เช้าวันต่อมา
ภารดาตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้นกับการทำงานวันแรก วันนี้เธอเลือกสวมเดรสสีดำตัวยาวถึงข้อเท้า เกล้าผมมัดขึ้น สภาพไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ป้าเลยสักนิด ทว่าสิ่งที่ทำมักมีเหตุผลเสมอ
พ่อกับแม่ไม่อยากให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของพวกผู้ชายหื่นกาม ทว่าความเป็นจริงเธอมีใบหน้าสะสวยจนทำให้เพื่อนหมั่นไส้ ผู้ชายตามจีบจนน่ารำคาญ ไหนจะเพื่อนที่คอยจ้องจะอิจฉาแทงข้างหลัง พอเรียนจบพ่อเลยสั่งให้เปลี่ยนลุคการแต่งตัวใหม่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แม้ว่าท่านจะเป็นนักมวยคอยสอนศิลปะการต่อสู้ ทว่าบางครั้งเธอก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ตัวคนเดียวแถมยังตัวเล็กอีกต่างหากจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้กับคนหลายคน การแต่งตัวมิดชิดแบบนี้ถือว่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับตัวเธอ
“พร้อมไปทำงานแล้วค่ะ” เธอเดินลงมาจากห้องนอนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พลางนั่งลงข้างมารดาที่กำลังตักข้าวต้มหอมฉุยใส่ถ้วย
“มา ๆ โด๊ปพลังงานก่อนเลย วันนี้ลูกสาวแม่น่ารักที่สุด”
“ไข่กี่ฟองดีลูก สองหรือสามดี” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามพลางหยิบไข่ลวกขึ้นมาโชว์
“เอาสามฟองแล้วกันค่ะ จะได้อยู่ท้อง ทำงานวันแรกด้วยไม่อยากหิ้วของไปกินบนโต๊ะ เกรงใจเจ้านาย”
ผู้เป็นบิดาเลื่อนถ้วยข้าวต้มที่จัดการตอกไข่ลวกให้เสร็จส่งให้ลูกสาวกินต่อ ภารดาตักกินข้าวปากด้วยความหิวโหย ตามด้วยอเมริกาโน่หนึ่งแก้วและขนมปังปิ้งทาแยมอีกชิ้นเป็นการตบท้าย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายใบใหญ่สำหรับใส่ของได้เยอะ ๆ เหมาะสำหรับเธอเป็นอย่างมาก เพราะชอบพกพาอะไรไปด้วยเยอะ ๆ โดยเฉพาะขวดน้ำดื่มและขนมนิดหน่อยไว้กินระหว่างทาง
“หนูไปทำงานแล้วนะคะ”
“ตั้งใจทำงานนะลูก ถ้าหากใครมาแกล้ง หนูต่อยให้คว่ำไปเลย อย่าได้กลัว” ฟ้าลดา ผู้เป็นมารดากล่าว พลางหยิบถุงขนมหวานส่งให้ลูกสาวเอาไปฝากคนที่ทำงาน
“หนูเป็นถึงเลขาของท่านประธานนะคะ ก็ต้องมีความยำเกรงกันบ้าง” เธออดขำไม่ได้กับคำพูดของมารดา ผู้หญิงเฉิ่มเหมือนมนุษย์ป้าอย่างเธอใครจะมาหาเรื่องด้วย ถ้ามีก็คงเป็นพวกคู่ขาของเจ้านายนั่นแหละ ที่ต้องคอยสู้รบตบมือด้วย
“จ้า... คนเก่งของแม่ไปทำงานได้แล้วลูก ตรวจเช็กของครบแล้วนะว่าไม่ลืม” นางย้ำอีกรอบ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับมาเอาอีก ไปทำงานวันแรกต้องไปแต่เช้า เจ้านายจะได้เห็นถึงความกระตือรือร้นในการทำงานของเรา
“หนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้ท่านทั้งสองแล้วเดินออกไปจากบ้าน ซึ่งวินมอเตอร์ไซค์มาจอดรออยู่พอดี เธอใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อไปยังบริษัทแทนการนั่งรถเมล์ ซึ่งกว่าจะไปถึงก็เหงื่อชุ่มตัวพอดี อาจจะไปสายด้วยซ้ำ ก็บ้านของเธอกับที่ทำงานเนี่ยดันอยู่เส้นรถติดด้วย ใช้เวลาขั้นต่ำเกือบชั่วโมงครึ่งก็ไม่ไหวหรอกนะ แม้ว่าจะชอบนั่งกินลมชมวิวข้างทางก็ตาม
