พบเจอ
>>>>>@@@@@@@@
“วันนี้ดูเหนื่อย ๆ นะ ไม่สบายรึเปล่าลูก”อ้นที่กลับมาจากร้านตอนเกือบ 6 โมงเย็น คุณแม่ระวิภาเห็นความผิดปกติของลูกชายก็เดินไปเอามืออังที่หน้าผากอ้น กลัวว่าเขาจะไม่สบาย
“เกิดอะไรขึ้นลูก ร้องไห้ทำไม”อ้นกอดคุณแม่ระวิภาพร้อมกับร้องไห้โฮออกมา ยังไม่มีคำพูดใดใดออกมาจากปากลูกชาย คุณระวิภาเหมือนรับรู้ความรู้สึกของลูกชายดี ตั้งแต่โตมา ความรู้สึกบางอย่างของอ้นก็เริ่มชัดเจนขึ้น เหมือนอ้นไม่ใช่ลูกชายเธอคนเดิม จากเด็กที่น่ารัก สดใส อัธยาศัยดี เป็นมิตรกับผู้คนรอบข้าง กลายเป็นคนเก็บตัวเมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย เหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่างที่ไม่มีจุดหมาย ไม่มีปลายทางที่แน่นอน ดูเคว้งคว้าง ล่องลอย เธอก็คอยให้กำลังใจและพาไปทำบุญเพื่อช่วยชำระความรู้สึกผิดบาปในใจของอ้นและเพื่อช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาลงได้บ้าง สิ่งที่ทำก็เพื่อความสบายและยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอเองก็เท่านั้น
“คุณแม่ครับ ฮึก ฮือ อ้น คือว่า ฮึก”อ้นอยากเล่าให้แม่ฟังแต่ตอนนี้เขาเองก็ยังมีเสียงสะอื้นออกมาเป็นระยะ
“ใจเย็น ๆ ลูก ค่อยเล่า ๆ ก็ได้ ไปนั่งก่อนนะ” คุณระวิภา พาอ้นไปนั่งที่โซฟารับแขกกลางบ้าน
“ไม่ต้องรีบ มีอะไรค่อย ๆ เล่าให้แม่ฟังซิ”คุณระวิภา โอบไหล่ของลูกชายที่สะอื้นจนตัวสั่นไหวไปตามแรงสะอื้นและเอามือลูบหัวอ้นเบา ๆ อย่างปลอบใจ
“แม่ครับ ฮึก อ้นรู้สึกว่าเจอเขาแล้ว คนที่ชื่อภาวินทร์ครับแม่ เจอแค่เขาคนเดียว”อ้นหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมไม่ให้เสียงที่พูดออกมาขาดหายไป
“อ้นมั่นใจได้ยังไงว่าเป็นเขาหละลูก”คุณระวิภา ถามเพื่ออยากได้คำตอบจากลูกชาย อยากรู้ว่าอ้นเอาอะไรมามั่นใจว่าเป็นคนที่อ้นชอบฝันถึง
“ไม่รู้ครับ แต่มันมีความรู้สึกบางอย่างบอกอ้นว่าเป็นเขา แต่เขาดูมีอายุ ต่างจากคนในความฝันของอ้นสิ้นเชิง”อ้นเหมือนมีความไม่มั่นใจอยู่ในคำตอบ
“แต่อ้นก็มั่นใจว่าเป็นคนนั้นเพราะความรู้สึกของอ้นใช่ไหมลูก”คุณระวิภา พูดอย่างเข้าใจลูกชาย
“แต่อ้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เราเจอเขาที่วัด อ้นปวดหัวที่เดิมและรู้สึกเจ็บจี๊ดที่อกข้างซ้าย เลยรีบขึ้นรถมากินยา พอมองไปอีกทีเขาก็หายไปแล้วครับคุณแม่”อ้นบอกกับคุณแม่ระวิภา ด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเขาผิดหวังมากแค่ไหน
“ไม่ต้องคิดมากนะ ถ้าคนเรามีวาสนาต่อกัน เคยผูกพันธ์กันมาเหมือนคำพระท่านบอก ซักวันต้องได้เจอกัน เชื่อแม่นะ ตอนนี้ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้ลงมาทานข้าว เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว"คุณระวิภาพูดบอกลูกชาย
นี่เป็นครั้งแรกที่อ้นรู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ วินทร์กับบัวตองมากที่สุด แต่เป็นเขาเองที่ทำมันพัง ตอนนี้เขาได้ขึ้นไปบนห้องและเอาภาพที่เขาไปวาดที่ร้านขึ้นมาดู ๆ เอามาวางคู่กันไว้ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
"วินทร์ ใช่คุณจริง ๆ ใช่ไหม แล้วตองไปไหน ผมอยากเจอคุณอีกครั้ง คราวนี้สัญญาผมจะไม่หนีคุณแบบวันนี้อีก" อ้นเอาภาพของวินทร์ขึ้นมาลูบไปตามกรอบหน้าของชายหนุ่มในรูป พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมาอย่างไม่รู้ตัว จนน้ำตาหยดลงบนกระจกของกรอบรูป
"เอ๊ะ!!! นี่เราร้องไห้เหรอ พวกเธอสองคนเป็นใครกันแน่นะ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเราด้วย เราไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ให้ตายซิ"
¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡
เวลาทานอาหารเย็น
“คุณพ่อคุณแม่ครับ พรุ่งนี้เช้าภูมิจะมารับอ้นไปสัมภาษณ์งานที่ไร่นะครับ”อ้นบอกกับคุณศิวะและคุณระวิภาตอนที่กำลังนั่งทานอาหารเย็น
“ภูมิกลับมาแล้วเหรอ ก็ดีเลย แม่อยากให้อ้นได้ทำงานที่อื่นนะ จะได้ออกจากความรู้สึกเดิม ๆ เผื่ออะไร ๆ มันจะดีขึ้น บอกตามตรงแม่เป็นห่วงอ้นมากนะ”เรื่องนี้อ้นเคยคุยกับแม่ตั้งแต่เรียนจบแล้วว่าอยากทำงานให้ตรงกับสาขาที่เขาเรียนมา แต่อ้นก็อยากอยู่ใกล้ ๆ บ้าน พี่ชายเลยลงทุนเปิดคาเฟ่ให้ แต่ตอนนี้ภูมิที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาอยากให้ไปช่วยงานลุงที่ไร่รอให้ภูมิเรียนจบอีกไม่ถึงปี อ้นก็เลยตกลง เขาเองก็อยากออกจากความรู้สึกนี้เหมือนกัน เลยรับปากเพื่อนไปในตอนแรก เรื่องร้านน้ำอิงก็ดูแลกับคุณระวิภา ซึ่งน้ำอิงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร คุณแม่กับอ้นก็เหมือนคนเดียวกันเรื่องทำขนมอ้นก็ฝึกมาจากคุณแม่
แต่วันนี้เขากลับไม่อยากไปแล้ว ความหวังของเขาที่จะเจอวินทร์อีกครั้งก็คงเป็นที่วัดนั้น แต่ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้เจอกันอีก จะให้เขาไปที่วัดนั้นทุกวันก็คงไม่ไหว และไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะมาอีกหรือเปล่า เหมือนความรู้สึกมันย้อนแย้งในตัวเอง เอาตรง ๆ เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
‘ อ้นเหนื่อย ’
หวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเขาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เผื่อเขาไปอยู่ในสถานที่ใหม่ บรรยากาศใหม่ ๆ อาจจะทำให้เขาไม่จมปรักอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ แบบนี้อีก
“ถ้าไม่มีปัญหาอะไร อ้นคงได้ไปช่วยงานที่ไร่ของบ้านภูมิครับคุณแม่”
“พ่อคิดว่าพอโตแล้วอ้นจะดีขึ้น แต่ที่แม่เล่าให้ฟัง มันดูแย่กว่าเดิมอีกนะ”คุณศิวะก็อดที่จะเป็นห่วงลูกชายไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณพ่อ ตอนนี้อ้นเข้มแข็งกว่าตอนนั้นเยอะแล้ว อ้นต้องผ่านมันไปให้ได้”อ้นบอกกับคุณศิวะให้คนฟังสบายใจ
อ้นเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะหลุดออกมาได้รึเปล่า เพราะยิ่งโตเขาเองก็ยังอยากจะหาคำตอบให้มันชัดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนแค่นั้นเอง
¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡
เช้าวันใหม่
“คิดถึงอ้นจัง”
“คิดถึงภูมิเหมือนกัน”
“ไปเลยนะ ไม่มีคนอยู่บ้านคุณพ่อไปทำงาน คุณแม่ไปดูร้านช่วยน้ำอิง”อ้นบอกกับภูมิบดินทร์ที่ชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
“งั้นตอนกลับค่อยแวะไปหาคุณแม่กับอิงแล้วกันนะ แต่ตอนนี้ช่วยเราเอาของฝากเข้าบ้านก่อน”ภูมิบดินทร์ที่เอาของลงมาจากไร่เต็มท้ายรถ
“ตอนบ่ายลุงวินทร์ไม่ว่างเราเลยต้องไปที่ไร่ก่อน คืนนี้เรามานอนด้วย จะได้ไปเที่ยวกัน”ภูมิบดินทร์พูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มที่จะได้เข้ามาเที่ยวในเมืองกับเพื่อน ๆ
“สนุกใหญ่เลย”อ้นเห็นหน้าเพื่อนแล้วก็อดที่จะแซวไม่ได้ พวกเขาไม่ค่อยชอบดื่ม แต่ก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง
“นาน ๆ เจอกันทีไงขอคุณพ่อกับคุณแม่แล้ว คิคิ ก่อนอ้นไปเริ่มงานขอเที่ยวก่อนเน้อ ๆ”
“ทำเหมือนว่าลุงภูมิจะเลือกเรางั้นแหละ”อ้นก็ไม่ค่อยแน่ใจในงานแรกในชีวิตเหมือนกัน
“เลือกอยู่แล้ว ภูมิการันตีขนาดนี้ บวกเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยนะ”ภูมิบดินทร์พูดด้วยความมั่นใจเกินร้อย
¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡
บ้านไร่รัฐดาวงศ์
ภูมิบดินทร์พาอ้นมาที่สำนักงานของไร่ทันทีเพราะตอนนี้สายแล้วคุณลุงเขามาทำงานแล้วแน่นอน
“ลุงวินทร์ครับ น้องภูมิพาเพื่อนมาให้สัมภาษณ์แล้วครับ”
ยังไม่เปิดประตูสำนักงานเลยภูมิบดินทร์ก็พูดขึ้นอย่างเสียงดัง
“เอ่อ คุณธนากร ลุงวินทร์ไม่ได้อยู่ในนี้เหรอครับ”เมื่อเปิดประตุเข้ามาพบแค่เลขาของพ่อเลี้ยงภาวินทร์นั่งอยู่
“พ่อเลี้ยงกำลังจะเข้ามาครับ บอกให้น้องภูมิกับเพื่อนรอก่อนครับ”ธนากรพูดบอกกับหลานชายคนโปรดเจ้าของไร่พร้อมกับมองไปที่อ้น
“สวัสดีครับ”อ้นรู้สึกอึดอัดที่ถูกจ้องจากสายตาของคนที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็จำเป็นต้องทักทายคนตรงหน้าออกไปอย่างรักษามารยาท เพราะถ้าเขาได้ทำงานที่นี่คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกันกับผู้ชายคนนี้ สร้างมิตรไว้ดีที่สุด
“สวัสดีครับ รอพ่อเลี้ยงซักครู่นะครับ”ธนากรทักทายอ้นคืนเช่นกัน
“ภูมิเราขอกุญแจรถหน่อยสิ เราลืมแฟ้มไว้ที่รถอ่ะ” การสัมภาษณ์งานสิ่งที่ลืมไม่ได้ก็แฟ้มเอกสารนั่นแหละ แต่อ้นก็ลืมที่จะถือลงมาจากรถจนได้
“ไม่ต้องแล้วอ้น ลุงวินทร์เพิ่งไลน์มาบอกว่าให้เข้าไปที่บ้านเลย”เมื่อภูมิบดินทร์พูดเสร็จ สองหนุ่มน้อยก็เดินออกมาจากสำนักงานมุ่งหน้าไปที่บ้านทันที่ซึ่งก็ห่างกันไม่มากเท่าไหร่ มองจากตรงนี้ก็เห็นหลังคาบ้าน
อ้นมองสำรวจพื้นที่บริเวณรอบ ๆ รู้สึกคุ้นตา แต่ก็บอกไม่ได้ว่าทำไมคุ้น ตั้งแต่รู้จักกับภูมิบดินทร์อ้นก็ไม่เคยมาเที่ยวที่บ้านของเพื่อนเลย หรืออาจจะเคยเจอในโซเชียลที่เพื่อนลงก็ได้ ภูมิบดินทร์จอดรถที่หน้าบ้านก็พาเพื่อนเข้าไปในบ้านหาคุณลุงของตัวเองทันที
“คุณย่า ครับลุงวินทร์ละครับ อ้นนี่คุณย่าเราเอง”ภูมิบดินทร์เดินเข้ามาในบ้าก็เจอแค่คุณย่าที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกคนเดียว
“สวัสดีครับคุณย่า”อ้นทักทายผู้ใหญ่ คุณหญิงแวววิมลรับไหว้เด็กหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับจ้องหน้าของอ้นอย่างไม่ละสายตา อ้นเองเมื่อถูกเจ้าของบ้านจ้องก็ทำหน้าไม่ถูก
“มีอะไรเหรอครับคุณย่า”ภูมิบดินทร์ที่เห็นถึงความผิดปกติก็เลยทักคุณย่าขึ้น
‘บัวตอง?? ’ หน้าของคนที่จากไปลอยกลับเข้ามาในความทรงจำของคุณหญิงแวววิมลเมื่อเจอกับอ้น คนเราจะเหมือนกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ ต่างกันแค่อ้นเป็นเด็กผู้ชายแค่นั้น
