บทที่9 นี่ปลอบหรือซ้ำเติม
ลานจดรถโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์
ร่างสูงเท่ห์เดินมาถึงลานจอดรถก่อนจะหันไปเห็นรถของกุมารแพทย์สาวยังจอดอยู่ทั้งที่เลยเวลาเลิกงานของเธอมาสักพักแล้วปัญจวัตรมองด้วยใบหน้าฉงนก่อนที่ร่างสูงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แล้วเคาะประตูรถร่างบางในรถลดกระจกลงก่อนจะหันมามอง
“ยังไม่กลับเหรอหมอฟ้า”
“ฉันจะกลับไม่กลับก็เรื่องของฉัน” กุมารแพทย์สาวเอ่ยบอกพลางเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“หมอฟ้า คุณร้องไห้ทำไมใครทำอะไรคุณ” ศัลยแพทย์หัวใจหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูรถแล้วดึงร่างบางออกมาจากรถ
“ปล่อยนะหมอปัญจ์คุณทำบ้าอะไร” กุมารแพทย์สาวเอ่ยถามก่อนจะถูกพามาที่รถของปัญจวัตร ศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มเปิดประตูข้างคนขับก่อนจะยัดร่างของกุมารแพทย์สาวเข้าไปแล้วรีบอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง
“หมอฟ้าคุณร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรคุณรึว่าเพราะข่าวลือของไอ้เสือ” หมอหนุ่มพูดก่อนจะสังเกตุเห็นหยดน้ำตาที่ไหลลงเมื่อเอ่ยถึงข่าวลือ
“ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ ปลดล็อกฉันจะกลับ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกแต่แทนที่หมอหนุ่มจะฟังกลับสตาร์ทเครื่องก่อนรถหรูจะพุ่งทะยายไปตามทาง
บ้านเกตทิวรากุล
รถหรูจอดเทียบท่าหน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนที่เจ้าของรถจะลงจากรถพร้อมกับสาวสวยข้างกายที่ยังคงสงสัย
“คุณพาฉันมาที่ไหนกันเนี่ยหมอปัญจ์” ฟ้ารดาเอ่ยถามสายตาเหลือบไปเห็นหญิงชราวัยประมาณ50กว่าๆเดินเข้ามา
“บ้านผมเอง ม้าครับนี่หมอฟ้ารดา เพื่อนของผมกับไอ้เสือที่โรงพยาบาลนะครับ” ปัญจวัตรเอ่ยบอกฟ้ารดาก่อนหันไปแนะนำเธอให้มารดารู้จักและย้ำคำว่าเพื่อนให้เธอรู้ว่าเธอเป็นแค่เพื่อนคนนึงของพงศ์พยัคฆ์
“สวัสดีจ๊ะคุณหมอฟ้า แล้วนี่นึกยังไงมาด้วยกันล่ะแล้วที่ม้าให้ชวนน้องมาทานข้าวที่บ้านได้ชวนมั้ย” คุณหญิงปริศนาเอ่ยถามบุตรชายถึงเธอจะเป็นไทยเชื้อสายจีนแต่ก็พูดไทยชัดทุกคำ
“พอดีหมอฟ้าเธอมีเรื่องทุกข์ใจนะครับ ผมเลยคิดว่าพาเธอมาบ้านเราอาจสบายใจขึ้นแล้วนี่พ่อตามปู่เล็กไปอิตาลีแล้วเหรอผมมีเรื่องจะเมาท์” ปัญจวัตรเอ่ยตอบก่อนจะถามหาบิดา
“ใช่สิได้ยินว่าปู่เล็กเรียกประชุมใหญ่ที่อิตาลีพ่อเราเลยต้องบินไปว่าแต่มีอะไรจะเมาท์รึว่าจะหาสะใภ้ให้ม้าได้แล้ว” คุณหญิงปริศนาเอ่ยถามพลางมองไปที่หมอสาวด้วยสายตาล้อเลียน
