Episode 09
Talk ซานติโน่
ผมไม่ได้อยากจะเกาะผู้หญิงกินหรอกนะ...แต่สกุลเงินที่ผมมีอยู่เป็นเงินยูโร....ใช้ในไทยไม่ได้เพราะยังไม่ได้แลกเปลี่ยนสกุลเงินกัน
ถึงยังไง...ผมก็ต้องกลับมาคืนบุญคุณให้ยัยบ๊องนั่นอยู่แล้วแหละน่ะ
พวกเราต่างพากันแยกย้ายไปซื้อของ แต่ไอ้เงินจำนวนหนึ่งร้อยบาทไทยนี่ถ้าเอาไปซื้อของที่อิตาลีก็คงจะซื้อได้ไม่ถึงสองอย่างแต่ที่ไทยนี่ก็นับว่าได้เยอะอยู่
ผมซื้อของได้มาประมาณสี่ห้าอย่าง เป็นของกินล้วนๆ เมื้อซื้อเสร็จผมก็มายืนรอยัยนั่นอยู่ที่หน้าร้านที่นัดไว้
แม้จะรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยแล้วแต่ก็จะประหม่าไม่ได้ ผมยังคงมองซ้ายขวาตรวจตราไปเรื่ิอยๆ แต่ก็ยังไม่มีอะไรจนยัยบ๊องเดินมาเตรียมตะกลับบ้าน
“เสร็จแล้วค่ะ ได้ของกินกลับบ้านเยอะมาก!” เธอยิ้มหน้าบานพร้อมชูอาหารที่เธอนั้นซื้อมา
“อ้วนตายห่า” ผมกรอกตามองบนก่อนที่จะเดินนำเธออกมา
ตลาดที่ว่านี่ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากตัวบ้านของเธอสักเท่า เพียงแค่เดินข้ามสะพานลอยแล้วก็เดินเข้าซอยไปไม่นานก็ถึงบ้านของเธอแล้ว
ในขณะที่พวกเรากำลังข้ามสะพานลอยกัน ร่างบางที่เดินตามหลังมสก็ได้หยุดเพื่อที่จะนำเศษเหรียญที่เธอมีเหลือจากตลาดมอบให้แต่ว่า....
Talk ตาหวาน
“คุณลุงตาบอดเหรอคะ?” ร่างบางกล่าวในขณะที่กำลังเปิดประเก๋าสตางค์หาเหรียญ
“ใช่จ้ะ...ขอบคุณนะหนู”
“ไม่เป็นไรค่ะ” มือบางค่อยๆ ยื่นมืออกไปเพื่อจะนำเงินใส่แก้วที่คุณลุงวางไว้ตรงหน้า แต่กลับถูกร่างสูงปัดออก
พรึบ!
“อ๊ะ...คุณซาน ทำอะไรของคุณคะเนี่ย!” ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรไปมากกว่านั้นและไม่ทันทีคุณซานจะได้โอกาสพูดตอบ มือบางก็ถูกร่างสูงกระชากไปหลบหลังก่อนที่เขาจะถีบเข้าหน้าของลุงคนนั้นทันที
ปึก!
“ว๊าย! ทำอะไรคะเนี่ย!” เราเบิกตากว้างเมื่อฝ่าเท้าของเขาฟาดหน้าคุณลุงอย่างเต็มแรง “คุณทำร้ายคนตาบอดทำไมคะ คุณซานหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“มันไม่ใช่คนตาบอด! ดูที่ตักของมันสิ!” เขากล่าวพร้อมส่งสายตาไปที่หน้าตักของลุงคนนั้น ร่างบางเหลือบสายตาตามไปมอง
“ป....ปืน!” เราตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะตั้งสติและรีบหยิบปืนออกมาจ่อที่คุณลุงคนนั้นทันที “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะเนี่ย!”
“มันอยู่นั่น!”
“พวกเราไม่ปลอดภัยแล้ว หนี!”
“ว๊าย!”
ไม่ทันจะได้ตอบโต้ก็ถูกคว้าแขนวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นทันที มีขายชุดดำกลุ่มหนึ่งวิ่งตามพวกเราสองคนมา ภาษาที่พวกเขาพูดเป็นภาษาไทย
แต่ว่า...คุณซานบอกว่าวาเรนติโน่เป็นชาวอิตาลีเหมือนกัน ไม่มีเสี้ยวหรือลูกครึ่งใดๆ
หรือว่าคนที่ต้องการจะฆ่าเขา...มีมากกว่าหนึ่ง ไม่ใช่แค่วาเรนติโน่อะไรนั่น!
“เราจะหนีไปที่ไหนกันคะ!”
“ไม่ต้องถาม! วิ่งก่อน!”
“แต่ว่า...แต่ว่าเรามีปืนเหมือนกันนะคะ”
“เธอจะยิ้งสู้กับพวกมันที่มีกันคนละสองกระบอกงั้นเหรอ! ยัยบ๊องเอ๊ย!”
“แง~ คุณพ่อคุณแม่ช่วยลูกด้วย กรี๊ด~”
เมื่อทิ้งห่างมาได้สักพักเขาก็หยุดวิ่งและคว้าปืนจากมือของเราฉับพลัน ไม่ทันได้ตั้งตัวปืนก็ถูกแย่งไปจากมือปละร่างกายก็ถูกดึงเข้าซบที่อกแกร่งก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไกและกระหน่ำยิงออกไป
ปั้งๆๆๆๆ!
“กรี๊ด!” ร่างบางหลับตาปี๋ด้วยความกลัวพร้อมเอามืออุดหูไว้ รู้สึกตัวอีกทีเขาก็คว้ามือเราและวิ่งหนีต่อไป
✂️✂️✂️✂️✂️✂️✂️
“พวกมันเจอตัวฉันแล้ว ฉันต้องไปจากที่นี่ มันไม่ปลอดภัยอีกต่อไป!” เขานั่งกุมขมับด้วยความเครียด แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะกลับถึงบ้านและไม่มีใครตามมาแล้วก็ตาม แต่ก็ประหมาดไม่ได้ “วาเรนติโน่มันยังไม่กลับอิตาลีงั้นเหรอวะ! แม่ง!”
“หนูคิดว่าน่าจะไม่ใช่วาเรนติโน่นะคะ พวกที่วิ่งตามเรามา พวกเขาเป็นคนไทยแท้ๆ ฟังจากเสียงพูดของเขาสำเนียงของคนไทยอย่างชัดเจน บางที...อาจจะมีใครอีกคนที่คิดจะตามฆ่าคุณอยู่ด้วยเหมือนกันนะคะ”
“บัดซบเอ่ย!” ร่างสูงสบถหยาบพร้อมลุกขึ้นเตะเก้าอี้จนมันล้มลง “ถ้าฉันกลับอิตาลีไปได้เมื่อไหร่จะพาคนมาถล่มให้ยับเลยคอยดู!”
“แล้ว....คุณจะเอายังไงต่อดีคะ?”
“ฉันคงต้องไป....ไม่อยากดึงเธอเข้ามาเอี่ยว”
“แต่ไหนๆ มันก็มาขั้นนี้แล้ว หนูก็อยากจะช่วยคุณให้ถึงที่สุดนะคะ”
“ขอบใจเธอมากนะ...ถ้าฉันได้กลับไป ฉันสัญญาว่าจะตอบแทนเธอให้ถึงที่สุด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ว่า...ตอนนี้หนูพอจะหาทางออกให้คุณได้แล้วนะคะ”
“ยังไง! เธอมีแผนอะไรบอกมา!” เขาดีดตัวขึ้นพร้อมเดินเข้ามาเขย่าตัวเรา ร่างบางปลิวไปตามแรงเขย่าของเขา แต่ก็แอบเสียวเพราะปืนที่หยิบมาในตอนนั้นจ่ออยู่ตรงหน้าเรา
“อ....เอ่อ! ลดปืนลงหน่อยได้ไหมคะ?”
