เมื่อการเดินทางสิ้นสุด ชายหนุ่มไม่คิดจะปล่อยสาวสวยเป็นอิสระในตอนนี้ เพราะเห็นฤทธิ์ของหล่อนมาแล้ว จึงจัดการยกหล่อนแบกไว้บนไหล่ที่แข็งแรง
วิรุจมองดูเหตุการณ์อยู่บนตึกแล้วนึกขำกับสภาพลูกสาว ถูกมัดมือ มัดเท้าแล้วยังอุตส่าห์ดิ้นรน ต้องการหาอิสระ
ให้มันเจอของจริงแบบนี้แหละถึงจะเอาอยู่...คุณวิรุจรู้สึกพอใจในการตัดสินใจของบอดี้การ์ดคนใหม่ หลายวันที่ผ่านมาเขาไว้ใจชายหนุ่มให้ดูแลลูกสาว เมื่อชายหนุ่มโทรมารายงานว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับลูกสาวของตน ตอนที่ไปดูคอนเสิร์ต โดยชายหนุ่มคนที่ก่อเรื่องขู่เอาไว้ว่าเรื่องมันไม่จบแค่นี้ ผู้สูงวัยจึงจัดการให้ชายหนุ่มพา ลูกสาวออกจากพื้นที่สักพัก เพื่อให้เรื่องเงียบลง เพราะหากขืนให้อยู่ที่บ้านต่ออาจจะมีเรื่องร้ายขึ้น เพราะมีหวังหล่อนก่อกวนที่จะออกไปเที่ยวอีก ตามนิสัยดื้อรั้นไม่ยอมกลัวสิ่งใด จึงออกคำสั่งให้ชายหนุ่มพาไปอย่างไม่ลังเล และคิดว่าไม่จำเป็นที่จะบอกความจริงกับลูกสาว เพราะอีกไม่นานหล่อนคงลืมๆ ไปเอง
“ดิ้นไปเถอะ ตกไม่รู้น้า” เสียงทุ้มเอ่ยเตือน เมื่อเห็นคนบนบ่าเริ่มดิ้นแรงขึ้น แต่บอกไปก็เท่านั้น หล่อนไม่คิดจะฟัง ยิ่งได้อยู่ข้างคนที่คิดว่าปกป้องหล่อนได้หล่อนยิ่งได้ใจ
ชายหนุ่มค่อยๆ วางหญิงสาวที่ยังดิ้นไม่เลิกอย่างระมัดระวัง แรงที่หล่อนสะบัดแขนขาแต่ละครั้งหากไม่มีความแข็งแรงพอ อาจพลาดท่าทำหล่อนหัวคะมำได้ วางร่างบางไว้บนโซฟาแล้วพาตัวเองถอยออกห่าง ยืนมองดูหล่อนไปพลาง
สายตากลมโต ของหล่อนมองมาอย่างเอาเรื่อง แถมไม่คิดลดแผ่รังสีอำมหิตลงเลย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะกลัว...มีก็แค่ก้มหน้ารับฝ่ามือของหล่อน ที่บังอาจลูบคมหล่อนก็เท่านั้น
ผู้สูงวัยเดินก้าวลงบันไดอย่างช้าแต่มั่นคง “ไง ลูกสาวฉันเกเรหรือเปล่า?”
“เอ่อ...” เหลือบมองคนที่นอนคอแข็งแหงนหน้ามองเขาเขม็ง “ไม่ครับ”
“แน่ใจนะภูผา...” ยิ้มรับคำตอบของชายหนุ่ม รู้ดีว่าความจริงมันคงไม่ใช่อย่างที่ชายหนุ่มบอกเป็นแน่ “แม่จิกแก้มัดให้ซอนด้าสิ” หันมาบอกแม่จิกที่เดินเข้ามาได้จังหวะพอดี
บรรยากาศเริ่มอบอวลไปด้วยความตึงเครียด เมื่อสายตาแม่สาวลูกครึ่งจ้องชายหนุ่มไม่วางตา สลับกับมองเชือกที่เริ่มคลายลง ป้าจิกที่ทำหน้าที่แก้มัดพลอยมือไม้สั่นไปด้วย สายตาที่มองทรงกรดอย่างไม่วางตาของหล่อน ทำให้ชายหนุ่มเริ่มแน่ใจว่าตนเองต้องโดน
ร่างบางผุดนั่ง สลัดมือไปมาเพื่อให้คลายความปวดเมื่อยอย่างใจเย็น โดยผู้เป็นพ่อจึงเบาใจลง เมื่อเห็นลูกสาวไม่เอะอะโวยวายอย่างที่คิดไว้
ร่างท้วมหย่อนตัวลงนั่งโซฟาตัวเดียวกับลูกสาว มืออวบอูมยกขึ้นเพื่อจะโอบไหล่ลูกสาวเพื่อให้หายคิดถึง แต่ก็สัมผัสได้แค่ปลายเส้นผมของลูกสาว เมื่อลูกที่หมายจะกอดลุกขึ้นผละออกไปทันที
เพี๊ยะ! เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังได้ยินชัดเจน คนที่ถูกสัมผัสนั้นหันไปตามแรงตบทันที ฝ่ามือที่กระทบใบหน้าชายหนุ่มจนเกิดเสียง ทำเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงอึ้ง
