“วันนี้ฉันจะออกไปคนเดียว โอเคไหม”
“แต่คุณหนูครับ ผม...”
“ไม่มีแต่ แดนนี่คอยอยู่ที่บ้านนี่แหละ ฉันไปหาเพื่อนไม่นานหรอก เจอนรีกานต์ แล้วฉันก็จะกลับ”
“คุณหนูจะกลับมากี่ทุ่มครับ ผมจะได้บอกท่านมิคาเอลถูก”
สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นฝ่ายยอมคุณหนูอลินเซียผู้นี้อยู่ดี หากเธอบอกว่าไม่ ก็คือไม่ ขืนเขาไปห้ามหรือโวยวาย เธอก็ใช้ไม้แข็งกับเขาอีก นั่นก็คือสั่งห้ามเขาเข้าใกล้เธอเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งเขาเคยเจอมาแล้วและที่สำคัญเขาไม่อยากเจออีก
“ก็ได้ครับ แต่คุณหนูต้องสัญญากับผมก่อนน่ะครับว่าจะกลับมาบ้านก่อนสองทุ่ม”
“สามทุ่ม” อลินเซียเริ่มต่อรองเวลา เธอยี่สิบสี่ปีแล้วนะ ไม่ใช่สิบสี่ปีถึงได้เป็นห่วง ตามประกบเธอแบบนี้ “ว่ายังไงล่ะคะแดนนี่ สามทุ่ม โอเคไหม”
“ก็ได้ครับคุณหนู แต่ถ้าเลยสามทุ่มแล้วคุณหนูยังไม่กลับ ผมจะไปรับที่โรงแรมเอง”
“โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ”
อลินเซียพยายามไม่หัวเราะกับท่าทางของแดนนี่ หญิงสาวได้แต่นึกในใจว่า หากเธอเป็นลูกสาวของบอดี้การ์ดคนนี้จริงๆ มีหวังเธอคงลำบากไม่น้อย ที่ต้องมีคนคอยดูแลตามประกบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเช่นนี้
แดนนี่จ้องมองร่างระหงของคุณหนูอลินเซียอย่างเป็นห่วง เขาเลี้ยงดูเด็กสาวผู้นี้มาตั้งแต่เธออายุสิบสามจนตอนนี้ปาเข้าไปยี่สิบสี่แล้ว สิบกว่าปีแล้วที่เขาคอยดูแลคุณหนูอลินเซียผู้นี้แทนท่านมิคาเอลและคุณมธุรดา
“หากเกินสามทุ่ม ผมจะขับรถไปรับที่โรงแรมน่ะครับคุณหนู”
น้ำเสียงห้าวปนดูยังคงตะโกนไล่หลังร่างระหงไป แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินตามผู้เป็นนายสาวอีกคน เขาไม่จำเป็นต้องไปพร้อมกันก็ได้นี่นา ปล่อยให้คุณหนูอลินเซียขับรถออกไปก่อน
แล้วเขาก็ค่อยขับตามไปอีกคันก็แล้วกัน ยังไงเสียโรงแรมที่หญิงสาวไปก็มีเพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น นั่นก็คือโรงแรมอัมฟาล อัล ราเฟล ของชายหนุ่มนามฟาริซ อัมฟาล อัล ราเฟล
////////////
ฟาริซแปลกใจไม่น้อยเมื่อคนสนิทเดินเข้ามารายงานเขาว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งอยากพบควาริม ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าบอกคนสนิทเพียงไม่นานเจ้าของร่างระหงก็เดินตามคามินเข้ามาหาเขา
“มาแล้วครับ”
“ออกไปก่อน”
เขาละสายตาจากร่างระหงตรงหน้าหันไปมองคนสนิท เมื่อคามินเดินออกไปจากห้อง ฟาริซก็หันมาสนใจสาวน้อยตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่ใบหน้างามตลอดจนเรียวขางามอย่างสนใจ ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยคมแถมยังลักยิ้มแต้มอยู่ทั้งสองข้าง
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
ประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากเรียวเหมือนริมฝีปากของผู้หญิง อลินเซียถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เธอไม่คิดเลยว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ดูหล่อเหลา น่าเกรงขามถึงเพียงนี้ อาจด้วยท่าทางที่ดูนิ่งสงบนั่นหรือเปล่า ที่ทำให้เธอถึงกับตกตะลึงไปกับความดูดี เหมาะสมนั่น
‘เฮ้อ...นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันเนี่ย’
“ว่าไงครับคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับผม”
ฟาริซถามซ้ำ เมื่อยังเห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารัก กำลังยืนอึ้งอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนก้าวเท้ามาหยุดตรงหน้าร่างระหงด้วยความขบขันเขาก็ไม่ได้หลงตัวเองหรอก
แต่ใครๆ ก็บอกว่าเขาหน้าตาดี ดูหล่อเหลา จึงไม่แปลกหรอกที่สาวน้อยผู้นี้ตกตะลึงในความหล่อของเขา ฟาริซก้มลงมาจ้องมองใบหน้างามที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า
“สาวน้อย” น้ำเสียงทุ้มโน้มลงมากระซิบเบาๆ ข้างหู
“เฮ้ย...” อลินเซียถึงกับตกใจจนต้องผงะตัวออกมาอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่โน้มเข้ามาหาเธอ หญิงสาวขยับเท้าออกมาให้ห่างร่างสูงอย่างระแวดระวัง
“ว่ายังไงล่ะครับ มีธุระอะไรกับผม”
อาการของคนตรงหน้าทำให้ฟาริซถึงกับยิ้มกว้างเลยทีเดียว ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นอาการตื่นตระหนกของผู้หญิงคนไหนน่ารักเท่ากับสาวน้อยผู้นี้เลย ส่วนใหญ่เขาเจอแต่ผู้หญิงที่กล้าได้กล้าเสีย เพิ่งมีผู้หญิงคนนี้แหละที่แสดงอาการไม่พอใจเขาอย่างเปิดเผย
“ทำไมคุณจะต้องมายืนใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย”
น้ำเสียงหวานปนเขียว บ่นออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ อาจเพราะปกติเธอไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอขนาดนี้ แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร มีสิทธิ์อะไรถึงทำกับเธอแบบนี้
“ก็ผมเรียกคุณแล้วนะครับ แต่คุณก็ยังเฉย ผมก็เลยต้องเดินเข้ามาเรียกคุณใกล้ๆ ยังไงล่ะ”
เขายังตอบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ หากแต่ในดวงตากลับมีแววเจ้าเล่ห์อย่างที่เขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกัน กับความคิดในตอนนี้
‘ผู้หญิงอะไรน่ารักชะมัด ริมฝีปากก็น่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย หากฉันจูบเธอจะได้ไหมหนอ’
“นายควาริม เอาเพื่อนของฉันไปไว้ที่ไหน”
“เพื่อนเหรอ?”