“โทษที” เมื่อเขาได้สติก็รับปล่อยมือออกจากร่างกายของเราทันที ร่างบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมเปิด google ให้เขาได้ดู
“นี่ค่ะ หนูไปเจอเบอร์ที่สามารถโทรออกนอกประเทศแล้ว กด 004 แต่ก็ต้องกดรหัสประเทศกับรหัสเมืองที่คุณอยู่ด้วยนะคะ จากนั้นก็ค่อยกดหมายเลขปลายทางที่ต้องการจะติดต่อ”
“อืม...เข้าใจแล้ว” เขาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอีกครั้ง พร้อมตอบเสียงเรียบพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เรื่องรหัสประเทศกับรหัสเมืองที่คุณอยู่ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเราสามารถหาจาก google ได้ค่ะ แต่ว่า...หมายเลขปลายทางคุณพอจะจำเบอร์ลูกน้องคุณสักคนได้ไหมคะ?”
“ได้...ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ”
“คุณอยู่อิตาลี แล้ว...เมืองอะไรเหรอคะ?” ร่างบางกล่าวถามพร้อมกับเตรียมกดค้นหารหัสเมืองที่เขานั้นอาศัยอยู่
“มาซซาคาร์ราร่า”
“โอเคค่ะ อ๊ะ...เจอแล้ว” เมื่อได้ทุกอย่างครบเราก็ยื่นโทรศัพท์ให้เราได้โทรหาบุคคลที่เขาต้องการจคุยทันที ไม่นานนักปลายสายก็รับสาย
รู้สึกฉลาดก็วันนี้เนี่ยแหละค่ะ!
กรี๊ด~
แต่ลายละเอียดตรงจุดนั้นเราเองก็ไม่ทราบเหมือนกันหรอกนะคะเขาพูดอะไรกันบ้าง เพราะหลังจากนี้ภาษาที่เขาพูดคุยกันเป็นภาษาอิตาลีที่เราฟังไม่รู้เรื่อง
ไว้....จะไปหัดเรียนภาษาอิตาลีเพื่อที่จะได้เผือกได้เต็มที่นะคะ
555
ติ๊ด!
มือหนากดวางสายพร้อมยื่นโทรศัพท์คืนมาให้เรา มือบางรับโทรศัพท์คืนมาพร้อมเอ่ยถามสถานการณ์ที่ประเทศบ้านเขา
“ที่นู้นเป็นยังไงบ้างคะ? วาเรนติโน่คงจะยังไม่ทันได้ไปยึดครองใช่ไหม?”
“มันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก...มันก็เก่งแค่นอกประเทศเท่านั้นแหละ”
“แล้ว...คนของคุณเขาว่ายังไงบ้างคะ? จะมารับเมื่อไหร่?”
“ที่นั้นมีพายุเข้า น่านฟ้าถูกปิด ถึงจะเป็นเครื่องบินส่วนตัวก็ตามแต่ก็ยังบินไม่ได้ อีกประมาณสองสามวันคนของฉันคงจะมาถึง”
“งั้นคุณก็....” ร่างบางพูดไม่ทันจะจบประโยคก็ถูกร่างสูงพูดตัดบทเสียก่อน
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่...”
“....”
“พวกมันเจอตัวฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่ามันจะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน ฉันต้องไป...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อยู่ที่นี่แหละ อยู่จนกว่าจะได้กลับ หนูคิดว่าหนูจะรู้สึกผิดมากกว่านะคะ ถ้าเกิดปล่อยให้คุณไปตอนนี้ หนูก็ต้องมาลุ้นอีกว่าคุณจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย หรือตายกลางทาง”
พรึบ!
“อ๊ะ...”
“ขอบใจเธอมากนะ....สาวน้อย” มือหนาดึงร่างบางเข้าไปกอดพร้อมลูบหัวเราเบาๆ
“เอ่อ...ค่ะ”