“เปล่านะม้า ไม่ใช่อย่างนั้น ที่จะเมาท์น่ะคือเรื่องลูกชายคนโปรดของม้าต่างหากล่ะ” คุณหญิงปริศนาตาโตทันทีทีบุตรชายเอ่ยถึง “ลูกชายคนโปรด” ซึ่งก็คือพงศ์พยัคฆ์นั้นเอง
“ทำไมลูกเสือเป็นไรบอกม้ามาตาปัญจ์” คุณหญิงปริศนาเอ่ยถามอย่างร้อนรนส่วนศัลยแพทย์หนุ่มแสร้งทำหน้าเศร้ายิ่งทำให้ผู้เป็นแม่กังวลใจจนในที่สุดหมอหนุ่มก็เฉลยสิ่งที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า “คือไอ้เสือมันเอ่อ...คือไอ้เสือ ไอ้เสือมัน...มันกับน้องแพรเหมือนจะดีขึ้น”
“ตาปัญจ์!” คนถูกหลอกให้หวั่นใจเรียกชื่อลูกชายเสียงดุก่อนจะบ่น “ม้าใจหายใจคว่ำหมดไอ้ลูกคนนี้ งั้นก็หมายความว่าหนูทรายป่วยคราวนี้ทำให้ลูกเสือคิดได้งั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิ รู้แค่ตอนนี้น่ะผัวเมียเขากำลังไปได้ดี” ปัญจวัตรเอ่ยตอบอย่างเมามันจนลืมนึกไปว่าพาใครมาด้วยส่วนกุมารแพทย์สาวได้แต่ยืนฟังทีแรกเธอจะทำไม่สนใจหากชื่อของใครคนหนึ่งไม่ได้เป็นหัวข้อในการสนธนา
“เอ่อ..ม้าว่าเราเข้าบ้านดีกว่าม้าตุ๋นไก่ไว้พาคุณหมอเดินชมรอบบ้านให้สบายใจก่อนนะเสร็จแล้วม้าจะเรียกไปทานข้าว” คุณหญิงปริศนาแยกตัวออกไปโดยใช้ข้ออ้างเรื่องไก่ตุ๋นแต่จริง ๆนางมองตาก็รู้ว่าลูกชายคิดยังไงกับหญิงสาวแล้วเธอคนนี้คิดยังไงกับเพื่อนสนิทของบุตรชายจึงได้คิดเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน
“หมอปัญจ์ที่คุณพูดหมายความว่าไงเรื่องหมอเสือ” ในที่สุดฟ้ารดาก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ผมพูดอะไรมากไม่ได้เรื่องไอ้เสือนะเหรอผมเป็นคนนอกพูดมากไม่ได้ แต่ผมบอกคุณได้แค่ว่าต่อให้คุณรักไอ้เสือมากแต่เรื่องของพวกคุณก็เป็นไปไม่ได้ คุณเคยสงสัยมั้ยทำไมเวลาที่คุณอยู่กับไอ้เสือสองต่อสองต้องมีผมมาขัดจังหวะทุกที?” หมอหนุ่มเอ่ยถาม “เคยสงสัยรึเปล่า”
“เพราะคุณคิดไม่ซื่อกับหมอเสือไง”
“บ้า ผมไม่ใช่ชอบผู้ชาย แล้วก็ไม่ได้คิดไม่ซื่อกับไอ้เสือด้วย” คนถูกหาว่าคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทรีบปฏิเสธด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ ยัยคนนี้คิดไปแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย มันใช่ที่ไหนเล่า “ฟังดี ๆ นะ ที่ผมคอยขัดตลอดก็เพราะไม่อยากให้คุณมีข่าวกับไอ้เสือ และเหตุผลที่ผมทำแบบนั้นก็เพราะไอ้เสือมันแต่งงานแล้ว ผมกับเสือไม่อยากให้คุณดูไม่ดีในสายตาอาจารย์หมอบางคน ทำใจเถอะหมอฟ้านี่ผมอุตส่าห์พาคุณมาปลอบถึงบ้านเชียวนะ”
“เรื่องของคุณกับเสือมันเป็นไปไม่ได้และผมคงไม่ยอมให้คุณมาแย่งสามีของลูกพี่ลูกน้องด้วย” ‘และผมคงไม่ยอมเพราะผมรักคุณ’ คำบอกรักนี้ปัญจวัตรเอ่ยบอกในใจไม่ได้พูดมันออกมา ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะตบไหล่หญิงสาวไม่เบานัก “ทำใจเถอะให้ไก่ตุ๋นเยียวยาก็แล้วกัน”
