เห็นคนตรงหน้ากินข้าวได้เยอะ เขาก็อดยิ้มไม่ได้ อุตส่าห์ไปรอแม่ค้าย่างคอหมู ปกติเขากินเป็นกับแกล้มในบางวันที่นึกอยากดื่มเบียร์ แต่คิดเอาเองว่าคนตัวเล็กคงชอบเลยซื้อมาให้เธอกินด้วย หน้าตาตอนได้กินของอร่อยก็น่าเอ็นดูจนอยากดึงแก้มเล่นจริงๆ
เพราะรู้สึกถึงสายตาที่มองอยู่จึงเผลอเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย นึกถึงภาพเขาที่น้ารัศมีให้ดู ตอนนั้นเขาทำผมสีเทาๆ แล้วยังเจาะหู เจาะคิ้ว เอ๊ะ! เหมือนว่าจะสักด้วยนี่
“มองหน้าพี่แบบนี้มีอะไรเหรอ”
“ปะ...เปล่าค่ะ” ขวัญข้าวส่ายหน้าไปมาเร็วๆ แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ แต่พอช้อนตาขึ้นมองเห็นมุมปากของยกยิ้มนิดๆ ทำให้เธอใจชื้น “เอ่อ...ข้าวจี่ของเบอร์ติดต่อพี่อาร์มหน่อยได้ไหมคะ”
ใบหน้าที่อารมณ์ดีกลายเป็นบึ้งตึงในทันที เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วถาม
“จะเอาเบอร์มันไปทำอะไร”
“ก็...”
“ให้ได้ แต่ไอ้อาร์มมันเพื่อนพี่ พี่ก็ต้องสกรีนคนที่จะเข้าใกล้มันสิ”
หญิงสาวอ้าปากค้าง เธอดูเป็นคนร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ว่าไง มีอะไรถึงอยากได้เบอร์มัน” เขาถามอย่างไม่พอใจนัก ทำไมต้องสนใจเพื่อนเขาด้วยล่ะ
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ เห็นพี่อาร์มเป็นหน่วยกู้ภัยก็เลยอยากปรึกษาขอความช่วยเหลือหน่อยก็แค่นั้น” เธอทำหน้าตึงใส่เขา เคี้ยวข้าวแทบไม่เป็นจังหวะ
“แล้วมีเรื่องอะไร”
“บอกไปพี่ตุลย์จะช่วยหรือคะ”
“ก็บอกมาก่อนสิ”
ถ้าเธอไม่พูดไปเขาคงไม่ให้เบอร์ติดต่อพี่อาร์มแน่ๆ ขวัญข้าวกลืนข้าวคำสุดท้ายลงคอแล้วดื่มน้ำเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น
“คือมีคุณป้าท่านหนึ่งดูแลน้องแมวจรอยู่ค่ะ แล้วบ้านของคุณป้าก็น้ำท่วมแต่ยังพออาศัยอยู่ได้ แต่ไม่สะดวกในการออกมาซื้ออาหารแมว เอ่อ...ข้าวจี่เลยคิดว่าจะปรึกษาพี่อาร์มว่าจะช่วยส่งอาหารแมวไปที่บ้านคุณป้าได้ไหม อ้อ! คุณป้าไม่ได้ขอฟรีนะคะ จะฝากซื้อค่ะ แต่น้ำท่วมไม่มีร้านไหนเอาอาหารเม็ดของน้องแมวไปส่งได้เลย”
“อืม...” ตุลาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “บ้านคุณป้าอยู่จุดไหนล่ะ”
เห็นเขาสนใจ ขวัญข้าวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดเฟสบุ๊คจะยื่นให้เขาดูแต่ก็ต้องข้ามโต๊ะอาหาร เธอจึงลุกขึ้นแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างๆ
“นี่ค่ะ อยู่ตรงหมู่บ้านนี้...คือบ้านคุณป้าสูงอยู่ค่ะ ก็เลยยังรอดอยู่ แต่สภาพเหมือนติดเกาะเลย มีแต่น้ำล้อมรอบเลยค่ะ”
“เรารู้จักคุณป้าคนนี้เหรอ” เขาถามพลางเลื่อนดูรูปประเมินสถานการณ์ แล้วต้นแขนก็ถูกคนตัวเล็กเบียดแนบชิดพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ค่ะ...พวกเราเอ่อ...หมายถึงข้าวจี่กับเพื่อนๆ เคยทำโครงการเล็กๆ ระดมทุนทำหมันแมวให้คุณป้าค่ะ”
“อืม เข้าใจแล้ว แล้วนี่คุณป้าต้องการอะไรบ้าง”
“พวกข้าวสารอาหารแห้งมีคนเอาเข้าไปส่งให้แล้วค่ะ แต่อาหารแมวใกล้จะหมด คุณป้าสั่งไว้แต่ร้านออกส่งไม่ทัน น้ำท่วมเสียก่อน ถ้าได้ทรายแมวด้วยจะดีมากเลยค่ะ”
จากเมื่อครู่ที่โกรธเขาอยู่ แต่พอเห็นเขาสนใจก็รีบอธิบายให้เขาเข้าใจสถานการณ์ เพื่อแมวหรอกนะ ไม่อย่างนั้นไม่เข้าใกล้ขนาดนี้หรอก
“แมวมีประมาณกี่ตัว”
“ยี่สิบค่ะ”
“เยอะเหมือนกันนะ”
“จริงๆ คุณป้ามีสิบหกตัวค่ะ แต่มีแมวที่หนีน้ำท่วมมาอาศัยอยู่ด้วยก็เลยมีเยอะขึ้น”
ตุลาเลื่อนดูภาพวิเคราะห์ว่าจะใช้เส้นทางไหนเพื่อส่งเสบียงให้เจ้าแมวทั้งหลาย สถาการณ์อย่างนี้อพยพคนกับแมวออกมายิ่งเป็นเรื่องยาก แต่บ้านยังรอด แค่น้ำล้อมรอบเหมือนเป็นเกาะจริงๆ ถนนหน้าบ้านที่เป็นเส้นทางรถผ่านตอนนี้กลายเต็มไปด้วยน้ำ ดูจากภาพแล้วน่าจะดับเอวของเขาเลยทีเดียว
“รถไปได้ถึงถนนใหญ่ แต่ต้องขนเสบียงเข้าไปเอง”
“ค่ะ เห็นคุณป้าก็บอกอย่างนั้น ตอนนี้ก็พยายามประสานงานอยู่ว่าพอมีหน่วยไหนส่งอาหารแมวให้ได้ไหม”
“รถพี่ไปได้” เขาพูดแล้วหันมามองคนข้างๆ โดยไม่รู้ว่าเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขาพอดี ทำให้ริมฝีปากเขาเกือบถูกหน้าผากของเธอ
“พี่ตุลย์จะไปเองเหรอคะ” เพราะมัวแต่หวงเรื่องแมวเลยไม่ทันสังเกตว่าเขาชะงักไป
“อื้ม ไอ้อาร์มมันก็ทำงานประจำเหมือนกัน เลิกงานหรือวันหยุดถึงจะมาได้ ถ้ารอก็คงวันเสาร์หรืออาทิตย์เลย พี่ไปเองเร็วกว่า”
“แล้วพี่ตุลย์จะไปยังไงคะ พี่ตุลย์ก็ต้องทำงานเหมือนกัน”
“ไปช่วงกลางวันไม่ได้ เลิกงานแล้วพี่ไปส่งให้ได้ อีกอย่างถ้าเราไปช่วงค่ำหน่อย คนใช้ถนนเส้นหลักน้อยลง ถึงจะน้ำท่วมแต่ก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ไปถึงบ้านคุณป้าได้ แล้วเราก็จอดรถตรงนี้ น่าจะใกล้ที่สุด เดินฝ่าน้ำจากตรงนี้ไปสักห้าสิบเมตรน่าจะได้”
“เดินฝ่าน้ำ...” แม้ระดับแค่เอวแต่กระแสน้ำไหลแรงไม่น้อย
“มีเบอร์ติดต่อคุณป้าไหม พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
“คะ?”
“พี่จะถามคุณป้าว่าเอาอะไรอีกบ้าง จะได้หาเข้าไปให้ ปีนี้น้ำท่วมนานกว่าทุกครั้ง น้ำยังไม่ลดลงในวันสองวันนี้แน่ๆ ถ้ายังไงจะได้ดูว่าพอจะเอาอะไรเข้าไปให้ได้บ้าง”
“อ่อ...ค่ะ..ข้าวจี่มีเบอร์คุณป้า...” เธอหยิบโทรศัพท์มือของตัวเองออกจากมือของเขาแล้วเลื่อนดูหมายเลขที่บันทึกในเครื่อง
“พี่คุยเอง” เขากดโทรศัพท์โทรตามหมายเลขที่ได้มา
ขวัญข้าวนั่งฟังอยู่ใกล้ๆ ลอบมองใบหน้าคมเข้าที่มีสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงจริงจัง ไม่เห็นเหมือนตอนที่หาเรื่องเธอเลยสักนิด เขาพูดคุยไม่กี่นาทีแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้เธอ
“เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ตอนเย็นพี่จะเข้าไปส่งเสบียงเอง”
“ข้าวจี่ไปด้วยนะคะ”
“อยู่บ้านนี่แหละ”
“ไปด้วยนะ...น่านะพี่ตุลย์ ขอข้าวจี่ไปด้วยนะคะ”
“ไปก็เกะกะเปล่าๆ”
“รอที่รถก็ได้ค่ะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ตุลย์เดือดร้อน”
มือเล็กเกาะแขนเขาแล้วเขย่าเบาๆ ท่าทางออดอ้อนจนคนตัวโตใจละลายแต่ยังต้องทำหน้านิ่งไว้
“สัญญาว่าจะเชื่อฟังพี่นะ”
“ค่ะ! ข้าวจี่สัญญา!”
ใบหน้าหวานระบายยิ้ม เธอยิ้มจนดวงตาหยี่เล็ก เห็นแล้วก็นึกถึงเจ้าเด็กอ้วนที่เขาชอบจับแก้มไม่ได้ แต่จับทีไรเจ้าเด็กอ้วนก็เอาแต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทุกที ทำให้เขาไม่อยากอยู่ใกล้ แต่ตอนนี้หัวใจเขามันหวั่นไหวยังไงไม่รู้
ใจเย็นหน่อยไอ้ตุลย์ ท่องไว้ นี่ลูกสาวของเพื่อนแม่!
....
“คุณตุลาค่ะ ผู้จัดการเรียกพบค่ะ”
“ครับ”
ตุลาขอบคุณพนักงานที่มาเรียกเขา เวลาอยู่ในโรงงานบางทีประกาศเรียกก็ไม่ค่อยได้ยิน เขาส่งงานต่อให้เพื่อนร่วมงานแล้วเดินมาพบผู้จัดการที่ออฟฟิศ
“เรียกผมใช่ไหมครับ” ตุลาเอ่ยถามน้ำเสียงถ่อมตัว ผู้จัดการมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ วันแรกๆ ที่มาทำงานยังเหมือนเด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจ ผ่านมาแค่ไม่กี่ปี ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
“อืม ไม่ได้เรียกมาตำหนิอะไรหรอก” ผู้จัดการหัวเราะในลำคอ “พอดีประชุมออนไลน์กัน คุณรัศมีให้คุณหยุดงานที่โรงงานไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้”
“หา!” ตุลาหลุดเสียงตกใจออกมา “อะไรนะครับ”
ฟังดูดีแต่หมายความว่าไง? ให้เขาไปช่วยใครเหรอ?
“ได้ยินว่าคุณต้องไปส่งอาหารช่วยคนที่ติดน้ำท่วมอยู่นี่ อืม..เอาเรือยางไปใช้ไหม? ถ้าจำไม่ผิดมีอยู่ที่ห้องเก็บพัสดุนะ”
“เอ่อ...”
“วันนี้ก็ทำงานครึ่งวันก็กลับได้เลยนะ”
“แต่ว่า ผมไปแบบนี้ที่แผนกจะทำยังไงล่ะครับ”