“ นั่นสิคะ เห็นว่าเป็นแพทย์อาสาออกทำงานตามป่าตามดอยลำบากลำบนเพื่อปวงชนด้วยใช่ไหมคะ โถ พ่อคู้ณ ช่างประเสริฐจริงจริ๊ง แบบนี้ก็คงง่วนกับงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่มีเวลาหาฟงแฟนเลยสิลูก ”
“ ใช่ค่ะคุณพี่ ถ้ามีศรีภรรยาดี ๆ ย่าอย่างน้องก็คงหมดห่วง คงตายตาหลับ ”
“ ถ้าอย่างนั้นก็มาถูกที่แล้วล่ะค่ะ ที่นี่มีกุลสตรีที่มีคุณสมบัติพรั่งพร้อมกับการเป็นศรีภรรยาทุกประการอยู่นะคะ ”
ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ข้อมูลของย่านี่แน่นอนว่าสะตอตัวแม่ แต่อีกฝ่ายไม่รู้จะยังไง จะสะตอมากหรือสะตอน้อยกว่ากันก็ยากที่จะคาดเดา
“ มัวแต่คุย เชิญนั่งเลยค่ะคุณน้อง คุณหมอขา เชิญนั่งเลยนะคะ ประเดี๋ยวยัยหนูนิ่มก็คงจะออกมากับพวกเด็กรับใช้ ลงมือปรุงเอง จัดสำรับเองเสียสุดฝีมืออย่างเคยแหละค่ะ น่ารักจริงจริ๊งหลานสาวคนนี้ ”
บางคำในบทสนทนานั้นทำให้นายแพทย์นรบดีผู้หื่นกามหูผึ่ง ถ้าเขาฟังไม่ผิด มันมีชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาด้วย
หนูนิ่ม !
เฮ้ย ไม่หรอกมั้ง คงไม่ใช่หนูนิ่มเดียวกับที่ทำให้เขาเสียวแล้วจากไปคนเมื่อคืนนี้หรอกน่า
“ นั่นไง มากันแล้ว ” คุณยายศรีสมรว่าเมื่อมีขบวนหญิงสาวสี่นางยกสำรับอาหารอันมีลักษณะคล้ายขันโตกเล็ก ๆ เดินตามกันมาต้อย ๆ ซึ่งคนสุดท้ายในขบวนนั้นอรชรอ้อนแอ้นกว่าใครทั้งหมด ผมสีดำสลวยถูกมวยเก็บขึ้นไปบนศีรษะเรียบร้อย เสื้อสีชมพูอ่อนแขนสามส่วน กับผ้าถุงเข้ารูปสีกลีบบัว ใบหน้ารูปไข่ ใบหน้าขาวใส ตากลมโต
เธอช่างสะดุดตาคุณหมอหนามยิ่งนัก แต่หาใช่เพราะความสวยความงามใด ๆ ไม่ แต่เพราะสาวน้อยในชุดนักเรียนที่เขาล้วงอยู่เมื่อคืนก็คล้าย ๆ แบบนี้ แถมเธอคนนั้นยังแทนตัวเองว่า ‘ หนูนิ่ม ’ อย่างที่คุณยายศรีสมรเรียกอีกต่างหาก
ขบวนหญิงสาวค่อยเดินสนิมสร้อยอ้อยอิ่งจนมาถึงศาลาเรือนไทย คุณยายศรีสมรรีบกวักมือเรียกสาวน้อยผู้รั้งท้ายทันที
“ มานี่ทีแม่หนูนิ่ม มากราบคุณย่าแหนมและคุณพี่หมอหนามเร้ว ” หญิงสาวผู้นั้นยิ้มพริ้มเพราแล้วค่อยทรุดตัวลงกับพื้นคลานเข่ามากราบที่ตักของคุณย่าที่รีบยกมือขึ้นลูบหัวลูบหางอย่างเอ็นดู ก่อนหันมายกมือสวัสดีเขา
“ กราบสวัสดีคุณย่าแหนม และคุณพี่หมอด้วยนะคะ ขอประทานโทษที่หนูนิ่มออกมาช้าสักนิด เหตุเพราะจัดสำรับและแกะสลักผลไม้อยู่ เลยทำให้ต้องรอนาน คุณย่ากับคุณพี่หิวหรือยังคะ ”
“ ใครมันจะแหกขี้ตาหิวตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ ” เสียงพึมพำอยู่ในลำคอของคนปากเสียถูกกลบทันทีด้วยเสียงคุณย่าแหนม
“ ยังไม่หิวหรอกจ้ะลูก แต่พอเห็นหน้าตาอาหาร น้ำย่อยในท้องป้าก็เรียกร้องทันทีเลย แม่คุณแม่ทูนหัว หน้าตาก็สะสวย กิริยามารยาทก็งามพร้อม ไหนลูก วันนี้ทำอะไรให้ย่ากับพี่เค้าทานคะ ”
“ สำรับของมื้อเช้านี้หนูนิ่มทำอาหารง่าย ๆ นะคะ มีแกงจืดลูกรอกใส่ฟัก อันนี้หมูโสร่ง นี่กุ้งแม่น้ำราดซอสมะขาม ส่วนนี้ไข่ตุ๋นทรงเครื่องค่ะ ผลไม้เป็นเมล่อนญี่ปุ่นกับละมุดหวาน ๆ ของไทยเราเอง ของหวานเป็นกล้วยไข่บวชชีกะทิรมควัน คุณยายใหญ่ท่านติดของหวานน่ะค่ะ หลังมื้ออาหารจะต้องมีของหวานอยู่ร่ำไป ”
“ ตายแล้ว น่าอิจฉาคุณพี่จริง ๆ เลยนะคะเนี่ย มีหลานสาวช่างเอาอกเอาใจ ดูหน้าตาอาหารก็น่าทานมากเชียวค่ะ แบบนี้ต้องตื่นมาทำแต่หัวรุ่งเลยสิลูก ”
“ ก็ทำนองนั้นแหละค่ะคุณย่า ” เธออ้อมแอ้มตอบด้วยรอยยิ้มอย่างเคย ทว่ารอยยิ้มนั้นเหือดหายไปเมื่อเกิดคำถามขึ้นจากคุณพี่หมอ
“ ตื่นมาทำหรือว่ายังไม่ได้นอน ”
นิ่มอนงค์หน้าซีดเผือดแล้วเงยหน้ามองชายผู้ที่คุณยายใหญ่มีบัญชาลงมาว่า เขาจะเป็นว่าที่สามีของเธอ
ดวงตาคมใต้ปีกคิ้วเข้มงดงามได้รูปนั้นจ้องมองมายังเธอเขม็ง จมูกโด่งสวย รับกับปากหยักที่ยกยิ้มนิด ๆ ทำให้ใบหน้าคมสันนั้นยิ่งน่ามอง แต่เหตุใดดวงตากับคำพูดนั้นมันทำให้เธอร้อนตัวไปได้นะ
ไม่หรอก เขาต้องไม่ใช่ผู้ชายคนเมื่อคืนที่ล่วงล้ำเธอ ผู้ชายคนนั้นใบหน้าคร้ามเข้มไปด้วยหนวดเครา ไม่ได้หล่อเหลามาดเนี้ยบอย่างคุณหมอหนามคนนี้
“ เอ้า หนูนิ่ม พี่หมอเค้าถามทำไมไม่ตอบล่ะ เสียมารยาทจริงเชียว ” คุณยายศรีสมรติงหลานสาว หล่อนตะกุกตะกักถามกลับ
“ อะ... อะไรนะคะ ” อีกฝ่ายฉีกยิ้มที่สาว ๆ แถวนั้นมองแล้วแอบทรมานใจ ก่อนเอ่ยซ้ำ
“ พี่ถามว่า หนูนิ่มตื่นเช้ามาทำอาหาร หรือว่าไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะกลับดึกคะ ”
“ หนูนิ่มเปล่านะคะ ” เธอส่ายศีรษะดิกปฏิเสธ แต่แววตาเต้นระริกตื่นกลัวนั้นเป็นภาษากายที่หมอหนามอ่านได้เลยว่าเธอกำลังโกหก
ทีแรกเขาต้องยอมรับแหละว่าจำหน้าไม่ได้หรอก ก็ในผับมันมืดซะขนาดนั้น จำได้ก็แค่ลักษณะบางอย่าง และรูปร่างของเจ้าหล่อนก็คงจะอรชรอ้อนแอ้นประมาณนี้ ที่สำคัญ คงจะมีไม่มากที่ใคร ๆ จะตั้งชื่อลูกว่าหนูนิ่ม อันนี้เขาอนุมานเอาเอง
ใช่แน่ ๆ เขามั่นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาล้วงเมื่อคืนแน่ ๆ !
ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะคอสเพลย์ชุดนักเรียนเข้าไปในผับแล้วล้มลงมาทับบนตักผู้ชาย แถมยังยินดีปรีดาให้ล้วงได้แต่โดยดี ล้วงเข้าไปก็แฉะเยิ้มซะขนาดนั้น ไม่รู้ว่าล่อกับใครมาก่อนหรือเปล่า
คงจะแสบพอควรสินะ คุณยายของเธอเลยจะจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมาถวายใส่พานให้หนุ่มรูปหล่อคุณหมอโปรไฟล์ดีอย่างเขา