คำถามของมารดาทำเอาเพลินวานหน้าเปลี่ยนสี เหมือนอย่างที่มารดาบอกไม่ผิด เธอไม่เคยแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์กับผู้ชายคนไหนมานาน นอกจากผู้ชายที่เธอแอบรัก และหอบเอาความหน้าด้านทั้งหมดที่มีไปสารภาพรักเขา… แต่เธอก็ได้ของขวัญตอบกลับเป็นหัวใจที่แตกสลายกลัดหนองมาถึงทุกวันนี้
“เพลินเพิ่งกลับมาสองวัน… จะให้ไปเคยเจอที่ไหนคะ… คุณนายเพลินไหมผู้ช่างสังเกต รอบคอบได้ทุกวินาที” หญิงสาวย่นจมูกหยอกเย้าตอบมารดาแล้วเดินนำออกไป เพราะกลัวว่าตัวเองจะทำให้มารดาจับพิรุธได้
คนเป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าเดินตามลูกสาวไป เพลินวานเป็นคนไม่เคยยอมใครเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิด อย่างนี้สินะพ่อลูกที่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน เรื่องของพ่อลูกคู่นี้เลยยังเหมือนเดิม… ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะต่างคนต่างไม่ยอมนี่แหละ
หลังจากที่เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมง เพลินวานเดินซื้อของครบเรียบร้อย รวมทั้งของใช้ส่วนตัวของเธอด้วย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงเวลานัดเพื่อนแล้ว หญิงสาวจัดแจงโทรหาตัวช่วยพร้อมกับนัดแนะเสร็จสรรพในระหว่างที่รอมารดาลองเสื้อ
“แม่ค่ะ เพลินมีนัดกับเพื่อนตอนเย็น เพลินให้น้ารตีมารับแม่นะคะ เพลินเพิ่งโทรหาน้ารตี พอดีว่าน้ารตีก็ทำเล็บอยู่ร้านประจำชั้นสองอีกฝั่งของห้างนี้พอดี”
“ได้! ไม่เป็นไรหรอกเพลิน แม่ไปทำเล็บกับน้ารตีที่ร้านทำเล็บเลยดีกว่า”
“เดี๋ยวเพลินไปส่งก็แล้วกันค่ะ เพลินยังพอมีเวลาอีกชั่วโมง...”
หลังจากที่เพลินวานไปส่งมารดาเรียบร้อย แทนที่เธอจะกลับไปเอารถที่เธอจอดไว้ แต่เธอกลับเลือกที่จะเรียกแท็กซี่ไปยังจุดหมายที่เธอนัดกับเพื่อนไว้แทน
“มาแล้วหรือวะไอ้เพลิน เมื่อคืนเมาปลิ้นนึกว่าจะมาไม่ได้”
“ได้สิ… แล้วนี่รินยังไม่มาหรือ” เพลินวานมองหาสมาชิกอีกคน
“มาแล้ว… มันยำมะม่วงอยู่หลังครัว ว่าแต่แกเถอะ หัวใจยังว่างอยู่หรือเปล่า” ช่อแก้วเย้าพร้อมชี้มือมาที่เพลินวานมองอย่างจับผิด
“เฮ้ย! ที่ไหนกัน เอาอะไรมาพูด ฉันยังไม่มีแฟน ฉันต้องมาถามยัยรินมากกว่าว่าความรักกับกับตันหนุ่มหล่อไปถึงไหนกันแล้ว”
“เฮ้อ… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าถึงไหนแล้ว หาเวลาเจอกันยากทุกที” ป่านฝันถือจานยำมะม่วงออกมาทันได้ยินพอดี ทอดเสียงอ่อนตอบกลับไป
“ท่าจะอายุยืนนะแก… พูดถึงปุ๊บก็โผล่มาปั๊บเลย” เพลินวานแหย่เพื่อน แต่คนโดนแหย่กลับไม่ใส่ใจที่จะตอบคำถาม ย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวทันที
“เธอแน่ใจนะ… ว่าไปอยู่ที่ฝรั่งเศสตั้งนาน ไม่มีคนเข้ามาจีบหรือชอบเธอบ้างหรือ”
“ไม่มี!” เพลินวานปฏิเสธเสียงสูงทันที เพื่อนสองคนส่งสายตายิ้มให้กัน ที่เพลินวานยังไม่รู้ว่าพวกเธอรู้ความลับของเธอหมดแล้ว
“แล้วไม่ชอบใครบ้างเลยหรือ” ป่านฝันซักต่อ
“จะไปชอบใครได้ วันๆ เจอแต่คนในครัว แต่ละคนทั้งอ้วนทั้งท้วม”
“แล้วเชฟอีรีคละ! หล่อ เก่ง โพรไฟล์เริดพอหรือเปล่า”
เพลินวานตาโตหันขวับมามองเพื่อนสาว แสดงอาการมีพิรุธชัดเจน เพื่อนเธอจะรู้ได้อย่างไรกัน ทั้งที่ผ่านมา… เธอปกปิดระวังตัวทุกอย่างก็ไม่รอดพ้นสายตาสาวแสบอย่างพวกนางไม่ได้
“พวกเธอรู้ได้ไง”
“นึกว่าจะมีเรื่องอะไรที่พวกฉันอยากรู้ แล้วจะหลุดพ้นสายตาไปได้หรือ… แม่เชฟสาวนักไต่ฝัน จะสารภาพเองดีดี หรือต้องให้โชว์หลักฐานมัดตัวฮ่ะ” ช่อแก้วรุกต่อจากป่านฝัน ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนสาวจนมุมแล้ว จนเพลินวานต้องเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังนั่นแหละ เพื่อนของเธอจึงได้หยุด
เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมงที่สามสาวนั่งคุยกัน แลกเปลี่ยน ทั้งจิกกัดกันบ้าง หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี จู่ๆ ป่านฝันก็โพล่งขึ้นมา
“ฉันต้องขอตัวไปก่อนนะ มีนัด”
“แกทิ้งเพื่อนที่ไม่เจอกันหลายปีไปหาผู้ชายหรือ” เพลินวานเย้าเพื่อน
“แหม… มันก็มีบ้างไรบ้างแหละ นานๆ เจอกันสักทีเหมือนกัน เดี๋ยวตามยัยช่อไม่ทัน เห็นเกลียดผู้ชายเหยงๆ แต่กลับหอบผ้าหอบผ่อนตามผู้ชายก่อนใคร” ก่อนออกไป ป่านฝันยังไม่วายหันกลับมาเหน็บเพื่อนอีกคนเพื่อความสะใจล้วนๆ ช่อแก้วเองมีหรือว่าเธอจะยอมแพ้ เธอก็แสบใช่ย่อยที่ไหน
“เออ… ก็ฉันมันสวยเริ่ดแตกต่างจากพวกเธอนี้”
“ย่ะ… พูดไปเถอะ เรื่องของเธอฉันรู้ดีกว่าใคร กว่าจะมาเป็นวันนี้ได้ก็นึกถึงฉันให้มากๆ” ป่านฝันทิ้งท้ายแหย่ก่อนที่เธอจะเดินออกไป เพราะทั้งคู่ได้แต่งงานกันเพราะป่านฝันเป็นแม่สื่อแม่ชัก
คล้อยหลังป่านฝัน ช่อแก้วก็หันกลับมาหาเพลินวานอีกครั้ง
“เอาไงนี่แก อกหักกลับมาจริงๆ นะหรือ หาให้เอาปะ”
“ไม่ล่ะ! ฉันเบื่อ ฉันคิดได้แล้วว่า การที่คนเราทำงานเลี้ยงตัวเองได้และอยู่ได้โดยที่ไม่แต่งงานก็มีถมไป ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร”
“อือ… ถ้าคิดได้อย่างนั้นก็ดี”
“ที่ร้านมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” ไม่เพียงแค่พูด เพลินวานลุกขึ้นไปช่วยเด็กในร้านขายหยิบของทันที ช่อแก้วได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง เพื่อนคนนี้มักเก็บงำความรู้สึกไว้คนเดียวเสมอ
จนเวลาล่วงเลยไปจนถึงแขกหมด และร้านจะปิดเพื่อนเจ้าของร้านก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับสักนิด จนเจ้าของร้านอดถามขึ้นมาไม่ได้
“นี่… แม่เด็กเนิอร์ส ทำไมวันนี้ยังไม่อยากกลับบ้าน มันก็จะสี่ทุ่มแล้วนะ ร้านฉันคนหมดจะปิดแล้วนะ ดึกมาก… กลับบ้านมันอันตราย” ช่อแก้วยื่นหน้ามาใกล้จ้องอย่างจับผิดเพราะเพื่อนติดบ้านอย่างกับอะไร ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะมานั่งแช่อารมณ์เอื่อยอยู่อย่างนี้
ช่อแก้วตบโต๊ะปัง “มีอะไรปิดบังหรือเปล่า… ตอบ!”
“ก็จะใครเสียอีกละ.. .ก็นายกะล่อน หน้าทะเล้น แถมยังยียวนกวนประสาทแย่งที่จอดรถฉันนะสิ” เพลินวานตอบในสิ่งที่ค้างอยู่ในใจออกมาทันที ถ้าเธอตกใจความในใจก็หลุดออกมาได้ทุกครั้ง
“นั่นไง” ช่อแก้วดีดนิ้วแปะ เพลินวานยิ้มเจื่อนมองหน้าเพื่อนที่โดนไล่ทัน
“นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องจะเอาคืนนายนั่น ฉันก็กลับแล้วเหมือนกัน เหนื่อยเต็มที”
“นี่เธอดึงเวลาไว้นานขนาดนี้ เพราะเรื่องผู้ชายหรือหรือเนี่ย ฉันชักอยากไปเจอหน้าผู้ชายที่ทำให้เธอโกรธได้แล้วสิ ปกติเธอเคยมีอารมณ์ร่วมกับผู้ชายที่ไหนกัน” ช่อแก้วยังสะกิดต่อมโมโหเพื่อนสาวไม่เลิก
“แกหยุดพูดเลยนะ ฉันกลับก็ได้ แกปิดร้านแล้วช่วยแวะไปส่งฉันที่ห้างหน่อย” เพลินวานก็บอกมาดื้อๆ
“ก็ได้… รอเดี๋ยวนะ” ช่อแก้วบอกพร้อมกับเดินไปช่วยพนักงานเก็บร้านต่อ