ตอนนี้คุณหญิงแวววิมลเป็นห่วงความรู้สึกของภาวินทร์ขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าเจอกับเพื่อนหลานชายคนนี้จะรู้สึกยังไง เพราะคุณหญิงแวววิมลรู้ดีว่าที่ผ่านมาภาวินทร์รู้สึกผิดมากแค่ไหนที่ทำให้คนรักต้องตาย ภาวินทร์ไม่เคยลืมบัวตองได้เลย ไม่เคยเปิดใจให้ใคร เวลาที่มีอยู่ทุ่มให้กับงานในไร่ซะส่วนใหญ่เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านเรื่องคนรัก
“ไม่มีอะไรหรอกลูก คุณลุงอยู่ในห้องทำงาน เข้าไปได้เลย”คุณหญิงแวววิมลที่ได้สติจากเสียงเรียกของหลานชายก็บอกให้ทั้งสองคนเข้าไปหาพ่อเลี้ยงในห้องทำงานตามที่เจ้าตัวบอกเอาไว้
อ้นเองรู้สึกแปลก ๆ และเริ่มปวดหัวตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาในบ้านไร่รัฐดาวงศ์แล้ว ยิ่งมาเจอเจ้าของบ้านจ้องขนาดนั้นความมั่นใจของอ้นที่จะทำงานที่นี่เริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ
‘อ้นอยากกลับบ้านแล้วครับคุณแม่’
“เข้าไปข้างในกันเถอะอ้น”ภูมิบดินทร์จับมือเพื่อนลากเข้าไปในห้องเพราะอ้นเองก็ยืนนิ่งเหมือนมีอะไรในใจ เป็นอะไรกันวันนี้วันอะไรทำไมมีแต่คนแปลก ๆ ภูมิบดินทร์ได้แต่คิดในใจอย่างสงสัย คุณลุงคงไม่แปลกไปอีกคนหรอกนะ
ก๊อก!!!
ก๊อก!!!
แกร่ก!!!
“ลุงวินทร์ครับ น้องภูมิพาเพื่อนมาแล้ว”พ่อเลี้ยงภาวินทร์ที่ยืนอยู่ที่ชั้นวางเองสารเห็นเพียงด้านหลัง
อ้นที่รู้สึกถึงความไม่ปกติของห้องนี้เอามือจับที่รอยแผลเป็นที่ขมับซ้าย เพราะปวดหัวตั้งแต่เข้ามาในอาณาเขตบ้านรัฐดาวงศ์แล้ว
“พากันมาแล้วเหรอ”พ่อเลี้ยงภาวินทร์หันกลับมา มองหลานชายตัวเองและสบตาคนที่ยืนข้างหลังของภูมิบดินทร์อย่างจัง เพราะอ้นมองไปที่ร่างสูงอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง
ทันทีที่ทั้งสองคนสบตากัน อ้นถึงกับหลุดยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“คะ คุณนั่นเอง คุณจริง ๆ ด้วย”อ้นเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่อาจควบคุมมันได้ พ่อเลี้ยงภาวินทร์ก็ยังคงอึ้งอยู่ไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่เขาอยากเจอที่นี่ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้
“อ้นรู้จักกับลุงวินทร์เราด้วยเหรอ”ภูมิบดินทร์หันมาถามเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
อ้นเอามือกุมที่หน้าอกของตัวเอง เจ็บ ทำไมมันเจ็บแบบนี้ อ้นหน้าซีดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุเหมือนทรงตัวไม่อยู่
“อ้นไม่สบายเหรอ”ภูมิบดินทร์จับแขนของอ้นและถามออกไปอย่างเป็นห่วง
วืด!!!!!
พรึ่บ!!!
หมับ!!!
ภูมิบดินทร์ที่อยู่ใกล้อ้นมากกว่ายังช้ากว่าพ่อเลี้ยงที่เห็นอาการของเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ รีบมาคว้าอ้นไว้ก่อนที่จะล่วงลงไปกองกับพื้น
“ลุงวินทร์เอาอ้นวางที่โซฟาก่อนนะครับ น้องภูมิไปเอาผ้าชุบน้ำกับยามาให้”ภูมิบดินทร์เอาหมอนอิงที่อยู่บนโซฟาให้อ้นได้นอนพัก
“คุณย่าครับขอยาดมหน่อยครับ ป้าไหมขอผ้า กะละมังกับน้ำด้วยครับ”
“เกิดอะไรขึ้นน้องภูมิ”
“อ้นเป็นลมครับคุณย่า”
“ตายจริง!!! ยาอยู่ในตู้ยาสามัญน้องภูมิไปหยิบมานะ”คุณหญิงบอกหลานชายและก็ลุกเดินเข้าไปในห้องทำงานของพ่อเลี้ยง
“ตาวินทร์!!!!”
❣@@@@@@@@@@❣