ฟาริซยืนมองภาพตรงหน้าอย่างขบขัน เขาไม่เคยเห็นลูกน้องคนไหนมายืนอบรมเจ้านายเหมือนกับคู่นี้เลย แม่สาวน้อยคนงามที่ยืนทำหน้าทำตางอนตุ๊บป่องเมื่อเจอชายหนุ่มร่างสูงใหญ่บ่นพึมพำเกือบสิบนาที
ชายหนุ่มไม่เคยเห็นอาการปั้นปึ่ง แง่งอน ทำแก้มป่อง เชิดใบหน้างามๆ แบบนี้เลยสักครั้ง เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เขาคบด้วย มีแต่กริยาที่ออดอ้อน เอาอกเอาใจเขาตลอดเวลา ไม่ว่าเขาพูดอะไร ผู้หญิงเหล่านั้นก็จะยอมกับเขาเสมอ
“เดี๋ยวผมจะให้คนไปส่งพวกคุณก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูดขึ้น เพื่อเรียกความสนใจจากสาวน้อยตรงหน้า
“ไม่ต้อง”
อลินเซียหันมาตอบเสียงเขียว ยิ่งเธอนึกถึงเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มทำ ใบหน้าหวานก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาแทบทันที อาการดังกล่าวหาได้รอดพ้นสายตาคมกล้าของคนที่แอบสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ
“คุณหนูครับ พูดไม่เพราะอีกแล้ว”
แดนนี่เริ่มตำหนิคุณหนูผู้แสนงอนอีกครั้ง ก่อนหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนนิ่ง ใบหน้าคมฉายแววนิ่งสงบ แววตาดูเย็นชา จนเขาชักหวั่นใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คุณหนูอลินเซียทำเรื่องอะไรกับชายหนุ่มผู้นี้บ้าง
“โอเค โอเค แดนนี่ ฉันเข้าใจแล้ว”
อลินเซียส่งสายตาหงุดหงิดไปให้บอดี้การ์ดหนุ่มอย่างเคืองๆ ที่เธอโดนตำหนิอีกแล้ว ใบหน้าหวานหันมามองชายหนุ่มจอมบ้ากามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่ได้สนใจอาการหงุดหงิดของเธอเลย
“ขอโทษนะคะคุณฟาริซ ที่ฉันแสดงกิริยาไม่สุภาพ” อลินเซียบอกด้วยน้ำเสียงหวานแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่อยากทำให้บอดี้การ์ดโกรธจนต้องเทศนาเธออีก
“ส่วนเรื่องที่คุณจะให้คนไปส่ง ฉันไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ เพราะฉันเอารถมา”
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณฟาริซ และขอโทษแทนคุณหนูของผมด้วย”
แดนนี่เอ่ยขึ้นก่อนก้มลงมามองคุณหนูอลินเซียที่ยังหน้างอ ยืนอยู่ข้างๆ เพียงแค่เห็นใบหน้าหวานเริ่มหงิกงอ เขาก็แทบหัวเราะออกมาอีกแล้ว ทุกครั้งที่หญิงสาวไม่พอใจ เธอก็มักแสดงกิริยาแบบนี้อยู่เสมอ เพราะแบบนี้ไงท่านมิคาเอลถึงเป็นห่วงนักหนา
“ครับ”
ฟาริซได้แต่ตอบรับอย่างแกนๆ ไม่ไม่พอใจกับคำตอบที่อีกฝ่ายพูดออกมา แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากนัก เพราะตอนนี้เขาสนใจสาวน้อยที่ยืนทำหน้าตูมอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นัยน์ตาสีฟ้านี่มากกว่า ดูหญิงสาวทำหน้าเข้าสิ ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล
“เชิญครับคุณหนู”
“ไม่ต้องมาทำเสียงหวานเลยนะแดนนี่ แดนนี่ขัดคำสั่งของฉัน ไหนบอกว่าจะไม่ตามมาไง นี่อะไรกัน แดนนี่เล่นตามติดฉันทุกฝีก้าวแบบนี้ อีกอย่างเส้นตายก็สามทุ่ม นี่ยังไม่สามทุ่มเลยนะ” อลินเซียบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด สรุปแล้วเธอก็โดนบอดี้การ์ดหน้าหล่อคนนี้ตามประกบอีกตามเคย
“ที่ผมบอกว่าสามทุ่ม นั่นหมายความว่าคุณหนูจะต้องเข้าบ้านก่อนสามทุ่มครับ” แดนนี่ก้าวเท้าเดินตามร่างระหงออกไปจากห้อง “คุณหนูไม่ฟังกฎของผมให้จบเสียก่อน”
เสียงทุ้มแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย ยังคงบอกอย่างเอ็นดู เขารักสาวน้อยคนนี้เหมือนน้องสาวแท้ๆ เลยทีเดียว ถึงไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา แต่เขาก็ทั้งรักทั้งหวง ไม่ต่างไปจากท่านมิคาเอลและคุณราฟาเอลเลยทีเดียว
“ฉันยี่สิบสี่แล้วนะ แดนนี่ ไม่ใช่ สิบสี่ที่จะต้องตามประกบตลอดยี่สิบชั่วโมงแบบนี้”
“ผมว่ากลับบ้านกันดีกว่าครับ อย่ามามัวทะเลาะกันเลย” แดนนี่เอ่ยขึ้นแล้วรีบก้าวเท้าเดินตามคุณหนูผู้แสนงอนให้ทัน
ฟาริซและคนสนิทได้แต่ยืนมองเจ้านายสาวกับลูกน้องหนุ่มด้วยความขบขันปนหมั่นไส้ ยิ่งเห็นท่าทางดูแลเอาใจใส่จนเกินเหตุของฝ่ายชายแล้วก็ยิ่งทำให้อารมณ์ของฟาริซเสียขึ้นมาแทบทันที
คามินหันมามองผู้เป็นนายด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสงสัยอย่างชัดเจน เพราะเหตุการณ์ที่เขาเห็นก็อาจเป็นไปได้ หากไปเล่าให้ใครฟังว่าเจ้านายหนุ่มจอมเย็นชาผู้นี้บังคับผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ แล้วยังได้เห็นสายตาอาฆาตจากหญิงสาวนาม อลินเซีย เซอเรนโซ นั้นอีก คามินเพิ่งเจอผู้หญิงที่กล้าปฏิเสธฟาริซก็วันนี้แหละ
“ไปสืบประวัติของอลินเซียมาให้ฉัน”
ฟาริซหันมาสั่งคนสนิทอย่างอารมณ์ดี จะไม่ให้เขาอารมณ์ดีได้ยังไงกัน ในเมื่อเขาเจอของเล่นชิ้นใหม่ แถมของเล่นชิ้นนี้ยังดูมีสีสัน มีชีวิตชีวาจนเขาเองแทบทนรอไม่ไหว หรือบางทีเขาอาจไปแวะเยี่ยมเธอถึงคฤหาสน์เซอเรนโซก็อาจเป็นไปได้
“ครับ”
“อ้อ...คามิน ฉันอยากได้ประวัติของอลินเซียโดยละเอียด ตั้งแต่เล็กจนโต แล้วก็เพื่อนที่สนิท ทั้งชายและหญิง หรือแม้แต่ผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอ”
“ได้ครับเจ้านาย”
คามินรับคำได้แต่สงสัยในพฤติกรรมของงุนงง มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของเขากัน การที่ฟาริซ เดินทางมาสเปนก็เพราะต้องการสืบข่าวของน้องชายคนรองที่หายสาบสูญไปพร้อมกับพนักงานสาวในโรงแรมและสืบหาเรื่องเงินที่หายไปจากบัญชี
//////////////
สองอาทิตย์ต่อมา ณ คฤหาสน์เซอเรนโซ
เจ้าของร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของน้องสาวด้วยความประหลาดใจ เหตุใดวันนี้แม่น้องสาวคนงามถึงยังไม่ไปบริษัท ราฟาเอลโน้มตัวลงมาพร้อมกับหอมแก้มนวลอย่างอ่อนโยน เขาทำแบบนี้เกือบทุกครั้งในยามเช้า สิบกว่าปีแล้วที่เขาปฏิบัติต่อน้องสาวผู้นี้
ไม่ใช่ว่าคิดอะไรเกินเลยกับอลินเซียหรอกนะ แต่เพราะเขาอยากมีน้องสาวเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นเขาบ้าง เมื่อเขารู้ว่าบิดาแต่งงานกับหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาเองก็แทบกระโดดโลดเต้นออกมาด้วยความดีใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาพยายามขอร้องให้ท่านมิคาเอลผู้เป็นบิดา หาใครมาดูแลเสียที
ตั้งแต่มารดาของเขาเสียไป ท่านมิคาเอลก็เอาแต่ทำงานจนไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย แล้วจู่ๆ ท่านก็มาบอกเขาว่าจะแต่งงาน เท่านั้นแหละเขาถึงกับกระโดดกอดท่านด้วยความดีใจ ในที่สุดความฝันของเขาก็สำเร็จไปตามเป้าหมาย
เขาอยากน้องชายและน้องสาวสักสองสามคน แต่สิ่งที่ทำให้เขาดีใจก็คงหนีไม่พ้น แม่น้องสาวคนงามผู้นี้แหละ มธุรส หรือ อลินเซีย เซอเรนโซ ลูกสาวเพียงคนเดียวของมารดาเลี้ยง
“บอน จอร์โน่ คาร่า* ทำไมวันนี้ถึงอยู่บ้านล่ะ ไม่ไปทำงานเหรอ”
“ไปสิคะ อลินรอพร้อมพี่ราฟาเอลนั่นแหละ”
อลินเซียหันมามองพี่ชายด้วยสายตาเอาเรื่อง นิสัยชอบแกล้งของพี่ชายคนนี้มันแก้ไม่หายสักที เธอบอกหลายครั้งแล้วไอ้เรื่องหอมแก้ม โอบกอดหรือแม้แต่อุ้มเธอ แต่สิ่งที่เธอพูดไปก็ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้คิดสนใจปฏิบัติตามเอาเสียเลย
“บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าหอมแก้มอลิน เกิดสาวๆ ของพี่มาเห็น อลินมิโดนทำร้ายเอาหรือคะ”
“ใครจะกล้าทำร้ายน้องสาวของพี่กัน”
น้ำเสียงอันแสนอบอุ่นของราฟาเอลตอบกลับน้องสาวอย่างอ่อนโยน เขาไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาทำร้ายน้องสาวที่น่ารักของเขาได้หรอก ตั้งแต่เขามีน้องสาวผู้น่ารักคนนี้ ชีวิตของเขาก็ดูจะมีสีสันไม่น้อย ยิ่งได้ตามกระทืบบรรดาหนุ่มๆ ที่เข้ามาวอแวแม่น้องสาวคนงามของเขาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เขามีความสุขไม่น้อย
//////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...