ชายหนุ่มทวนคำถามของสาวน้อยตรงหน้าอย่างแปลกใจ เพื่อนคนไหนของเธอกัน ฟาริซสบตามองใบหน้างามอย่างพิจารณา เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเพื่อนที่สาวน้อยคนนี้พูดถึงคือใครกัน
“ใช่ คุณบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะว่านาย ควาริม พาเพื่อนของฉันไปไว้ที่ไหน”
“ผมก็ไม่รู้” เขาเองก็จนปัญญาเหมือนกัน ใครว่าเขาไม่อยากรู้ว่าตอนนี้เจ้าน้องชายคนรองหายไปไหน แล้วยังพนักงานสาวที่ชื่อ นรีกานต์ นั่นอีกหายไปไหน “ผมก็ตามหาน้องชายของผมอยู่เหมือนกัน”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณไม่รู้ว่านายควาริมหายไปไหน”
“ก็ผมไม่รู้จริงๆ”
ฟาริซยังยืนยันคำเดิม ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้างามที่เริ่มจะแดงระเรื่อด้วยความโกรธ แต่เขากลับคิดว่ามันดูน่ารักไม่น้อย ในยามที่สาวน้อยผู้นี้โกรธ นี่ขนาดโกรธเธอยังน่ารักขนาดนี้ หากอยู่ในยามปกติเธอจะน่ารักขนาดไหน
“คุณจะไม่รู้ได้ยังไงก็ในเมื่อพนักงานที่นี่บอกว่า คนสุดท้ายที่ยัยเลิฟอยู่ด้วยก็คือน้องชายของคุณ”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ก็ในเมื่อผมเองก็ยังหาน้องชายของผมไม่เจอเหมือนกัน”
จากที่คิดว่าสาวน้อยตรงหน้านี้น่ารัก สงสัยเขาคงคิดผิดเสียแล้ว เมื่อเขาสบตาคู่สวยกลับพบว่ามันดูวาวโรจน์จนน่ากลัว แต่มีหรือที่คนอย่างฟาริซจะกลัว ไม่มีทางเสียล่ะ ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าหาร่างระหงเพียงสองก้าวก็ถึงตัวเธอแล้ว
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะคุณ”
อลินเซียถึงกับหน้าถอดสี เมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาประชิดเธอจนแทบกอดกันอยู่แล้ว หญิงสาวพยายามขยับเท้าถอยหลังออกมาให้ห่างชายหนุ่มร่างใหญ่ที่พยายามคุกคามเธอ
“ฉันบอกให้ถอยไปไง”
ฟาริซเริ่มสนุกไม่น้อยกับท่าทางตื่นกลัวหวั่นไหวในดวงตาคู่สวยของสาวน้อยตรงหน้า ชายหนุ่มก้าวเท้าไปข้างหน้าทีล่ะก้าว แต่ร่างระหงตรงหน้าของเขาก็ขยับเท้าถอยหลังออกไปเช่นกัน เพียงไม่นานเขาก็ก้าวไปประชิดร่างระหงได้สำเร็จ เมื่อแผ่นหลังบางแน่นชิดไปกับผนังห้องทำงานของเขา
ชายหนุ่มใช้แขนทั้งสองข้างยื่นออกไปยันกับผนังห้องทำงาน แขนของเขาดักร่างระหงให้อยู่ในอ้อมแขนได้อย่างง่ายดาย
ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้ามาจนแทบจะแนบชิดกับใบหน้างามที่ตอนนี้ดูตื่นตระหนกจนน่าสงสารเลยทีเดียว แต่มันก็เพียงแค่คิดเท่านั้น
เขาอยากรู้เหลือเกินว่าริมฝีปากเล็ก น่าจูบนั้นจะหอมหวานสักแค่ไหน แล้วความคิดก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าคมโน้มลงมาพร้อมกับใช้ริมฝีปากร้อนปิดริมฝีปากบางเล็กนั้นอย่างหลงใหล
อลินเซียถึงกับตะลึง ช๊อกไปเลยทีเดียวเมื่อเธอโดนชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าโน้มลงมาจูบเธออย่างรวดเร็ว จนเธอไม่ทันได้ตั้งตัวหรือปัดป้อง ปล่อยให้อีกฝ่ายจูบเธออยู่อย่างนั้น
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...