“คุณมาปลอบใจหรือซ้ำเติมฉันกันแน่หมอปัญจ์” ฟ้ารดาเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินหนีไปทางสวนหลังบ้าน
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของบ้านเกตทิวรากุลดูดีขึ้นกว่าที่ปัญจวัตรคิดแม้ฟ้ารดาจะเสียใจกับสิ่งที่ได้รับรู้แต่เธอไม่แสดงออกให้มารดาต้องกังวลแม้แต่น้อย
“ลองทานนี่ดูสิจ้ะ” คุณหญิงปริศนาเอ่ยบอกก่อนจะตักอาหารให้แขกของบ้าน เธอถูกใจกุมารแพทย์สาวนี่เหลือเกินและก็รู้ด้วยว่าลูกชายรู้สึกพิเศษด้วยแต่สาวเจ้านี่แหละยังไม่รู้แถมไปชอบเพื่อนสนิทของลูกชายเธอซะอีก
“ขอบคุณค่ะ อร่อยจริง ๆด้วย มิน่าล่ะหมอปัญจ์ชวนพวกหมอมาทานถึงมาทุกครั้งเพราะอาหารอร่อยนี่เอง” ฟ้ารดาเอ่ยบอกก่อนหน้านี้หญิงสาวเคยถูกชวนพร้อมกับหมอคนอื่น ๆมาทานข้าวแต่เธอปฏิเสธทุกครั้งผิดกับหมอหลายคนที่จะรับคำชวนทุกครั้งเธอเพิ่งเข้าใจวันนี้ว่าเหตุใดหมอเหล่านั้นถึงได้รับคำชวนทุกครั้ง
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะจ้ะ ว่าง ๆ หรือมีเรื่องไปสบายใจก็แวะมาทานข้าวด้วยกันได้นะจ้ะ ที่นี่ต้อนรับเสมอ” คุณหญิงปริศนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเอ็นดูก่อนจะตกนั่นตักนี่ให้แขกสาวอีกหลายอย่างจนปัญจวัตรรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด
“ม้า นี่ลูกม้า”
“รู้...ม้าคลอดเราออกมาเองทำไมจะไม่รู้ อะ ไม่ต้องมาทำน้อยใจ” คนเป็นแม่พูดแล้วก็ตักขิงซึ่งเป็นสิ่งที่ปัญจวัตรไม่ชอบไปให้อย่างจงใจแกล้ง ปัญจวัตรได้แต่บ่นไม่จริงจังขณะที่ฟ้ารดานั้นนั่งมองด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
อาจจะเพราะบรรยากาศที่บ้านของปัญจวัตรค่อนข้างคล้ายบรรยาการที่บ้านเธอล่ะมั้งความเศร้าที่มีถึงได้จางหายไปชั่วขณะ
“อาหารอร่อยมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะคะไว้มีโอกาสจะมาทานนะคะ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกทีเล่นทีจริงก่อนจะกล่าวลาหญิงชรา
“เดี๋ยวหมอรอผมที่รถนะ ผมไปเอากุญแจแป๊บนึง” ปัญจวัตรเอ่ยบอกก่อนทำท่าจะขึ้นไปหากุญแจรถทั้งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงฟ้ารดาพยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้คุณหญิงปริศนาแล้วเดินออกจากบ้านไป
“ม้าว่าหมอฟ้าสวยมั้ย” ปัญจวัตรเอ่ยถามมารดาก่อนที่มารดาพยักหน้า
“งั้นม้าดูไว้นะดูให้ดี ๆ คนนี้แหละว่าที่สะใภ้ม้า” ปัญจวัตรเอ่ยบอกก่อนเดินออกจากบ้านไปทิ้งท้ายให้มารดาถึงกับไปไม่เป็นกับคำพูดแสนตรงอย่างนึงที่ปัญจวัตรและพงศ์พยัคฆ์มีเหมือนกันคือทั้งสองจะพูดตรง ๆห่ามๆกับคนในครอบครัวอย่างไม่ปิดบัง