เกริกมองพี่ชายของเธอในแง่ร้ายเกินไป
“พี่ทำทุกอย่างเพราะฟ้าเป็นน้องสาวของพี่ แต่ถ้าใครทำร้ายทำไม่ดีกับฟ้า พี่ไม่ปล่อยเอาไว้แน่”
“ไม่มีใครทำอะไรฟ้าหรอกค่ะ ฟ้าโอเคดีค่ะ คิดว่าจะอยู่พักผ่อนที่นี่สักหน่อย ถ้าฟ้าจะเข้ากรุงเทพฯ จะโทร. หานะคะ” เธอบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงสดใส พอวางสายไปแล้ว สีหน้าของฟ้าลดาก็หมองเศร้าเช่นเดิม แต่เธอเป็นภรรยาของเกริกแล้ว อะไรที่พอจะช่วยเหลือครอบครัวของเขาได้ เธอก็อยากที่จะทำ ในฐานะที่เธอเป็นสะใภ้
“คุณฟ้าเป็นยังไงบ้างคะ” เมนิลาเอ่ยถามสามี
“ผมก็ไม่แน่ใจ”
“หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
“เสียงของเขาเศร้า แต่พยายามกลบเกลื่อน ผมเลี้ยงเขามา พอจะรู้นิสัยเขาดี ถึงเขาจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็เป็นคนอ่อนไหวพอสมควร”
อัคคียอมรับว่าเขาช่วยพ่อแม่ของเกริกเพราะจะบีบบังคับหนี้สินหากเกริกทำร้ายฟ้าลดาให้ต้องเสียใจ แต่เมื่อฟ้าลดากับเกริกมาพบกันอีกครั้ง น้องสาวของเขากลับมีความสุขมากขึ้น และอยากแต่งงานกับเกริกอย่างจริงจังเสียที เขาก็ไม่อยากห้ามปรามเพราะเคยพูดกันไปหลายครั้งแล้ว จึงปล่อยให้แต่งงานกันไป และไม่ได้เร่งรัดหนี้สินที่พ่อแม่ของเกริกหยิบยืมไป
อัคคีแค่รอดูท่าทีเท่านั้น เพราะอีกนัยหนึ่งที่เขาช่วยพ่อแม่ของเกริกเอาไว้ เพราะน้องสาวของเขาล้วน ๆ บุญคุณครั้งนี้จะทำให้ครอบครัวของเกริกรู้สึกดีกับฟ้าลดา เขาไม่อยากให้น้องสาวแต่งงานเข้าไปอยู่ในครอบครัวของสามีแล้วมีแต่อคติ และเมื่อได้สัมผัสถึงนิสัยใจคอบิดามารดาของเกริกนั้น อัคคีก็สรุปได้ว่าบิดามารดาของอีกฝ่ายเป็นคนดีใช้ได้
“หรือว่าเกริกจะทำอะไรไม่ดีกับคุณฟ้าคะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่” ครั้งก่อนแค่โดนยึดบ้าน ยึดรถ แต่ครั้งต่อไปเขาจะเล่นไอ้บริษัทโฆษณาของหมอนั่น มันค่อนข้างเป็นวิธีการที่สกปรกไปสักนิด แต่ถ้าใครมาทำให้น้องสาวของเขาเสียใจมากๆ เขาก็ไม่เว้นเอาไว้เหมือนกัน
“รอดูท่าทีกันไปก่อนนะคะ ยังไงเมก็เป็นกำลังใจให้คุณฟ้าเสมอค่ะ” เมนิลาดึงมือสามีมากุมเอาไว้
“เราไม่พูดเรื่องของคนอื่นกันดีกว่าครับ ตอนนี้เรามาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า” อัคคีกุมแก้มนุ่มของภรรยาสาวเอาไว้ด้วยอุ้งมือใหญ่ทั้งสองข้าง
“เรื่องของเรา อะไรกันคะ” เธอเอ่ยถามอย่างออดอ้อน รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเพราะดวงตาของเขาสื่อความหมายอย่างชัดเจน
อัคคีไม่ตอบแต่ประทับจุมพิตบนกลีบปากแสนหวานอย่างดูดดื่ม เธอจูบตอบเขาอย่างเร่าร้อน อ้อมแขนแกร่งอุ้มร่างน้อยของเธอขึ้น เพียงไม่นานเสียงครวญครางจากเตียงนอนกว้างก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดค่ำคืน
ฟ้าลดาให้นทีไปสืบเรื่องของสามีว่าเขาเปิดบริษัทอยู่ที่ไหน โดยเธอคิดว่าจะช่วยหาลูกค้าให้เขา เผื่อจะได้ช่วยเขาอีกแรงหนึ่ง
นทีรายงานเจ้านายสาวว่าบริษัทของเกริกกับกวินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมานานมีลูกค้าค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว และรับงานทั้งในและนอกสถานที่ เกริกมีความสามารถด้านการถ่ายภาพ และกวินมีความสามารถด้านการตัดต่อทำสื่อโฆษณาต่าง ๆ แถมราคายังย่อมเยาอีกด้วย นั่นทำให้ทั้งสองมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก คิวงานจึงยาวเหยียดแทบไม่ต้องไปช่วยหาลูกค้าเลยเสียด้วยซ้ำ
“เหรอจ๊ะ” ได้ยินว่าเขาไปได้ดีเธอก็ดีใจด้วย
“คุณฟ้าจะทำยังไงต่อไปครับ” นทีเอ่ยถามเจ้านายสาว
“ยังไม่ต้องทำอะไรหรอกจ้ะ” ฟ้าลดาตัดบท เธอแค่อยากแอบไปดูเขาทำงาน โดยไม่ให้เขาเห็น แต่คงสักพักหนึ่ง เขาอาจจะยังไม่อยากเห็นหน้าเธอตอนนี้ และเธอก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
ฟ้าลดาไปหาบิดามารดาของเกริกที่บ้าน เธอพยายามที่จะทำความสนิมสนมด้วย โชคดีที่ครอบครัวของเกริกน่ารัก ต้อนรับขับสู้เธอเป็นอย่างดี ชวนเธอรับประทานอาหารด้วยกันแทบจะทุกวัน
“ถ้าหนูฟ้าว่างก็มากินข้าวกับพ่อกับแม่นะ จะได้ไม่เหงา เกริกเขาไปทำงาน ก็คงยุ่ง ต้องขอโทษด้วยนะที่เกริกไม่มีเวลาดูแลหนูฟ้าเลย” มารดาของเกริกยิ่งกว่าเอ็นดูเธอ ทำให้ฟ้าลดารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นไปอีก
ถ้าครอบครัวของเขายอมรับเธอได้ทั้งหมด เกริกเองก็คงจะเอนเอียงตามครอบครัว และยอมใจอ่อนกับเธอบ้าง
“ขอบคุณค่ะ” ฟ้าลดาไปกินข้าวที่บ้านพ่อแม่ของเกริก เธอก็ซื้อวัตถุดิบดี ๆ ไปให้ท่านปรุงอาหาร เธอทำอาหารไม่เป็น ก็ออกเงินซื้อไปฝากเสียเลย พวกท่านเองก็จะได้ไม่ต้องออกไปหาซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหาร แต่บิดามารดาของเกริกนั้นทำไร่ทำสวน ปลูกผักผลไม้ปลอดสารพิษเอาไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้ข้าวของหลายอย่างที่เธอซื้อไปดูจะเป็นส่วนเกิน เมื่อครอบครัวของเกริก รับประทานพืชผักผลไม้สด ๆ จากไร่ของตัวเองมากกว่า
แม้ครอบครัวของเกริกจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมายเหมือนครอบครัวของเธอ แต่บิดามารดามีที่ดินพอสมควร แค่อาจจะไม่ได้มีเงินทองมาก ไม่เหมือนพี่ชายของเธอที่มีทั้งที่ดินจำนวนมาก และเงินทองจำนวนมากในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าเทียบกันแล้ว การมีที่ดินและปลูกของกินทุกอย่างที่กินได้ ก็ทำให้มีกินมีใช้ไม่เดือดร้อนอะไร ไม่ต้องใช้จ่ายเงินทองไปกับเรื่องกิน ก็ถือว่าไม่ได้อดอยากเมื่อ เทียบกับพนักงานเงินเดือนหลายคนที่มีแค่เงินเดือน ต้องเช่าบ้านอยู่ ต้องนั่งรถประจำทาง ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน ไม่มีแม้แต่ที่ดินปลูกของกินดี ๆ อาศัยซื้อกิน และพืชผักก็มีสารเคมีตกค้าง อีกทั้งแม่ค้าแม่ขายที่นำมาปรุงอาหารก็ไม่รู้ว่าจะทำสะอาดมากน้อยแค่ไหน ด้วยว่าชีวิตเร่งรีบในเมืองใหญ่ เป็นแค่พนักงานเงินเดือน อาจจะไม่มีเวลาที่จะเลือกกินมากนัก หรือไม่มีเงินที่จะซื้อของที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ จึงกินเพื่ออยู่ไปวัน ๆ เพื่อให้มีแรงทำงาน
“เสียงรถใครมาล่ะนั่น” น้ำเสียงของหญิงชราเอ่ยขึ้น ทำท่าจะลุกไปดู ขณะที่กำลังจะนั่งรับประทานอาหารกัน ทำให้ฟ้าลดาต้องรีบอาสาเสียเอง
“เดี๋ยวฟ้าไปดูเองค่ะ” ฟ้าลดารีบลุกไปดูแขกที่มาตรงหน้าบ้าน เธอพยายามทำตัวเป็นคนบ้านนี้ แขกไปใครมาก็ช่วยต้อนรับ
ร่างสูงที่เดินลงมาจากรถคุ้นตาไม่ใช่ใครอื่นคือสามีของเธอ รอยยิ้มของฟ้าลดาปรากฏขึ้นมาในทันที เธอดีใจที่ได้เจอเขา ก่อนจะจางหายไปเมื่อเขาเดินไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวแสนสวยคนหนึ่ง ลงมาจากรถ แค่มองแว็บแรกเธอก็ดูออกว่าหล่อนดูดีแค่ไหน เสื้อผ้าหน้าผมดูเป๊ะ ดูออกว่ามีเงินเพราะเสื้อผ้าข้าวของที่ใช้ล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนมแทบทั้งสิ้น
“คุณมาทำอะไรที่นี่!” ประโยคห่างเหินของสามี และสายตาที่มองมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้ฟ้าลดากลืนน้ำลายฝืดคอ
นี่คือประโยคทักทายของสามีอย่างนั้นใช่ไหม ฟ้าลดารู้สึกตัวชา น้ำตาตกใน กลืนน้ำลายแทบไม่ลง รู้สึกไร้ค่าจนแทบลืมหายใจ
“อ้าว... เกริก จะมาทำไมไม่บอกแม่ล่ะจ๊ะ”
“ผมอยากเซอร์ไพร้ส์น่ะครับ คิดถึงแม่จังเลยครับ” คนปากหวานเข้าไปกอด
“ไม่ต้องมาปากหวานเลยเรา อ้าวนั่นพาใครมาด้วยล่ะ”
“ลูกค้าครับ” สาวสวยคนนั้นคือลูกค้า ฟ้าลดารู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้นอกใจเธอไปแอบมีผู้หญิงคนอื่น
“กำลังจะกินข้าวกันอยู่พอดี มากินด้วยกันสิ” ถึงแม้ไม่ได้ทำกับข้าวเผื่อลูกชาย แต่กับข้าวที่ทำก็เยอะแยะ เพิ่มคนมาอีกสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไร