2

1140 คำ
รถตู้คันหรูเคลื่อนตัวออกจากบ้านของพิพัฒน์โดยมีร่างของพิชชาพรนั่งอยู่ในรถคันนั้น ซึ่งเป็นรถของแม่เลี้ยงกิ่งแก้วที่จะมารับหญิงสาวไปเชียงราย หลังจากจัดการหนี้สินของพิพัฒน์เสร็จเรียบร้อย สายตาของพิพัฒน์และกานดา กิจจา สมาชิกในครอบครัวของหญิงสาว รวมทั้งบัวตูมสาวใช้ที่ทำงานบ้านแลกกับค่าแรงเพียงหนึ่งพันห้าร้อยบาท กับที่พักและอาหาร มีนิสัยปากสว่าง เดินออกมาส่งหน้าบ้านและมองรถตู้คันนั้นไปจนสุดสายตา ดวงตาคู่สวยที่มีหยาดน้ำตารินไปตลอดการเดินทาง ทอดมองภาพทิวทัศน์ที่อยู่ด้านนอกกระจกด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเหมือนไร้ซึ่งหัวใจ เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อความสุขของผู้เป็นบิดาและบุคคลที่อยู่ในบ้าน แม้จะมีความสัมพันธ์กับคนที่เธอไม่รู้จักก็ตาม ป้ายบอกทางเข้าไร่พายุภัทรขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่ที่ภูเขาลูกเตี้ย ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ทำให้พิชชาพรถอนหายใจออกมาอย่างแรง เพราะที่นี่กำลังจะเป็นสถานที่ที่ดูดกลืนวิญญาณของความเป็นคนของเธอไปจนหมดสิ้น และต้องติดกับคำว่าขายตัวไปตลอดชีวิต พ่อเลี้ยงกำพลและแม่เลี้ยงกิ่งแก้ว ยืนรอรับพิชชาพรด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่ที่หน้าบ้านไม้สักทองหลังใหญ่ ดวงตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความเมตตา จนคนที่สัมผัสกับดวงตาทั้งสองคู่นั้นรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก “หนูทรายเดินทางเป็นยังไงบ้างลูก” กิ่งแก้วเอ่ยถาม “สวัสดีค่ะคุณท่าน...การเดินทางเรียบร้อยดีค่ะ” พิชชาพรพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะตอบคำถามของกิ่งแก้ว “เข้าไปพักที่ห้องก่อนนะลูก มาเหนื่อยๆ คิดเสียว่าบ้านหลังนี้คือบ้านของหนูก็แล้วกัน” กำพลชายสูงวัยรูปร่างภูมิฐานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เต็มไปด้วยความปรานี กิ่งแก้วพาพิชชาพรมาที่ชั้นบนของบ้านพักที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน ห้องที่กิ่งแก้วจัดเตรียมไว้ให้เป็นห้องขนาดกลาง มีระเบียงยื่นออกไป สามารถมองเห็นลำธารสายเล็กที่ตัดผ่าน ส่วนอีกด้านจะมองเห็นทุ่งโล่ง ลมเย็นๆ พัดเอื่อยๆ มาทางหน้าต่างที่เปิดรับลม เตียงขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง เฟอร์นิเจอร์และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน “พออยู่ได้หรือเปล่าลูก” กิ่งแก้วถามเมื่อพิชชาพรเดินเข้ามาภายในห้องหลังจากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียง “อยู่ได้ค่ะคุณท่าน” พิชชาพรเอ่ยตอบ กิ่งแก้วเดินมาหาหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่พื้น รั้งตัวเธอให้ลุกขึ้นยืน และเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียง “หนูทราย...การที่หนูมาอุ้มท้องให้เหลนของฉัน ไม่ได้เป็นเพราะบีบบังคับให้พิพัฒน์และหนูยอมตกลงตามข้อเสนอของฉัน หากพิพัฒน์ไม่ตกลงหรือหนูไม่เต็มใจ ฉันตั้งใจจะช่วยพิพัฒน์และกานดาอยู่แล้ว ฉันจึงต้องถามหนูอีกครั้งหนึ่ง เพราะครั้งนี้หนูสามารถตัดสินใจได้โดยไร้ความกดดัน เพราะหนี้สินของพิพัฒน์ได้จบลงแล้ว และอย่าตัดสินใจเพื่อคำว่าบุญคุณ ฉันจึงอยากถามหนูทรายว่าเต็มใจอุ้มเหลนให้ฉันหรือไม่” กิ่งแก้วถามความสมัครใจของพิชชาพร เพราะนางและสามีไม่ต้องการให้หญิงสาวที่หมายตาเอาไว้ กดดันและรู้สึกอึดอัด หากพิชชาพรตอบตกลงทุกอย่างก็จะเดินหน้าต่อไป หากไม่ตกลงทุกอย่างจะหยุดลงเช่นกัน “ทรายเต็มใจและยินดีที่จะอุ้มเหลนให้คุณท่านค่ะ” พิชชาพรตัดสินใจพูด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณของกิ่งแก้ว หากแต่อีกส่วนหนึ่งเธอเองไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ซึ่งเธอพยายามค้นหาคำตอบมาตลอดทางว่าทำไม หากแต่คำตอบที่ได้รับคือ เธอเกิดมาเพื่อเป็นของเขา “งั้น!!...ข้อตกลงของเราเป็นเหมือนเดิมนะ ตายุจะเดินทางกลับมาจากอังกฤษมะรืนนี้ หนูทรายจะได้เจอกับพี่เขาแล้วนะลูก...ตายุอาจจะมาถึงที่นี่ดึกหน่อยนะ แต่ฉันบอกจุดประสงค์ของฉันให้ตายุได้รับรู้แล้ว ซึ่งเขาก็เข้าใจ และยอมรับได้ หากแต่มีข้อหนึ่งที่หลานของฉันร้องขอคือ ความสัมพันธ์ระหว่างหนูทรายกับตายุ จะไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น หากหนูทรายท้องเมื่อไหร่ ตายุจะเลิกข้องเกี่ยวกับหนูทันที...และอีกข้อหนึ่งหากตายุทำให้หนูทรายตั้งท้องไม่ได้ภายในหกเดือน ทุกอย่างที่เราตกลงกันไว้จะยุติลงทันที” คำพูดของกิ่งแก้วทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งไปสักครู่ก่อนจะปรับให้เป็นปกติ เธอตระหนักในข้อนี้ดีและรู้สึกพอใจกับคำพูดของกิ่งแก้ว เพราะเธอเดินทางมาที่นี่เพื่ออุ้มเหลนให้กับกิ่งแก้ว ไม่ใช่เพื่อตอบสนองอารมณ์ใคร่ของใคร หากมีระยะเวลากำหนดที่ชัดเจนน่าจะเป็นผลดีของทั้งสองฝ่าย “ค่ะ...คุณท่าน” พิชชาพรรับคำเสียงหนักแน่น “ห้องนี้จะมีผู้ชายเพียงคนเดียวที่จะเข้ามาได้ คือตายุหลานชายของฉันเท่านั้น เพราะเขามีกุญแจ หนูทรายไม่ต้องตกใจนะลูก หากตายุจะเข้ามาหาหนูตอนดึก” กิ่งแก้วพูดเตือนหญิงสาว พิชชาพรได้แต่ส่งยิ้มบางๆ เท่านั้น กิ่งแก้วพา พิชชาพรมารับประทานอาหารเย็นด้านล่าง ซึ่งสองสามีภรรยาเจ้าของบ้านต้อนรับเธออย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง เหมือนกับว่าเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้านหลังนี้ ทั้งสามคุยกันไปรับประทานอาหารกันไป เพื่อพูดคุยและปรับสภาพเข้าหากัน เพราะเธอต้องอยู่ที่นี่อีกนานตามข้อตกลงที่ให้กันไว้ “ท่าทางวันนี้พายุจะเข้านะคุณ” กำพลเอ่ยถามภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก เมื่อได้ยินฟ้าคะนองกระจายทั่วบริเวณ เมฆจับกลุ่มเป็นสีดำดูน่ากลัว มีสายฟ้าฟาดลงมาเป็นระยะ “นั่นน่ะสิคะ...สงสัยคืนนี้ท่าจะหนักแน่เลย ดูสิท้องฟ้ามืดมาเชียว” “ทำไมถึงมีพายุได้ล่ะคะ หน้าฝนก็ไม่ใช่” พิชชาพรถามด้วยความสงสัย เพราะหน้านี้เป็นหน้าร้อน “พายุฤดูร้อนน่ะลูก...ประมาณสักสองสามวันนั่นแหละ” กำพลเอ่ยตอบ “ตอนนอนก็ดึงผ้าม่านลงมานะลูก ถ้ากลัวเสียงฟ้าร้องและกลัวเห็นฟ้าแลบฟ้าผ่า เพราะที่นี่ฟ้าผ่าบ่อยมากหากเกิดพายุ” กิ่งแก้วเตือนหญิงสาวด้วยความหวังดี “ค่ะ...คุณท่าน” หากกิ่งแก้วไม่บอก เป็นความตั้งใจของพิชชาพรอยู่แล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม