Episode 19
ปึก!
เสียงประตูรถหรูถูกปิด เมื่อร่างสูงเดินกลับเข้ามาที่รถหลังจากที่ร่างบางเดินหนีออกมาจากกาสิโนได้ไม่นาน แต่แม้ว่าเขาจะมานั่งอยู่ข้างๆ แต่เราก็กอดอกเมินเฉย ทำเหมือนว่าเขาเป็นอากาศ
ไม่สนใจ...!
จะไม่สนใจ!
“ถ้าเกิดเธอไปได้ยินหรือรู้เห็นอะไรมา...”
“....”
“ก็ขอให้เธอรู้ไว้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
พรึบ!
“ว๊าย! ทำอะไรของคุณอีกล่ะคะเนี่ย!” ร่างบางปลิวไปตามแรงดึงของร่างสูง มือหนาดึงฝ่าเท้าของเราไปวางไว้ที่หน้าตักพร้อมบีบนวดมันอย่างเบามือ “อ...โอ๊ย! เจ็บ!”
“สมน้ำหน้า...ใครสั่งใครสอนให้เธอวิ่งลงบันไดเลื่อนกันล่ะ นี่โชคดีแค่ไหนที่เครื่องมันไม่ได้หนีบหัวเธอไปด้วย” เขาบ่นเรายาวเหยียดพร้อมนวดที่เท้าให้เราเบาๆ แต่ดูเหมือน...เบาสำหรับเขามันจะไม่ใช่เบาสำหรับเรานะคะ
“อ...โอ๊ย! คุณซานพอได้แล้วค่ะหนูเจ็บ!”
“จำไว้เป็นบทเรียน” เขาแสยะยิ้มพร้อมนวดเราต่อ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเบาลงกว่าครั้งที่แล้ว “ยังเจ็บอยู่ไหม ฉันพยายามเบามือที่สุดแล้วนะ”
“ก...ก็ได้อยู่ค่ะ” ร่างบางพยักหน้าตอบพร้อมเบือนหน้าหนีเขาไปทางอื่น
พวกเรานั่งกันอยู่ในรถเพียงแค่สองคน ส่วนบอดี้การ์ดก็ยืนเฝ้ารอบๆ รถอยู่ด้านนอก เหมือนว่าจะยังไม่มีคำสั่งจากคุณซานให้กลับบ้าน
พวกเขาก็เลยเฝ้าอยู่ข้างนอกรถ ไม่ได้ขึ้นมาบนรถและขับกลับบ้าน
“ทำไม...คุณดีกับหนูจังเลย” ร่างบางเม้มปากเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่า คุณซานหยุดนวดก่อนที่จะจับเท้าเราวางลงที่พื้น
“ถามทำไม”
“ก็แค่ถามเฉยๆ” คุณซานเงียบไม่ตอบคำถามของเรา แต่เขากลับลดกระจกรถลงและสั่งการให้ลูกน้องขับรถพาพวกเรากลับบ้าน “ไม่ดูงานที่กาสิโนต่อแล้วเหรอคะ?”
“อืม...มีเด็กน้อยงอนหนีมาก่อนก็เลยไม่ทันได้ทำอะไรมากมาย” เขามองเรานิ่งๆ ก่อนที่จะกดปิดกระจกรถ เมื่อผู้เป็นนายสั่ง บอดี้การ์ดก็ทำหน้าที่ของเขาโดยการขึ้นมาบนรถและขับรถพาพวกเรากลับบ้าน
“ใครงอน...หนูเปล่าสักหน่อย” ร่างบางตอบปัดพร้อมหันหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่างแทน “คุณไม่ได้มีค่าพอให้หนูงอน”
“เหรอ! แต่การกระทำของเธอนี่มันเรียกว่างอนฉันชัดๆ ถามจริงๆ เถอะ...เธอไปได้ยินอะไรมาไม่ทราบ!” เขาเริ่มขึ้นเสียงใส่ นั่นหมายถึง...เขาเริ่มไม่พอใจที่เรางอนเขา โดยที่เขาไม่รู้ซึ้งถึงเหตุผลที่เรางอน
“ก...ก็! ก็หนูดันเผลอไปได้ยินผู้หญิงสองคนเขานินทาหนู เขาบอกว่า...ยัยนี่เป็นใครทำไมถึงมากับซานติโน่ได้ก็ไม่รู้ แม้ว่าจะเป็นชุดเดรสธรรมดาแต่ราคามันไม่ธรรมดาเลย คงจะเป็นนางบำเรอสินะ อะไรประมาณนี้”
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย! คุณซานหนูเจ็บนะคะ มีสิทธิ์อะไรมาตีหนูเนี่ย หนูกำลังงอนคุณอยู่นะคะ!” มือบางปัดมือร่างสูงออกพร้อมลูบหน้าผากตัวเองวนๆ “แดงแล้วมั้งเนี่ย!”
“นี่ไง....ไหนบอกไม่ได้งอน”
“ก็เปล่า! ก็ไม่ได้งอน!”
“ยังจะมาเฉไฉ เธอเพิ่งจะพูดออกมาอยู่หยกๆ ผู้หญิงไทยนี่ขี้แถกันแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่า ไม่ยอมรับความจริง ยัยบ๊องเอ๊ย!”
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
“คุณซาน! พอได้แล้วหน้าผากหนูเป็นรอยแดงหมดแล้วมั้งคะเนี่ย! ซี๊ด....”
“คนอย่างเธอน่ะมันต้องโดนซะบ้าง!” เขาทำหน้านิ่งเป็นการดุ “คราวหลัง...อะไรที่ไม่ได้ยินจากปากของฉัน ก็ไม่ต้องเก็บเอาไปคิด เข้าใจไหม”
“อ...อื้อ” เราทำแก้มป่องพร้อมลูบหน้าปากตัวเอง มือเขานี่ก็หนักเหมือนกันนะคะ ขนาดพยายามตีเบาๆ ให้มันดูน่ารักแล้วแท้
แต่เราก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบ...
ห่าเอ๊ย!
“ฉันไม่เคยมองว่าเธอเป็นนางบำเรอของฉัน และที่ฉันซื้อของซื้ออะไรให้เธอมันก็เพราะฉันอยากจะตอบแทนที่เธอช่วยชีวิตฉันต่างหาก”
“แต่ว่า...เสื้อผ้าที่หนูให้คุณใส่ กับอาหารที่คุณได้ทาน รวมไปถึงที่พักมันต่างกันมากเลยนะคะ”
“แต่ชีวิตของฉันมันสำคัญกว่าของพวกนั้นยังไงล่ะ”
“....”
“เมื่อถึงเวลาที่จนตรอก ฉันขอแค่มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยฉัน ฉันก็ดีใจแล้ว และคนคนนั้นก็เป็นเธอ...เธอสามารถวิ่งหนีไปได้เลยไม่ต้องช่วยฉันก็ได้ แต่เธอกลับเลือกที่จะช่วยฉัน ทั้งๆ ที่...ที่บ้านเธอก็มีปัญหาเหมือนกัน”
“เพราะแบบนี้ฉันถึงทำแบบนี้ให้เธอไง เพราะถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ แถม...ถ้าฉันปล่อยให้เธอถูกพวกวาเรนติโน่จับไปโดยที่ฉันไม่ทำอะไรเลย ฉันคงจะรู้สึกผิดไปชีวิต ที่ดึงเธอเข้ามาเอี่ยวแล้วยังปล่อยให้เธอตายฟรีๆ อีก”
“ไม่ต้องมารู้สึกผิดหรือเกรงใจอะไรฉันทั้งนั้น ถ้าเธออยากได้อะไรก็แค่เอ่ยปากบอก กับอีแค่เงินไม่กี่พันยูโรฉันไม่เสียดายมันหรอก ฉันจะเสียดายมากกว่าถ้าปล่อยให้เธอตายโดยที่ไม่ทันได้ตอบแทนอะไรเธอเลย”
“เอ่อ...หนูขอโทษนะคะที่งี่เง่า แถมยังทำให้คุณขายขี้หน้าอีก หนูนี่มันยัยบ๊อง บ๊องสมชื่อจริงๆ นั่นแหละค่ะ เผลอทำตัวบ้าๆ ต่อหน้าสาธารณะแบบนั้นไปจนได้ เสียภาพพจน์มาเฟียหมดเลย” ใบหน้าหวานเริ่มจ๋อยอีกครั้งเมื่อนึกถึงการกระทำบ้าๆ ของตัวเองวันนี้ “ทำคุณขายขี้หน้าหมดเลย”
“ไร้สาระน่ะ”
“....”