บริษัท XXX
เธอหยุดยืนอยู่หน้าบริษัท จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยอีกรอบ จากนั้นก็เดินเข้าไปภายในอาคารโดยไม่ลืมทักทายยามเพื่อเป็นการผูกมิตร สายตากวาดมองหาพนักงานสาวใจดีเมื่อวานที่ช่วยพาไปสัมภาษณ์งาน เมื่อเห็นว่ายืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์จึงเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะคุณคนสวย จำภาได้หรือเปล่าคะ” เสียงหวานกล่าวทักทายคนตรงหน้า ฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
“คุณได้เป็นเลขาบอสแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะผ่านการสัมภาษณ์ที่เข้มงวดกว่าเดิมในครั้งนี้
“ได้เป็นแล้วค่ะ พอดีว่าเอาขนมมาฝาก ถือว่าการเป็นการตอบแทนเรื่องเมื่อวาน” เธอยื่นถุงใส่ขนมให้กับหญิงสาว ซึ่งมารดาจัดเป็นชุดไว้ให้
“ขอบคุณมากค่ะ เกรงใจจังเลย ฉันชื่อ รุ้ง นะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก” หญิงสาวแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายรู้จัก ในเมื่อเขามาผูกมิตรด้วยมีหรือที่เธอจะปฏิเสธลงได้
“ยินดีเช่นกันค่ะ ภาขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวไปรายงานตัวสาย”
“รุ้งเป็นกำลังใจให้นะคะ หวังว่าจะไม่โดนคู่ขาของบอสจัดการเอาเสียก่อน”
“พูดเหมือนคุณเอกเลยนะคะ เชื่อในฝีมือภาได้เลย ไม่อยากพูดเยอะ ดูตอนลงมือดีกว่า รับรองไม่ทำให้ผิดหวังแน่”
“ถ้าคุณภาจัดการได้ รุ้งจะเลี้ยงข้าวเลยค่ะ”
“อิอิ คุณรุ้งได้เสียตังค์แน่” เธอรีบเดินเข้าไปในลิฟต์เพื่อไปยังชั้นทำงาน ป่านนี้คุณเอกคงได้ยืนรอเธอแล้วแหละ ไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องโดนรับน้องอะไรบ้าง หวังว่าคู่ขาของบอสคงไม่โผล่มาให้เธอจัดการก่อนนะ ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย
“สวัสดีครับคุณภา” เสียงทุ้มกล่าวทักทายหญิงสาวเมื่อเห็นเดินออกมาจากลิฟต์ เขามายืนรอตั้งแต่ลูกน้องทักมาบอกแล้วว่าเลขาคนใหม่ของเจ้านายมาถึงบริษัทแล้ว และแวะคุยกับพนักงานสาวประชาสัมพันธ์อยู่
“สวัสดีค่ะคุณเอก ภาไม่ได้มาสายนะคะ” เธอกล่าวทักทายพลางพูดออกตัวแก้ก่อนเลย
“ผมรู้ครับ บอสอยู่ในห้องแล้ว พร้อมไหมครับ”
“พะ... พร้อมอะไรคะ” เธอสะดุ้งตกใจกับคำพูดของเอกภพ รู้สึกหวาดหวั่นยังไงก็ไม่รู้
“รายงานตัวกับบอสไงครับ ผมให้เวลาคุณ 1 นาที กับการเรียกขวัญกำลังใจตัวเอง”
“ค่ะ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามนึกถึงเงินเดือนมหาศาลที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะหางานแบบนี้ได้ที่ไหนอีก
“หมดเวลาแล้วครับ เข้าไปหาบอสกันดีกว่าครับ” เสียงทุ้มกล่าวเดินนำหน้าพาไปยังห้องทำงานของเจ้านาย ก่อนจะยกมือเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผมพาเลขาคนใหม่มารายงานตัวครับ” บอกให้คนในห้องได้รู้
“เข้ามาได้” เสียงตอบกลับจากคนในห้อง ทำให้เอกภพเปิดประตูเข้าไป พบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติมาเกิด แสงแดดยามเช้าสาดส่องทอประกายลงใบหน้ายิ่งทำให้ดูดีมากกว่าเดิม ดวงตาคมเหลือบมองไปยังตรงหน้า ทว่าเมื่อได้เห็นถึงกับสำลักกาแฟที่เพิ่งดื่มเข้าไป
“พรวดดด”
“-------”
“ไอ้เอก!!!! มึงเอาป้าที่ไหนมาทำงานเนี่ย” เพลิงพิษจ้องมองเลขาคนใหม่ด้วยความตกใจ สลับมองหน้าลูกน้องคนสนิทอย่างไม่เข้าใจ
เขาบอกให้มันเลือกเลขาดี ๆ หน่อย ไม่ใช่เลือกมนุษย์ป้ามาทำงานด้วย แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาจัดการกับคู่ขาของเขาละ
“เธอไม่ใช่ป้าครับบอส เธอคือเลขาคนใหม่” เอกภพรีบพูดแก้ต่างทันที แล้วหันมองหน้าเลขาคนใหม่เป็นการขอโทษ
“บ้าน่า! กูบอกแล้วไงว่าไม่รับคนแก่ทำงาน ยิ่งงานหนัก ๆ ด้วย กลัวว่าจะเป็นลมเป็นแล้งเอาได้ มึงเอาสมองส่วนไหนคิดวะ เอาป้ามาเป็นเลขากู” เขายีผมเล็กน้อยอย่างหัวเสีย
“เธออายุแค่ 25 เองนะครับ ไม่ใช่ป้าสักหน่อย” รีบพูดแก้ต่างให้หญิงสาวทันที ก่อนที่เจ้านายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
เอาจริง ๆ แล้ว ภารดาก็เหมือนมนุษย์ป้าไม่มีผิด ทั้งทรงผม เสื้อผ้า ไม่แปลกที่ใครจะเข้าใจผิดได้
“25!!! ทำไมแต่งตัวเหมือนคนอายุ 40 เลยวะ ม๊ากูยังแต่งตัวเฟี้ยวกว่าอีก” คราวนี้งงเป็นไก่ตาแตกไปเลย อายุก็อยู่ช่วงวัยรุ่น ไม่น่าแต่งตัวเกินวัยแบบนี้
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าบริษัทนี้เน้นการแต่งตัวมากกว่าความรู้ความสามารถ พอดีในใบประกาศรับสมัครไม่มีบอก คุณถึงได้ดูร้อนรนกับการแต่งตัวของดิฉันเหลือเกิน อีกอย่างรสนิยมของคนเราก็ไม่เหมือนกัน” ภารดาตอบกลับทันทีทนไม่ไหวอีกต่อไป ฟาดเข้าใส่ด้วยคำพูดชุดใหญ่ไปหนึ่งดอกเน้น ๆ
“เธอ!!!” เขาชี้นิ้วไปยังเลขาคนใหม่ด้วยความไม่พอใจที่กล้ามาย้อนโดยไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด ไม่มีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ยัยเลขามนุษย์ป้าคือคนแรก
“ใจเย็น ๆ ก่อนครับ ก็บอสบอกผมเองว่าไม่อยากได้ผู้หญิงแบบเลขาคนก่อน ๆ ผมเลยคิดว่าคุณภาเหมาะสมมากที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้และดูเหมือนว่าจะจัดการกับคู่ขาของบอสได้ดีด้วยนะครับ ดูจากการที่ต่อปากต่อคำเมื่อกี้ ถือว่าผ่าน” เขามั่นใจ 100% เลยว่าหญิงสาวต้องทำงานได้ดี ซึ่งดูได้จากเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว คงฟาดอีหนูเจ้านายได้อย่างสบาย
“ดิฉันทำงานด้วยสมองและสองมือ ไม่ใช่ทำงานด้วยเสื้อผ้า ถ้าคุณตัดสินว่าการแต่งตัวของดิฉันไม่เหมาะสมกับการเป็นเลขา ดิฉันพร้อมจะหางานใหม่ทำค่ะ แต่ก่อนจะหางานใหม่ฉันคงต้องประกาศให้คนในสังคมรับรู้ว่าบริษัทของคุณรับสมัครพนักงานโดยเน้นการแต่งตัวมากกว่าฝีมือการทำงาน แล้วยังพูดจาดูถูกพนักงานคนใหม่เรื่องการแต่งตัวอีก” เธอตอบกลับอย่างท้าทายและไม่ยอม
“เธอ!!” เขาตบโต๊ะดังลั่น ชี้หน้ามองยัยเลขาคนใหม่ด้วยความโมโห ที่กล้าท้าทายเขาอีก
“พอเลยทั้งสองคนครับ บอสจะให้คุณภาทำงานต่อไหมครับ” เอกภพพูดห้ามทั้งสองคนก่อนจะเลยเถิด แค่นี้เขาก็ปวดหัวแล้วที่ต้องมายืนฟังทั้งสองคนเถียงกันเหมือนเด็กอนุบาล
