาา...” ภาคินรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวและความอบอุ่นจากตัวสาวิตรี แต่กลับไม่สามารถปล่อยใจให้เป็นอิสระจากความคิดเกี่ยวกับลลนาได้ เขาพยายามรักษาสีหน้าที่ไม่แสดงความวิตกกังวล “คิดว่าอะไรครับ?” เขาถามอย่างระมัดระวัง “พวกเราอาจจะแต่งงานกัน” สาวิตรีพูดต่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับยิ้มหวาน ขณะเดียวกันก็จับตามองปฏิกิริยาของเขา ภาคินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขายิ้มออกมาด้วยความพยายามที่จะทำให้สถานการณ์ดูดีขึ้น “สาวิตรี...” เขาเริ่มพูด “ฉันก็คิดว่าเราควรจะคุยเรื่องนี้กันให้ดี “เราสองคนตกลงกันแล้วว่าแค่สนุกกันไม่ผูกมัด อันนี้คุณเป็นคนเสนอเอง” ภาคินพูดเสียงเข้ม สาวิตรีคลายอ้อมแขนจากเขาและนั่งตัวตรงขึ้น ท่าทางของเธอแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่สับสนและผิดหวัง เธอเปิดปากจะพูด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจและถอนหายใจเฮือกใหญ่แทน “ฉันรู้ค่ะ” สาวิตรีพูดเสียงแผ่ว “แต่บางครั้ง ฉันก็ไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกของตัวเองได้ ฉันรู้ว่าเราเคยตกลงกันไว้ แต่ใจฉันกลับบอกให้ฉันต้องการมากกว่านั้น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม