8
หน้าร้อนผ่าว
วันนี้เป็นวันหยุดของขิม เธอจึงอยู่บ้านไม่ได้ไปไหนและอีกอย่างวาฬบอกกับเธอว่าติดธุระต้องไปกับแม่ของเขา เธอจึงไม่มีแผนที่จะไปไหน วันนี้จึงเป็นวันพักผ่อนของเธอ
แคมป์ตื่นนอนแล้วจึงเดินลงมาข้างล่างเห็นขิมนอนดูทีวีอยู่บนโซฟาในชุดนอนที่แสนเซ็กซี่ ทันใดนั้นขิมมองไปเห็นแคมป์ที่ยืนมองเธออยู่จึงพูดขึ้นว่า “นี่มองอะไรไม่ทราบ”
“เปล่าสักหน่อย พี่ก็มองไปเรื่อยไม่ได้มองเธอสักหน่อย” แคมป์พูดพร้อมกับเดินไปที่ครัวเพื่อหาอะไรกิน
แคมป์วุ่นวายอยู่ในครัวครู่ใหญ่ ๆ ขิมได้แต่นึกสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรทำไมกลิ่นถึงได้หอมจนท้องของเธอร้องประท้วงเพราะตอนนี้เธอหิวมาก ๆ แม่ก็ไม่อยู่เธอจึงไม่มีอะไรกิน ขิมเดินไปแอบดูที่ห้องครัวว่าแคมป์กำลังทำอะไรอยู่ในครัว
ขิมยืนแอบที่ประตูอย่างสงสัย เธอเห็นแคมป์กำลังผัดอะไรสักอย่างแต่หอมมาก ๆ แคมป์หันกลับมาจะหยิบจานเขาจึงแอบเห็นว่าขิมยืนแอบอยู่หน้าประตูแต่เขาแกล้งเป็นไม่เห็น “เรานี่ก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย ทำอาหารหอมจนต้องมีคนอยากกินกับเราแน่ ๆ เลย” แคมป์พูดเหมือนเพื่อให้ขิมรู้ตัว เมื่อขิมได้ยินอย่างนั้นก็พูดออกไปว่า “ใครจะอยากไปกินอาหารกลิ่นเน่า ๆ อย่างนั้น” เมื่อขิมพูดจบท้องของเธอก็ร้องออกมาด้วยความหิว
“ไม่อยากกินแต่ท้องมันร้องประท้วงแล้วนะ” แคมป์พูดจบก็เดินถือจานผัดไทหอม ๆ เดินผ่านไปใกล้ ๆ ขิมพร้อมกับพูดว่า “ถ้าหิวพี่จะวางไว้บนโต๊ะนะ” แคมป์นำจานหนึ่งไปวางที่โต๊ะก่อนจะเดินถืออีกจานขึ้นไปกินบนห้อง
“ใครจะไปกล้ากิน ท้องจะเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้” ขิมพูดจบก็เดินไปดูทีวีต่อทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เธอหิวจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว
“แม่นะแม่ อาหารก็ไม่ซื้อมาไว้ให้ รถก็ไม่มีไปซื้อจะให้เรายืมรถอีตาแคมป์ไม่เอาด้วยหรอก” ขิมรู้สึกไม่ชอบแคมป์ตั้งแต่แรกเห็นไม่รู้เป็นอะไรทั้ง ๆ ที่แคมป์ก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เธอ
ขิมนอนพลิกไปพลิกมาอย่างทรมานด้วยความหิวในจังหวะนั้นเองแคมป์เดินลงมาและดูเหมือนว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอก ขิมได้แต่คิดในใจว่าดีเลยจะได้แอบกินผัดไทสักทีหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว
“พี่ไปข้างนอกก่อนนะ อยู่บ้านคนเดียวระวังตัวด้วยล่ะ คนสมัยนี้น่ากลัวมากนะ หิวก็กินได้แล้วเดี๋ยวปวดท้อง พี่ไปล่ะ” แคมป์พูดด้วยความหวังดีที่เขามีต่อขิมอย่างจริงใจ
“พูดมาก จะไปไหนก็ไปได้แล้ว” ขิมพูดโดยไม่ได้หันไปมองแคมป์ แคมป์ได้แต่ส่ายหัวให้กับความเป็นเด็กของขิมที่เธอเป็นอย่างนี้ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่เด็ก ๆ
“โตแต่ตัวจริง ๆ” แคมป์พูดเบา ๆ แต่บังเอิญขิมได้ยินซะอย่างนั้น
“นี่ว่าใครโตแต่ตัว” ขิมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหาแคมป์ แคมป์จึงรีบวิ่งหนีไปจากตรงนั้นพร้อมกับตะโกนกลับมาว่า
“จะว่าใครล่ะก็ว่าเด็กไม่รู้จักโตไงล่ะ” แคมป์รีบเปิดประตูรถก่อนจะขับออกไปทันที
“กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ มาพูดให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ” ขิมร้องตามหลังแคมป์ แคมป์ได้แต่หัวเราะอยู่คนเดียวบนรถ แคมป์ขับรถไปได้สักพักเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมของบางอย่างที่บ้าน แคมป์จึงเลี้ยวรถกลับเพื่อไปเอาของสิ่งนั้นในทันที
เมื่อแคมป์มาถึงหน้าบ้านเขาเดินเข้าไปในบ้านเงียบ ๆ เขาเห็นขิมกำลังนั่งทานผัดไทของเขาอย่างมีความสุข แคมป์จึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอ เขาเดินเข้าบ้านเงียบ ๆ ขิมที่นั่งหันหลังก็คิดว่าเป็นแม่ของเธอกลับมา
“แม่กลับมาแล้วหรอคะ แม่รู้มั้ยคะว่าหนูหิวข้าวมากแค่ไหน” แคมป์ได้ยินอย่างนั้นก็เดินไปข้างหลังของขิมเพื่อทำอะไรบางอย่าง ส่วนขิมก็นึกสงสัยว่าทำไมแม่เงียบแปลก ๆ เธอกำลังจะหันหลังไปถามแม่แต่เมื่อเธอหันลกับไปใบหน้าของใครบางคนกลับอยู่ใกล้ ๆ ใกล้จนจมูกชนกัน
“หิวก็กินเยอะ ๆ นะ” แคมป์พูดเบา ๆ ขิมตกใจมาก คนที่เธอคิดว่าเป็นแม่กลับไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ขิมตั้งสติได้ก็หันหน้ากลับมาอย่างเงียบ ๆ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงยิ่งกว่าตอนมีอะไรกับวาฬเสียอีก หน้าของเธอแดงราวกับคนเป็นไข้ที่กำลังจะช็อก
แคมป์เดินขึ้นไปเอาของก่อนจะลงมาก็เห็นขิมนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาด้วยความรีบเขาจึงไม่ได้แกล้งขิมต่อ เมื่อแคมป์ออกจกบ้านไป ขิมเอามือจับหน้าตัวเองเพราะตอนนี้มันร้อนผ่าวเหมือนกำลังผิงไฟหน้าหน้าหนาว “นี่เราเป็นอะไรของเราเนี่ย หัวใจก็เต้นแรงไม่หยุด หน้าก็ร้อน ไม่ใช่เราไม่ได้เขินผู้ชายแบบนั้นหรอก ผู้ชายที่เรารักคือพี่วาฬคนเดียว” ขิมนั่งพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า ไม่นานแม่ของเธอกับแชมป์ผู้ชายของแม่ก็กลับมาบ้าน เมื่อละออเห็นลูกสาวของเขานั่งนิ่ง ๆ หน้าแดง ๆ ก็นึกสงสัยว่าลูกสาวของเธอเป็นอะไร
“ขิมเป็นไข้หรือเปล่าลูก ทำไมหน้าแดง ๆ” ละออจึงใช้มืออังที่หน้าผากของเธอก็พบว่าตัวของขิมร้อนผ่าวเหมือนคนเป็นไข้
“ขิมหนูไม่สบายแน่เลย ไปหาหมอมั้ยลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ขิมสบายดี” ขิมพูดจบก็เดินขึ้นไปบนบ้านเหมือนคนไม่มีสติ
“เป็นอะไรของเขาอยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเงียบ ๆ แปลก ๆ” ละออยืนงงในสิ่งที่ได้เห็น
“ไม่มีไรหรอกที่รัก วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละ เราไปทำอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า” แชมป์พูดจบก็อุ้มละออขึ้นบ้านทันที