“เออ ๆ มึงไปสอนงานด้วยล่ะ แล้วสอนวิธีการรับมือคู่ขาของกูด้วย ช่วงบ่ายไม่รู้ว่าใครจะแวะมาหากูบ้าง ช่วยสอนยัยนี้จัดการด้วยล่ะ จัดการยังไงก็ได้นะให้ไปไกล ๆ ไปแบบไม่หวนกลับคืนมาเลยอะ ทำได้หรือเปล่า”
“อยากทดสอบฝีมือของภาเหรอบอส รับรองได้เลยว่าต้องตะลึงแน่นอน คนอย่างภารดาไม่ใช่คนที่จะมาหยามกันได้ง่าย ๆ เตรียมเงินทำศัลยกรรมใหม่ให้คู่ขาคุณได้เลยค่ะบอส” รู้จักคนอย่างภารดาน้อยเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะเฉิ่ม ๆ ไม่สู้ใคร แต่แม่ไม้มวยไทยของเธอก็ได้รับมาจากพ่อเต็ม ๆ เลยนะจะบอกให้ ถ้าคิดกล้ามามีเรื่องกับภารดา เตรียมตัวปากแตก ดั้งหักได้เลย
“อย่าเก่งแต่ปากนะ!” เขากระตุกยิ้มอย่างท้าทาย
“เชื่อฝีมือได้เลยค่ะ” เธอรับปากอย่างหนักแน่น เงินเดือนมากมายขนาดนี้มีหรือที่คนอย่างภารดาจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ง่าย ๆ รับรองได้เลยว่าภารดาคนนี้จะตั้งใจทำงานให้ออกมาดีที่สุด และคู่ขาของบอสจะต้องจดจำเธอไปตลอดชั่วชีวิตแน่นอน
“ดีมาก เลขาแบบนี้แหละฉันชอบ ถ้าเธอทำงานได้ดีภายใน 3 เดือน ฉันจะจ่ายโบนัสให้อย่างงามเลย”
“ขอบพระคุณมากค่ะบอส” เธอแทบกรี๊ดออกมาเมื่อได้ยินคำว่าโบนัสในอีก 3 เดือนข้างหน้า ให้ตายเถอะ! ภารดาคนนี้แทบเป็นลม ไม่เคยเจองานไหนได้เงินดีขนาดนี้มาก่อน
“เดี๋ยวผมจะพาคุณภาไปเดินชมแผนกต่าง ๆ ก่อนครับ แล้วก็จะบอกว่าคนไหนคือคู่ขาของบอสบ้าง คุณภาจะได้จำไว้เวลามาหาก็จัดการตามสบายเลยครับ” หลังจากรายงานตัวเสร็จเรียบร้อย เอกภพก็พาภารดาไปเดินชมแผนกต่าง ๆ ของบริษัทและแนะนำตัวให้กับพนักงานรู้จัก รวมถึงลูกน้องทุกคน จากนั้นเขาก็เอาภาพถ่ายคู่ขาของบอสมาให้หญิงสาวดูจนครบทุกคน ทำเอาอีกฝ่ายแทบเป็นลมเมื่อต้องจำคู่ขาของเจ้านายที่มีมากกว่า 10 ราย
“จัดการตามสบายนี่คืออะไรคะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วย
“อยากจัดการแบบไหนแล้วแต่คุณภาเลยครับ ทางผมและบอสไม่มีห้าม ขอแค่อย่าให้มาวุ่นวายอีกก็พอ เลขาคนก่อน ๆ ไม่เคยมีใครทำได้เลยนะครับ ผมหวังว่าคุณภาจะทำได้แน่นอน ผมเชื่อมั่นในฝีมือคุณภา ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนกล้าเถียงบอสฉอด ๆ เท่าคุณภามาก่อนเลย” เขาแปลกใจมากตอนแรกที่หญิงสาวยืนเถียงบอสเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลยสักนิด ทั้งที่รู้ว่าเป็นมาเฟียก็ยังต่อปากต่อคำอีก เขายอมรับในความกล้าจริง ๆ ต่อจากนี้ไปคงได้ทดสอบความสามารถที่มีของเจ้าตัวแล้วแหละว่าจะเก่งตามที่พูดไว้หรือเปล่า
“ภาแค่โมโหค่ะ เลยเถียงกลับไปอย่างลืมตัว” เธอยิ้มแห้ง ๆ อย่างเขินอาย ไม่บ่อยหรอกนะที่เธอจะหลุดมุมแบบนั้นออกมา นอกจากโมโหเท่านั้นแหละ พูดแล้วก็นึกขำตัวเองไม่ได้ กลัวจะโดนบอสเอาปืนมาสอยหัวเหมือนกันแหละ แต่ตอนนั้นดันโมโหจนหน้ามืดตามัวด่ากลับไปฉอด ๆ ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ก็สำนึกได้ก็ตอนคุณเอกภพพูดห้ามนี่แหละ
“แบบนี้แหละครับบอสชอบ” เขาได้แต่หวังว่าหญิงสาวจะรับมือกับทุกปัญหาที่เข้ามาได้ตลอดและจัดการมันได้ด้วยดี แล้วที่สำคัญเรื่องนี้ต้องถึงหูมาดามของเขาแน่นอน