ตอนที่ 2 อยากลองจูบ (3)

1109 คำ
“คุณนิกอย่าแกล้งมะลิสิคะ” มาลินีอยากทำตัวเล็กลีบเพื่อให้หลุดพ้นจากวงแขนแข็งแรงเต็มประดา กลัวเขาได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเธอนัก ยิ่งตอนนี้มุมปากของเขาเผยรอยหยักยิ้ม เดาไม่ออกว่าเขาจะทำอะไรกับเธอต่อ “ก็เรามันน่าแกล้งนี่” ดนุนัยเขี่ยปลายจมูกเชิดรั้นเล่น ทำอย่างที่ว่า มือหนาเลื่อนสัมผัสบดคลึงเรียวปากนุ่มบางเบา พอเห็นแก้มป่อง ๆ ของสาวน้อยซับสีระเรื่อแดงก่ำไปถึงหู ยิ่งรู้สึกอยากทำมากกว่าที่ทำอยู่ แต่เขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา จึงปล่อยเธอเป็นอิสระ ทันทีที่มาลินีลงจากตักกว้าง สาวน้อยรีบขยับถอยห่างจนเกือบจะถึงประตู เพราะไม่อยากโดนเหมือนเมื่อกี้อีก เล่นเอาคนมองหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขันแกมเอ็นดู “มานี่” ดนุนัยเรียกเธอไว้ จากนั้นเลื่อนมือไปเปิดลิ้นชัก แล้วหยิบบางอย่างออกมา ก่อนจะตวัดลายเซ็นลงบนแผ่นกระดาษนั้นอย่างชำนาญ “ทำไมคะ?” มาลินีถามอย่างระวัง โดยเฉพาะตากลมประกายความตื่น ดนุนัยมองคนระแวงแล้ว จึงหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ สาวน้อยหวาดกลัวเขาอย่างนั้นหรือ? “มาเอาค่าแปลเอกสาร” เขาบอกพร้อมยื่นเช็คส่งมาให้ มาลินีมองเช็คในมือหนาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะคุณนิก” “ไม่เป็นไรได้ไง ปกติเธอแปลนิยายก็ได้ค่าเสียเวลาไม่ใช่หรือ” พูดพลางวางเช็คใส่อุ้งมือเล็ก “แต่นี่มันมากไปค่ะ” มาลินีหยิบเช็คมาดู นี่มันตั้งสามหมื่นเทียบกับงานเมื่อกี้เธอรู้สึกว่ามันแพงไป “ไม่มากหรอก ไว้เป็นทุนการศึกษาไง” เขาบอกด้วยสีหน้านิ่งเรียบไร้การหยอกเย้าอยู่ก่อนหน้า ราวกับเมื่อครู่พวกเธอไม่ได้ทำอะไรกัน “แต่มะลิได้รับทุนการศึกษาจากคุณนิกแล้วนี่คะ” กลีบปากอิ่มขยับบอก คนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะไม้สักทองมองริมฝีปากบวมเป่งซึ่งเกิดจากฝีมือของเขาแล้วอยากจะจูบเธออีกสักรอบ แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ “ไปกินข้าวได้แล้ว” ดนุนัยออกคำสั่งจริงจัง เขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอนานมากกว่านี้ ขืนให้เธอยืนอยู่ในห้องของเขาต่อ มีหวังเขาอาจจะทำมากกว่าจูบ จึงรีบไล่เธอไปกินข้าว จนคนที่จะเถียงกลับต้องออกไปอย่างที่เขาบอก “ขอบคุณค่ะ” มาลินียกมือไหว้ขอบคุณพร้อมเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาถมึงทึงบางคู่ จับจ้องเธออยู่ตรงหน้าประตูห้องหนังสือ “เข้าไปทำอะไรในนั้นถึงได้ออกมาจนป่านนี้” เสียงห้วนนี้เป็นของจิรายุเอง “เราเข้าไปช่วยคุณนิกแปลเอกสารน่ะ” ว่าแล้วหมายจะเดินจากไป แต่ต้นแขนเล็กถูกรวบจากมือหนาเสียก่อน มาลินีมองมือของจิรายุที่รวบแขนเธอไว้แน่นแล้วนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บ “ปล่อยนะ!” “ทำไมต้องหวงเนื้อหวงตัวด้วย ทีกับน้านิกเธอประเคนตัวให้เขาถึงที่ ทีกับฉันทำเป็นหวงตัว” “นี่นายเป็นบ้าอะไร พูดจาน่าเกลียด” มาลินีตวัดตาค้อนพร้อมสลัดแขนออกจากอุ้งมือคนเจ้าอารมณ์ ทว่ามือของจิรายุไม่ต่างจากคีมเหล็กรัดมือเธอแน่นเหลือเกิน ยากสะบัดออกได้ “ฉันพูดความจริงไงล่ะ เป็นแค่คนใช้อย่าคิดว่าจะมาเทียบตีตัวเสมอน้านิกเลย น้านิกไม่มีวันมองคนอย่างเธอหรอก” “นายพูดบ้าอะไร?” ถามกลับด้วยน้ำเสียงสั่น เพราะสะท้อนใจกับความจริงที่อีกฝ่ายพูด “ก็พูดความจริงไง น้านิกน่ะมีแฟนแล้ว และผู้หญิงของเขาแต่ละคนก็มีแต่สวย ๆ น้านิกไม่มีวันมองเด็กรับใช้อย่างเธอหรอก” มาลินีมองคนที่ดูถูกเหยียดหยามราวกับเธอไร้ค่าต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทำเอารู้สึกแสบจมูกจนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ หากแต่ก็กลั้นเอาไว้ “ปล่อย! ฉันจะกลับไปกินข้าว” หยาดน้ำใสเริ่มรื้นในนัยน์ตากลม จิรายุชะงักเล็กน้อยที่เห็นตากลมโตแดงก่ำ หากแต่ก็ยังอยากจะเค้นหาเอาความจากเธอ “ไม่ปล่อย บอกมาว่าเมื่อกี้เธอเข้าไปทำอะไร?” “ก็บอกว่าไปช่วยคุณนิกแปลเอกสารไม่เข้าใจหรือไง!” มาลินีเริ่มขึ้นเสียงบ้าง เมื่ออีกฝ่ายคิดจะคาดคั้นเธอเหมือนเธอเป็นนักโทษ จิรายุเป็นบ้าอะไร ทำไมหลัง ๆ มานี้ทำตัวแปลก ๆ คิดแล้วก็สะบัดแขนออกแรง ๆ ในที่สุดก็หลุดจากการเกาะกุมนั้น แล้วรีบออกไปจากหน้าห้องหนังสือ จิรายุมองร่างบอบบางที่รีบวิ่งหนีเขาแล้วถึงกับกำมือแน่น หมายจะตามอดีตเพื่อนสนิทไป แต่ก็ต้องหยุดเท้าไว้พร้อมหันมาทางเสียงเคร่งขรึมที่ดังมาจากด้านในห้องหลังประตูเปิดออก “แกทำอะไรมะลิ?” เมื่อกี้เขาได้ยินเสียงเอะอะคล้ายคนทะเลาะกันจึงออกมาดู “เปล่า” จิรายุไหวไหล่ มองผู้เป็นน้าชายเหมือนชิงชังไม่ชอบหน้า ฝั่งผู้เป็นน้าชายมองหลานชายที่ปั้นหน้าตึงตังแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก บางทีเขาก็สงสัยว่าทำไมจิรายุถึงได้ตั้งแง่กับมาลินี ทั้งที่เมื่อก่อนเด็กสองคนนี้ออกจะเข้าขากันได้ดีทีเดียว “แล้วน้านิกล่ะครับ เมื่อกี้ทำอะไรในห้อง ถึงได้ปล่อยให้มะลิออกมากินข้าวเลยเวลาขนาดนี้” ที่ถามเพราะนี่จะบ่ายโมงแล้ว “น้าให้มะลิช่วยแปลเอกสารน่ะ” ดนุนัยบอกพลางจับสังเกตหลานชายไปด้วย ดูเหมือนจิรายุจะไม่พอใจที่เห็นมาลินีออกมาจากห้องทำงานของเขา “ทำไมเราสงสัยอะไรอย่างนั้นหรือ?” หัวคิ้วคนถามเลิกขึ้น ตาจับจ้องหลานชายประกายบางอย่าง ทำเอาคนถูกมองรู้สึกไม่ชอบใจ “เปล่าครับ” ว่าแล้วก็ผละจากไป ทิ้งให้ร่างสูงใหญ่มองตามด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ดนุนัยพอจะรู้อะไรบ้างแล้วด้วยจากการสังเกตสีหน้าและอาการของผู้เป็นหลานแสดงออกมาโดยปิดไม่มิด… เขาไม่คิดว่าความผูกพันจะทำให้จิรายุคิดกับมาลินีเกินเพื่อน เรื่องนี้ชักจะยุ่งยากเสียแล้วสิ สีหน้าคนครุ่นคิดเริ่มฉายแววหนักอกหนักใจ ********** ตอนนี้เริ่มมีกลิ่นตุๆ แล้วค่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม