หญิงสาวในชุดนักศึกษาตัวโคร่ง เสื้อตัวใหญ่ที่แขนยาวเกือบถึงข้อพับ มองไม่เห็นสัดส่วนใดแม้แต่น้อย กระโปรงพลีทยาวถึงตาตุ่ม ผมรวบมัดเป็นโดนัทรุ่ยๆ พร้อมกับแว่นกรอบหนาปกปิดใบหน้าเกือบครึ่งแต่ปกปิดใบหน้าตกกระสีคล้ำไม่ได้
และคนๆ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เมษานั่นเอง
แกร็ก เธอดันประตูห้องบานใหญ่เข้าไป มองเห็นรองเท้าส้นสูงที่รู้ดีว่าไม่ใช่ของตัวเองอยู่หน้าห้อง ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“อื้อ อ่า” เสียงแว่วดังมาทำให้เธอเงยหน้าจากรองเท้ามองไปฝั่งโถงของห้อง
ถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวของตัวเองออก เดินตามโถงทางเดินไปจนพ้น มองเห็นโถงห้องกว้างขวางได้รอบทิศทาง
“...!” พร้อมกับเท้าชะงักกึกกับที่กับภาพเคลื่อนไหวที่เห็นตรงหน้ายกมือขึ้นปิดปากด้วยความช็อกค้างโลก
ตั่บ ตั่บ ตั่บ
“อ๊ะ อี้ อ่า” ชายหญิงเปลือยเปล่าบนโซฟา มีหญิงสาวที่หันหลังให้เธอ กำลังทำการโยกขย่มอยู่บนตัวของชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดี
“พะ...พี่พรูฟ” เสียงของเธอเลื่อนลอยรับไม่ได้ มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความผิดหวัง
“ยืนดูอะไร อยากร่วมวง?” พรูฟขยับใบหน้าออกจากหญิงสาวบนกาย มองแววตาตกตะลึงของคนในชุดนักศึกษาร่างแม่ชีแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
แต่ถ้าบอกว่าอยากร่วมด้วยจริงกูคงวิ่งสี่คูณร้อยหนีออกจากห้องทันที
“ทำไมพี่พรูฟทำแบบนี้คะ” หลับตาถามเขาออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ทำอะไร” รั้งให้หญิงบนกายหยุดเคลื่อนไหวแล้วถามคนที่หลับตาถาม
“พี่พรูฟไม่ควรพาผู้หญิงคนอื่นเข้าห้อง” พูดเสียงสั่น “แล้วก็...ไม่ควรมีอะไรกับผู้หญิงที่ไหน”
“เพราะ?”
“เพราะเราเป็นคู่หมั้นกัน” แม้จะยังไม่ได้หมั้นกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่แม่ของเขาก็จองเธอไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“หึๆ ฝันอยู่หรือไงยัยเฉิ่ม” เย้ยหยันเธอออกมาทันที “ใครจะเอาเธอ หลับตาปิดไฟยังเอาไม่ลงเลย”
จะว่าดูถูกก็... เขาไม่ได้ดูผิดนี่ ก็เห็นตำตาอยู่ชัดเจน
“เมจะบอกคุณป้า!”
“กล้าหรอ!” ถามเสียงเข้มดุดันทันทีจนเธอเผลอลืมตามองเขา แล้วรีบหลับตาลงอีกครั้ง “ถ้าคิดจะฟ้องอะไรแม่ฉัน อย่าคิดว่าเธอจะได้อยู่ที่นี่อย่างสงบสุข”
เตือนขึ้นอย่างจริงจัง เคยบอกแล้วครั้งหนึ่งอย่าให้ต้องบอกซ้ำหลายครั้ง
“นี่มันห้องของฉัน แล้วฉันก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด” แม้จะไม่จริงแต่ก็ต้องทำให้เธอเข้าใจแบบนี้ “รับไม่ได้ก็ควรย้ายออกไป แต่ถ้าไม่มีที่ไปฉันจะหาให้”
หวังว่าเธอจะเข้าใจ หวังว่าเธอจะรับไม่ได้ หวังว่าเธอจะไปในที่สุด
“.....” ลืมตามองเขาอย่างตัดพ้ออีกครั้ง “พี่พรูฟใจร้าย!”
ว่าออกมาอย่างเสียใจก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าห้องไปทันที
“หึ!” พรูฟมองตามไปอย่างพอใจ ท่าทางแบบนี้เหมือนจะได้ผล
เขาสานสัมพันธ์กับสาวงามบนกายต่อจนถึงปลายทางเพราะมันหยุดกลางทางแค่นี้ไม่ได้อยู่แล้ว ทำกันเสียงดังอย่างจงใจให้เข้าไปถึงห้องนอนเผื่อแผ่คนข้างใน
เมื่อทุกอย่างจบลงก็ให้เงินเธอเป็นค่าตอบแทน ไปส่งที่ลิฟท์แล้วกลับเข้าห้อง นั่งสูบบุหรี่เพื่อรอตอนที่น้องอีกเมของไอ้อินทัชหิ้วกระเป๋าออกมา
แต่ทำไมเงียบยังจังวะ รอมาเกือบสองชั่วโมงแล้วทำไมยังไม่ออกมา ตอนมากระเป๋าก็แค่ใบเดียว ตอนจะไปมีอะไรให้เก็บนานขนาดนั้นวะ
ก๊อกๆๆ เมื่อทนไม่ไหวจึงลุกไปหยุดหน้าห้องของเธอแล้วเคาะด้วยความอยากรู้ว่าทำอะไรอยู่ถึงยังไม่ไปสักที
พอประตูเปิดออกเท่านั้นแหละ
“มีอะไรคะ” สภาพในชุดเดิม ถามออกมาด้วยดวงตาแดงช้ำ
“เธอทำอะไร”
“ไม่ได้ทำอะไรค่ะ” ก้มหน้าตอบเหมือนไม่อยากให้เขารู้ว่าร้องไห้มา
“ไม่ได้เก็บของหรอ” คำว่าไม่ได้ทำอะไรยิ่งทำให้เขางงไปใหญ่ ถามความอยากรู้ออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“เก็บของไปไหนคะ” เงยหน้าขึ้นถามเขากลับอย่างไร้เดียงสา
“เห้ย! เธอเป็นบ้าหรือหน้าด้านวะ!” คนได้ยินแบบนั้นก็อารมณ์เสียหงุดหงิดออกมาทันที “ทำไมถึงเอาแต่ทนอยู่กับคนที่ไม่อยากให้อยู่ด้วยวะ!”
เขาโคตรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ เขาทำขนาดนี้แล้วแต่เธอยังเลือกจะอยู่และทนได้ นี่มันเกินคาดของเขาแล้วนะ
“แล้วทำไมพี่พรูฟถึงเอาแต่ไล่เม” ถามเสียงสั่นตัดพ้อ
“แล้วทำไมเธอถึงได้เกินเยียวยาขนาดนี้” เขาต้องย้อนถามกลับด้วยความแปลกใจมากกว่า “นี่มันห้องฉัน พื้นที่ส่วนตัวของฉัน และฉันไม่ได้อยากให้เธออยู่ไง”
“.....” ปากเบะคว่ำลงพร้อมกับน้ำตาคลอออกมา
“มันไม่ได้น่าสงสารเลยนะเมษา มันน่ารำคาญและน่าสมเพชมากกว่า” แต่เขาไม่ได้ใจอ่อนให้กับน้ำตาของเธอเลยสักนิด “ฉันไม่ชอบเธอ ไม่แม้แต่จะเอ็นดูเธอด้วยซ้ำ ฉันอยากให้เธอไสหัวออกจากห้องของฉันไป”
ในเมื่อถึงขนาดนี้แล้วเธอยังไม่คิดจะไปก็ต้องหยาบคายแล้วล่ะ แม้ที่ผ่านมาไม่ได้สุภาพ แต่การไล่อย่างหยาบคายแบบนี้หากเธอมีใจมีศักดิ์ศรีก็ควรจะยอมไปง่ายๆ
“ถ้าคุณป้าให้อยู่ได้ เมก็จะอยู่ค่ะ” แต่คนตรงหน้ากลับก้มหน้าพูดเสียงเศร้า
“เห้ย!” ทำเอาพรูฟอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “แม่ฉันแม่เธอหรอวะ! จะเชื่อฟังอะไรนักหนา!”
หงุดหงุด ยอมรับเลยว่าตอนนี้หัวเสียมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอกับงานหยาบงานหินขนาดนี้
“เมเคารพและเชื่อฟังคุณป้าค่ะ” ตอบตาใสแต่เธอจะรู้ไหมว่ามันดูรั้นมากแค่ไหน
“เธอควรมีขอบเขต และที่สำคัญควรมีศักดิ์ศรีบ้าง”
“.....” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตัดพ้ออีกครั้งเมื่อเจอคำรุนแรงว่าออกไป เม้มปากเหมือนพยายามกลั้นน้ำตา
“คิดดูให้ดีนะเมษา มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องมาทนอยู่ให้ฉันดูถูกและสมเพชขนาดนี้” เมื่อเหลือจะเชื่อเกินกว่าจะหาอะไรพูดต่อได้ ก็ทำได้เพียงทิ้งท้ายให้เธอคิด
หวังนะ หวังมากด้วย ว่าเธอจะคิดได้ ตื่นมาพรุ่งนี้จะหิ้วกระเป๋าออกไปจากที่นี่
พูดจบก็หมุนตัวกลับเข้าห้องไปอย่างผิดหวังในเรื่องวันนี้
แพ้พนัน ไล่คนออกจากบ้านไม่ได้ อารมณ์เสียที่พูดกันไม่รู้เรื่อง
ติ้ง! เสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนขึ้น ทำให้เขาหยิบมันมาดู
เหมือนยาวิเศษเยียวยารักษาหายเป็นปลิดทิ้งกับข้อความที่ได้รับ
MaySa: ทำอะไรอยู่คะ
Proof: ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ
: แล้วน้องเมล่ะ
MaySa: พึ่งถึงห้องค่ะ เหงาๆ ก็เลยทักหา
: เมกวนไหมคะ
Proof: พี่บอกแล้วไงว่าทักหาพี่ได้ตลอด
MaySa: พูดแบบนี้เมกวนพี่พรูฟทุกวันนะ
Proof: ไม่กลัวเลยครับ อยากถูกน้องเมกวนตลอดเวลาเลย
MaySa: ปากแบบนี้เมหลงขึ้นมารับผิดชอบไหวไหมคะ
Proof: ขอแค่หลงพี่ พร้อมรับผิดชอบทุกรูปแบบครับ
: น้องเมล่ะ พร้อมให้พี่รับผิดชอบไหม
MaySa: ไม่คุยกับพี่พรูฟแล้ว
: เมหาอะไรกินก่อนนะคะ หิวแล้ว
Proof: ได้ครับ แต่ถ้าหิวพี่เมื่อไหร่รีบบอกนะ
: แต่ถ้าอยากให้ไปหาก็ทักมาได้เหมือนกัน
MaySa: เจ้าเล่ห์
: สติกเกอร์แลบลิ้น
“หึๆ น่ารักจังวะ” คุยเก่ง ดูอ้อร้อตอบโต้ได้อย่างพอดีไม่มากไปน้อยไป
แล้วถ้าเขากับเธอคบหากันเมื่อไหร ตอนนั้นบอกได้เลยว่าถ้าเมษาในห้องยังไม่ไป เขานี่แหละจะโยนออกไปเอง
ต่อให้แม่เขาให้ท้ายเธอ เขาก็ไม่สนใจ