“ลูก ทำไมทำแบบนี้” ผู้เป็นพ่อที่ไม่ได้ตั้งตัว เอ่ยถามลูกสาวสีหน้าตกใจ “นิสัยเอาแต่ใจกับพ่อ พ่อไม่ว่า... แต่นี่พี่ภูผาเขาช่วยลูกไว้ ขอบคุณเขาหรือยัง” น้ำเสียงฉุนเฉียวเอ่ย พลางมองลูกสาวที่ยังไม่สำนึกผิด “แล้วนี่ยังก่อเรื่องอีก” เอ่ยจบเดินเข้ามาดึงมือลูกสาวอย่างแรง ทำเอาหญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัวเซล้มลงบนโซฟา หัวกระแทกกับขอบโต๊ะจนเกิดเสียง ทั้งหมดตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าหล่อนจะเสียหลักล้มลงไป แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ได้เจ็บตรงไหน ทุกคนก็เลยคลายความตกใจลง
ตามมาด้วยเสียงต่อว่าของหญิงสาว “คุณพ่อเข้าข้างมันหรือคะ หนูเกลียดมัน และก็ไม่ชอบขี้หน้ามันด้วย” น้ำเสียงก้าวร้าวของหล่อน พร้อมคำพูดหยาบคาย ทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับเข่าอ่อน มองลูกสาวที่พยายามอบรมด้วยสายตาตัดพ้อและผิดหวัง
“คอยดูหนูจะทำให้มันอยู่ที่บ้านนี้ไม่ได้เหมือนคนอื่นๆ” มือข้างหนึ่งกุมหน้าผากที่กระแทกกับขอบโต๊ะไว้ มองผู้เป็นพ่ออย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
ตากลมโตมองหน้าผู้เป็นพ่อนิ่งเหมือนรอคำพูดปลอบใจกับการกระทำของพ่อในครั้งนี้ ที่ดูรุนแรงในความรู้สึกหล่อน แต่ดูเหมือนความหวังจะริบหรี่ลง แววตารอคอยเริ่มมีน้ำตาเอ่อ แล้วค่อยไหลหยดไปตาม ร่องแก้มขาวนวล แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่ใส่ใจ เพราะครั้งนี้ลูกสาวเขาทำรุนแรงเกินกว่าเหตุจริงๆ...
“ผมต้องขอโทษแทนลูกสาวผมด้วยนะครับ แกเป็นเด็กเอาแต่ใจ ไม่รู้จักโตเสียที” หันมองลูกสาวที่กำลังปาดน้ำตาที่อาบแก้มอยู่อย่างลวกๆ
เมื่อเห็นพ่อไม่ใส่ใจในตัวหล่อน หล่อนจึงแบกความคับแค้นวิ่งขึ้นห้องไป เก็บความอัดแน่นไว้ระบายกับคนที่ทำให้หล่อนต้องโดนผู้เป็นพ่อตำหนิ!
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
ภูผาบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง คนอย่างเขาเคยเจ็บหนักกว่านี้หลายเท่าตอนออกรบที่ชายแดน นี้ก็แค่เด็กขี้แยตบหน้า มันก็แค่มดคันไฟกัด...
“ฉันให้คนเตรียมที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว ยังไงนายก็นอนที่นี่ และอยู่ดูแลลูกสาวฉันไปก่อน ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมากินอาหารพร้อมกัน ฉันจะรอ” เอ่ยจบหันไปสั่งการอีกคน “แม่จิกพาคุณภูผาไปที่พัก” น้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยล้า ทำให้ชายหนุ่มผละออกมาอย่างว่าง่าย ทั้งที่จริงเข้าอยากปฏิเสธที่จะนอนที่นี่ แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ชายหนุ่มจึงไม่อยากเพิ่มเรื่องให้อีกคนขบคิดมากไปกว่านี้
“ค่ะ เชิญค่ะ” ป้าจิกยิ้มรับก่อนจะเดินนำไปยังห้องที่เคยเป็นห้องของคนที่เป็นบอดี้การ์ดคนก่อนๆ ที่แยกส่วนไปอีกด้านของคฤหาสน์
“พ่อฉันมีอิทธิพล แกระวังตัวให้ดี...แล้วฉันจะมาเอาคืน!”