“บ๊องแล้วมันยังไง?”
“....”
“มันก็น่ารักดีนี่”
“อ...เอ่อ”
กรี๊ดดดดดดดดดด!
ทำไมคุณต้องแสดงความเป็นแด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อออกมาด้วยเนี่ย! โอ๊ย!
แบบนี้มันเล่นกับความรู้สึกกันชัดๆ
“ถามตรงๆ เถอะนะคะ?”
“หื้ม?” เขาเลิกคิ้วพร้อมจ้องมองที่ใบหน้าหวานนิ่งๆ
“คุณทำแบบนี้...ไม่คิดว่าคนฟังจะหวั่นไหวบ้างเหรอคะ?” เราตัดสินใจพูดความสงสัยในใจออกไป มือบางกำกระโปรงไว้แน่นเพราะลุ้นกับคำตอบของร่างสูง “หนู...ก็มีหัวใจนะ”
“หึ....”
“หึ? หมายความว่ายังไงคะ?” ร่างบางหันไปมองหน้าร่างสูง เขาส่ายหัวเบาๆ พร้อมยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะยื่นมือมากุมมือของเรา จากที่กำกระโปรงไว้แน่นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนลงทันที
“คนที่มีพระคุณกับฉัน ก็มักจะได้เงินตอบแทนบุญคุณอย่างงาม แถมยังได้บ้านได้รถได้ทรัพย์สินอีกมากมาย แต่มันก็ไม่เคยมีใครได้เข้ามาอยู่ในบ้านของฉันเลยนะ”
“คุณต้องการจะสื่ออะไรอะคะ? หนูไม่เข้าใจ...อธิบายให้มากกว่านี้หน่อยจะได้ไหมคะ หนูโง่”
“ยัยบ๊องเอ๊ย...ฉันสามารถส่งเธอกลับไทยได้ทันทีที่ช่วยเธอออกมาจากเรือสำราญในวันนั้น ไม่จำเป็นต้องมีบัตรประชาชนหรือพาสสปอตใดๆ เพราะฉันมีเครื่องบินส่วนตัว”
“แล้ว...ยังไงต่ออะคะ?” อย่าว่าน้อง น้องโง่ น้องเรียนมาน้อย~
“ก็หมายความว่าถ้าฉันไม่ได้รู้สึกอะไร พอช่วยเธอเสร็จก็คงจะส่งเธอขึ้นเครื่องกลับประเทศไทยไปนานแล้ว ไม่รั้งเธอมาอยู่ด้วยแบบนี้หรอก”
“คุณซาน...คุณก็” เขายิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมเขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ จมูกของเราทั้งสองชนกับจนเกือบจะจูบ “ค...คุณ คุณ!”
เอี๊ยด!!!
แต่ทุกอย่างก็ต้องจบเมื่อรถดันจอดกะทันหัน
“เอ่อ...ถึงแล้วครับนาย”
“ซี๊ด...มึงก็ไม่น่าขับเร็วเลย” เขาหันไปตวาดใส่ลูกน้องของตนเองนิดๆ ก่อนที่จะอุ้มเราท่าเจ้าสาวเข้าบ้านไป โดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว
“ว...ว๊าย! คุณซาน...จะทำอะไรคะ”
“ก็ทำให้สิ่งที่เธอสงสัย ให้มันชัดเจนกว่านี้ไง”