ดวงตากลมโตมองไปรอบตัวอย่างตื่นตะลึงเล็กน้อยเพราะบรรยากาศที่เห็นอยู่หลายรอบตัวนี้คืองานแต่งงาน ทว่าเป็นงานแต่งงานของใครกันล่ะ
คิดก่อนจะก้มมองฝ่ามือของตัวเองที่ถูกใครบางคนจับจูงอยู่ หล่อนเห็นฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งกำลังกอบกุมมือของหล่อน
ใช่... มือของหล่อนแน่ เพราะขยับนิ้วได้ตามใจคิด
ทว่ามือทั้งสองข้างนั้นสวมถุงมือสีขาว ‘ถุงมือเจ้าสาว’
ทำไมหล่อนสวมถุงมือเจ้าสาวเป็นลูกไม้เนื้อดี ยาวขึ้นมาถึงข้อศอก หรือหล่อนแต่งงาน
ฝ่ามือข้างที่ไม่ได้ถูกกอบกุมแตะสัมผัสใบหน้า ทรงผม รวมทั้งก้มมองเครื่องแต่งกายที่สวมอยู่ตอนนี้ ‘ชุดเจ้าสาว’ แน่ใจว่านี่คืองานแต่งงานของหล่อนอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย
เพราะชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องเหมือนชุดเจ้าหญิง คือ ชุดที่หล่อนจินตนาการเอาไว้ว่าหากมีโอกาสได้แต่งงาน หล่อนจะใส่ชุดแบบนี้ และเจ้าบ่าวของหล่อนก็จะหล่อเนี้ยบไม่แพ้ดารานายแบบ หล่อไม่น้อยไปกว่าอปป้ากงยู
แค่คิดหัวใจก็สั่นหวิว ร่างสะท้านน้อยๆ ยามค่อยๆ ชำเลืองมองคนที่กุมมือของหล่อนอยู่
‘เขา’ เจ้าบ่าวของหล่อนเป็นผู้ชายที่น่าจะตัวสูงกว่าหล่อนมากๆ เพราะจากระดับสายตาที่ไล่ขึ้นไปตามสูทสากลสีเทาอมฟ้า หล่อนเหมือนจะสูงแต่ระดับหน้าอกของเขา
‘เจ้าบ่าวในสูทสากลสีเทาอมฟ้า’ เห็นแค่นี้ก็จึ้งใจหล่อนนัก ก็สีนี้หล่อนชอบ ดูสะอาด คลาสสิค บ่งบอกว่าเทสดี
เจ้าบ่าวกระชับมือหล่อนแน่นขึ้นอีก นั่นทำให้หล่อนกล้าที่จะเคลื่อนสายตาขึ้นอีก
เริ่มตั้งแต่ปลายคางที่มีเคราเขียวครึ้มน้อยๆ เหมือนคนพึ่งโกนหนวดโกนเครามาหมาดๆ ริมฝีปากแดงระเรื่อดั่งคนสุขภาพดีอยู่เสมอที่แย้มออกนิดๆ ราวกับเอ็นดูหล่อน ผิวแก้มก็นวลเนียนอมชมพูน้อยๆ นั่นสีจากบรัชออนหรือเขาเป็นผู้ชายรักสุขภาพกันนะ
ดวงตากลมโตเคลื่อนมองปลายจมูกโด่ง ออกงุ้มน้อยๆ แบบคนมีอำนาจ
จมูกแบบนี้ถ้าจดลงบนแก้ม
อึ๊ยยยยย... หัวใจหล่อนกำลังกระเจิง
แค่นั้นก็อดรนทนไม่ไหวตวัดสายตาขึ้นมองเขาทันที
และดวงตาที่จ้องประสานมองมาก็ทำให้หล่อนร้อนไปทั้งร่าง เพราะดวงตาคมเข้มคู่นั้นของเขามองหล่อนด้วยความรัก
เขารักหล่อน ไม่ผิดแน่ สายตาเขาบอกแบบนั้น
ผู้ชายตัวสูงใหญ่ หล่อเว่อร์ราวเทพบุตร คือ เจ้าบ่าวของหล่อนจริงๆ
เขาส่งยิ้มแสนจะอบอุ่นมาให้ และหล่อนก็ยิ้มตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ ทว่าเขากลับกระชับฝ่ามือของหล่อนแน่นขึ้นอีก พร้อมแนบใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้
‘พี่รอฮันวอล’
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูทำให้หล่อนมองเขาแบบฉงน
เขารอหล่อน รอทำไม หล่อนไปไหนเหรอ และเขาพูด ‘ภาษาไทย!’ ไม่ใช่ภาษาเกาหลี แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้ถามอะไรเสียงดังปัง! ก็ดังขึ้น ดังใกล้ตัวจนหล่อนต้องยกมือขึ้นปิดหู เหมือนทุกอย่างจะหยุดนิ่งก่อนที่ความโกลาหลจะตามมา เพราะรอบกายหล่อนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนที่อยู่ในงาน
ทุกอย่างดูสับสนอลหม่านไปหมด แต่คนที่กุมมือกลับบีบแน่นขึ้นอีก แน่นมากจนหล่อนต้องหันมองก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเพราะถุงมือเจ้าสาวชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด และเจ้าบ่าวของหล่อนก็ค่อยๆ ทรุดร่างลงแทบพื้น ฉุดให้หล่อนต้องนั่งตามไปด้วย
นั่นล่ะหล่อนจึงได้เห็นว่าเลือดไม่ได้มาจากร่างกายของหล่อน แต่เป็นของเขา
ชุดเจ้าบ่าวเรียบหรูสีเทาอมฟ้าช่างส่งให้สีแดงบริเวณเหนืออกซีกซ้ายโดดเด่น
‘พี่! พี่อย่าเป็นอะไรนะ พี่! ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! พี่ถูกยิง!’
หล่อนกรีดร้องเรียกหาคนช่วย แต่เขายังกุมมือหล่อนแน่น และดวงตาของเขาที่มองมาก็เต็มไปด้วยความเสียใจ
‘ฮันวอล... พี่ขอโทษ’
เสียงของเขาที่ดังแผ่วเบาก่อนดวงตาคมเข้มจะปิดลง ร่างกายราวกับไร้แรงโน้มถ่วงปล่อยตัวเองให้ล่องลอยกระทบพื้น
‘ไม่นะ ไม่นะ ม่ายยยยยยย...’
เสียงกรีดร้องของหล่อนดังชัดเข้ามาในหัวใจ แต่แล้วกลับกลายเป็นหล่อนเห็นตัวเองถลาเข้าไปโอบประคองเขา กอดรัดร่างสูงใหญ่แนบอก แหงนหน้ากรีดร้องน้ำตาท่วม
ความเจ็บปวดจากร่างโอดครวญรับรู้มาถึงหล่อนที่ยืนมอง ฝ่ามือทาบตรงตำแหน่งหัวใจ กดย้ำๆ หวังให้ความเจ็บปวดผ่อนคลาย แต่ไม่น้อยลงเลย ก่อนเสียงกรีดร้องแห่งความร้าวรานหัวใจจะดังขึ้น
“ไม่นะ ไม่... ม่าย!”
“ฮันวอล! ฮันวอล! ฮันวอลลูก!”
เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าทำให้ดวงตาที่หลับปี๋เพราะกรีดร้องเบิกกว้างก่อนจะทะลึ่งลุกพรวด และคนที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้หล่อนถลาเข้าไปซุกอกในทันที
“แม่! หนูฝันร้าย หนูฝันร้าย...”
ร่างเล็กซุกอยู่กับอ้อมอกของแม่พลางสั่นสะอื้นจนหอบตัวโยน เพราะความฝันแสนร้ายกาจนั้นน่ากลัวนัก หล่อนไม่ชอบความฝัน ไม่อยากฝัน ดังนั้นทุกฝันที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้หล่อนเรียกมันว่า ‘ฝันเพ้อเจ้อ’ แต่ฝันเมื่อครู่ไม่ใช่
มันรุนแรง และบ่งบอกว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น
‘ฝันร้ายกลายเป็นจริง’ นั่นคือฝันของหล่อน
“ทำไมหนูฝันร้ายแม่ หนูไม่อยากฝัน”
ใบหน้าซุกซบกับอกแม่ พลางพร่ำบ่นคำที่ติดค้างในหัวใจจนสร้างความหนาวสะท้านแทรกซึมไปทั้งร่าง โชคดีที่ได้อ้อมกอดของแม่มาปลอบโยน หากหล่อนต้องตื่นขึ้นมากลางดึกและรับรู้ความรู้สะท้านหัวใจนี้อย่างเดียวดาย คงจะแย่กว่านี้
ทว่าเมื่อดวงตาปรับชินกับแสงจึงได้รู้ว่ายังไม่เช้า แล้วทำไมแม่มาอยู่ที่ห้องนอนของหล่อน หรือหล่อนร้องเสียงดังละเมอไปไกลจนแม่ได้ยิน หรือว่า...
“แม่... ทำไมแม่มาอยู่ในห้องหนู แม่...”
ดวงตากลมโตที่มีหยาดน้ำชุ่มฉ่ำมองไปรอบตัว ด้านนอกฟ้ายังมืด แต่แม่อยู่กับหล่อน ฝ่ามือแบบบางจับแขนแม่เขย่า ดวงตาฉ่ำน้ำมองแม่อย่างต้องการคำตอบ ทว่าใบหน้าเจือเศร้าของแม่ก็คือคำตอบทั้งหมดแล้ว
“แม่อย่าบอกนะ ว่าแม่ฝันเหมือนหนู... แม่อย่าบอกนะ...”
และดวงตาของแม่ก็คือคำตอบ นั่นทำให้หล่อนยิ่งสั่นสะอื้น
“ไม่เอานะแม่ หนูไม่เอาฝันแบบนี้นะ หนูไม่เอาฝันแบบนี้ แม่... หนูไม่เอา...”
ร่างเล็กสั่นสะอื้นและยิ่งสะท้านฮึกฮักเมื่อแม่รั้งหล่อนเข้ากอด
“ไม่เป็นไรนะฮันวอล ไม่เป็นนะลูก แม่จะแก้ไข แม่จะแก้ให้ได้ เราจะแก้ไขไปด้วยกัน”
เสียงของแม่สั่นไหวไม่แพ้หัวใจของหล่อนในเวลานี้ ในเมื่อทั้งแม่และหล่อนต่างรู้ดีว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะถ้าทำได้เหตุการณ์นั้นคงไม่เกิดขึ้น
“หนูกลัว แม่... หนูกลัว...”
“ไม่ต้องกลัวลูก เราจะหาทางแก้ จะแก้ไขให้ได้ แม่สัญญา แม่สัญญาฮันวอล”