เมื่อจบภารกิจจากบอสฉันก็เรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังออฟิศ เพราะต้องไปสแกนหน้าเวลาเลิกงาน จะเสียเวลาก็ตรงเนี้ย
บริษัท
"ไปถึงไหนกันหล่ะ" เหน็บแนมแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
"ถึงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าบอสพาผู้หญิงเข้าโรงแรมด้วยนะสิคะ เนี่ยบอสบอกวายว่านัดเจอลูกค้าที่โรงแรม ไหงพอออกมาดันสอยผู้หญิงมาด้วยซะได้ แล้วผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเหมือนพี่พิมเลยนะคะ แต่งหน้าก็เหมือนกันเลยด้วย มองไกลๆนึกว่าพี่พิมซะอีก แต่ที่ไหนได้กลับไม่ใช่" ฉันเพิ่มเรื่องราวเข้าไปนิดหน่อยเพื่ออรรถรส ตรงที่บอกว่าพาผู้หญิงเข้าโรงแรม เอาจริงๆก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงเดินมากับบอสได้ หรือจริงๆแล้วลูกค้าที่บอสอ้างก็คือยัยผู้หญิงหน้าหนาคนนั้น
ยัยพี่พิมเริ่มออกอาการชักสีหน้า หึ พรุ่งนี้สนุกแน่
"โรงแรมไหน"
"ถามทำไมคะ"
"ถามก็ตอบไม่ต้องมายอกย้อน" เอ้าก็แค่ถาม หาว่ายอกย้อนกันอีก สงสัยจะหงุดหงิดจัด นี่ยัยพี่พิมยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่าตัวเองก็เป็นได้แค่ของเล่นของบอสเท่านั้นแหล่ะ ใครๆมาเจอแบบนี้ก็ดูออกกันทั้งนั้น มองจากดาวอังคารยังรู้เลย แล้วนี่ออกอาการเหมือนแอบจับได้ว่าผัวไปมีน้อย โถ่!ดูสารรูปตัวเองก่อนค่า เลิกแต่งหน้าจัดให้ได้ก่อนเถอะ
"วายขอตัวกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันน๊า" โยนบอมบ์ไปหนึ่งกรุบ ดูสิ๊พรุ่งนี้จะมีเรื่องอะไรสนุกๆให้ติดตาม
@บ้าน
"แม่คะ วายกลับมาแล้ว" บ้านหลังนี้ฉันอยู่แค่กับแม่สองคน พ่อเสียไปตั้งแต่ฉันยังเล็กๆด้วยโรคมะเร็งได้คร่าชีวิตพ่อไป แม่จึงเป็นคนเดียวที่ส่งเสียฉันเรียนจนจบ หามรุ่งหามค่ำ หาเงินให้ฉันไปเรียนหนังสือ จ่ายค่าเทอม กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็หืดขึ้นคออยู่ไม่น้อย ตอนนั้นแม่ยังทำงานเป็นพนักงานบริษัทปกติทั่วๆไปนี่แหล่ะ แต่พอพ่อเสียรายรับมันก็ไม่สมดุลกับรายจ่าย แม่ฉันจึงต้องทำงานพิเศษเพิ่มอีกทาง ทุกวันนี้เราสองคนแม่ลูกสุขสบายกันมากขึ้น เพราะฉันเริ่มทำงานที่บริษัทบอสหน้ายักษ์ได้เกือบปีแล้ว
ตั้งแต่เข้างานวันแรกจนถึงวันนี้ ฉันต้องตีสองหน้าอยู่กับยัยพี่พิมตลอดเวลา ถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันอาจจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ก็ได้ แต่ที่ฝืนทนอยู่ก็เพราะบริษัทที่นี่ให้เงินเดือนดีมาก จะงานหนักแค่ไหนยัยวายคนนี้ก็พร้อมจะสู้ แต่พอมาเจอคนอย่างยัยพี่พิมฉันนี่สุดจะทน โดยเฉพาะเรื่องงาน อู้เก่งที่หนึ่ง โยนงานเก่งที่หนึ่ง นึกแล้วก็หมั่นไส้
ฉันเริ่มจากการมาสมัครงานแผนกการตลาด เพราะฉันจบการตลาดมา วันสัมภาษณ์เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง ฉันยื่นสมัครไปแล้วรอสัมภาษณ์เลยทันที ซึ่งพี่ฝ่ายบุคคลบอกว่าเดี๋ยวท่านประธานจะเป็นคนสัมภาษณ์งานด้วยตัวเอง ฉันก็ตกใจหล่ะสิทีนี้ ทำไงดีหล่ะ แต่ก็แอบสงสัยว่าแผนกการตลาดนี่ต้องถึงขั้นให้ผู้บริหารมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเองหรอ
ย้อนไปวันสัมภาษณ์งาน
"คุณชลลดาเชิญที่ห้องได้เลยค่ะ" ฉันจะเข้าห้องเชือดละนะ ตื่นเต้นจัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นท่านประธานที่ลงมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง
"เอ่อ...สวัสดีค่ะ ท่านประธาน" ฉันเคาะประตูห้องก่อนที่จะบิดลูกประตูเข้าไปยังห้องสัมภาษณ์ แล้วเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้ที่วางอยู่กลางห้องหนึ่งตัว
"แนะนำตัวสิ" ตั้งแต่เข้ามายังไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองฉันบ้างเลย แถมน้ำเสียงก็ดูเย็นยะเยือก นี่ฉันจะฉี่แตกก่อนสัมภาษณ์จบไหม
"ฉัน ชลลดาค่ะ หรือจะเรียกว่าวายก็ได้ อายุ 22ปีค่ะ" แนะนำตัวแค่นี้พอใช่ไหม นี่ฉันยังไม่เห็นหน้าเขาชัดๆเลยนะ แล้วแถมในห้องสัมภาษณ์ก็กว้างเอาม๊ากมาก แต่มีแค่โต๊ะทำงานหนึ่งตัวแล้วก็เก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่ตรงกลางห้อง มีแค่นี้เลย แค่นี้จริงๆ วังเวงอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่ฉันพูดจบตั้งนานละ จะไม่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉันเลยงั้นสิ
"คุณมาสมัครงานในฝ่ายการตลาด แล้วทำไมถึงมาสัมภาษณ์ผู้ช่วยเลขาได้" ห๊ะ พี่ฝ่ายบุคคลเอาชื่อฉันมาอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาหรอ
"วายว่าน่าจะเกิดการเข้าใจผิดกันนะคะ เดี๋ยวยังไงวายขอตัวออกไปถามพี่ๆฝ่ายบุคคลก่อนนะคะ" ฉันเลยรีบลุกขึ้นเพื่อจะออกไปถามพี่ๆทางด้านนอกห้องว่าเกิดการผิดพลาดอะไรขึ้นหรือไม่
"ไม่ต้อง" ฉันเกือบจะเดินออกจากประตูแล้วนะ แต่เพิ่งจะมาพูดขึ้น ฉันจึงต้องหันตัวกลับเพื่อมานั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม พอฉันหย่อนก้นลงนั่ง ท่านประธานก็เงยหน้าขึ้นมามองฉัน แม่เจ้า!!! นี่ไม่คิดจะหล่อเผื่อแผ่ใครเลยใช่ไหม แถมยังดูเป็นผู้ชายหน้าค้นหาสุดๆ ความผิวแทนเอย สันกรามที่โคตรชัด จมูกนี่โคตรพุ่ง แววตาคมดูดุดัน โดยรวมคือใบหน้าเทพบุตรสรรค์สร้าง เอาดีๆฉันยังหาที่ติไม่เจอแม้แต่นิดเดียว
"คุณชลลดา จ้องหน้าผมนี่กำลังคิดอะไรอยู่"
"ท่านประธานหล่อจังเลยนะคะ"
"....." อ่ะเงียบ คนอุตส่าห์ชม ก็ท่านประธานถามฉันหนิ ฉันก็ตอบตามความจริงสิ
"ถ้าผมจะให้คุณมาเป็นผู้ช่วยเลขา คุณจะโอเคไหม"
"อะ อะไรนะคะ คือรับวายเข้าทำงานแล้วหรอคะ" ถ้าประธานเกริ่นมาแบบนี้ คือฉันได้งานแล้วใช่ไหม แต่ฉันมาสมัครงานฝ่ายการตลาดนะ แล้วฉันจะทำงานผู้ช่วยเลขาได้หรอ
"ท่านประธานรับวายเข้าทำงานแล้วหรอคะ" ฉันสงสัยเลยต้องถามอีกครั้ง หรือเพราะฉันบอกว่าท่านประธานหล่อ ก็ไม่น่าใช่มั้ง
"คุณแค่ตอบว่าได้หรือไม่ได้" ท่านประธานจ้องหน้าฉันเขม็งอย่างกับจะเขมือบฉันลงท้องอย่างงั้น ก็สงสัย เพราะไม่เห็นจะถามอะไรฉันเลย
"ทำไมต้องคิดนาน"
"ก็วายมาสมัครฝ่ายการตลาด ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นผู้ช่วยเลขาหนิคะ"
"แสดงว่าคุณไม่โอเค อืมเงินเดือนที่คุณเรียกมาผมให้อีกสองเท่า แบบนี้คุณยังจะปฏิเสธอยู่อีกไหม" จู่ๆก็เอาเรื่องเงินขึ้นมาพูด เห็นฉันหน้าเงินขนาดนั้นเลยใช่ไหม
"ตกลงค่ะ" ก็โอเคไปเลยสิคะ ให้เงินเพิ่มอีกสองเท่า จะไปคิดให้มันยุ่งยากทำไม
"งั้นก็ดี เริ่มงานพรุ่งนี้ ห้ามสายเด็ดขาด ผมไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลา และก็ไม่ชอบคนทำงานชุ่ยๆ คงไม่หนักหนาเกินไปกับเด็กจบใหม่อย่างคุณ
"ค่ะท่านประธาน"
"ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกท่านประธาน" เพิ่งจะมาบอก ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องฉันเรียกประธานคำแรกเลยนะ
"แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ"
"บอส หรือคุณคิม"
"งั้นวายเรียกบอสแล้วกันค่ะ" บอสพยักหน้าแล้วลุกเดินออกจากห้องไป ไม่อยากจะเชื่อ สัมภาษณ์ที่ไม่เหมือนการสัมภาษณ์ นี่ได้งานง่ายๆแบบนี้เลยหรอ แถมเงินเดือนก็เพิ่มเป็นสองเท่าจากที่ฉันเรียกด้วย โชคดีจริงๆเลยยัยวาย
ปัจจุบัน
เรื่องราวก็เป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมบอสถึงเลือกฉันมาทำงานในตำแหน่งนี้ สิ่งเดียวที่รู้คือหล่อมาก แต่อย่าให้พูดถึงเรื่องการทำงานหรือนิสัยเชียวนะคะ มีขนลุกขนตั้งแน่ๆ ทั้งบริษัทรู้จักกิตติศัพท์ของบอสทุกคน ฉันที่อยู่ใกล้สุดเกือบจะเป็นบ้าก็เพราะบอสเนี่ยแหล่ะ แล้วไหนจะยัยเลขาที่ชอบอู้งานไปเอากับบอสอีก ไม่เข้าใจทำไมยังปล่อยให้คนอย่างยัยพี่พิมทำงานอยู่ที่นี่ได้อีก